ผู้อุทธรณ์ : นาย ก.
หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ : กองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร
อุทธรณ์เรื่องนี้ได้ความว่า กองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร มีหนังสือ ที่ กท ๑๒๐๐/กนก. ๑๔๘ ลงวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ถึงบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด แจ้งว่ามีบุคคลอ้างว่าเป็นผู้ค้าในโครงการจตุจักร กรีนได้มีหนังสือขอคัดสำเนาเอกสารการให้เอกชนเช่าช่วงพื้นที่มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ที่ทำขึ้นระหว่างกรุงเทพมหานครกับบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดียจำกัด โดยอ้างว่ากระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด โดยนาย ก.กรรมการผู้จัดการ ผู้อุทธรณ์มีหนังสือลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ ถึงผู้อำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร คัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เอกสารสัญญาเช่าช่วงไม่ใช่เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าและสัญญาบริการที่ทางบริษัททำกับผู้เช่า และเอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดตัวเลขที่ทางบริษัทได้เสนอค่าตอบแทนการให้สิทธิ์ใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถให้กับกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร จึงไม่ควรเปิดเผยค่าตอบแทนให้บุคคลภายนอกทราบกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร มีหนังสือ ที่ กท ๑๒๐๐/กนก. ๒๓๒ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงผู้อุทธรณ์ แจ้งไม่รับฟังคำคัดค้านของบริษัท โดยให้เหตุผลว่า เหตุผลที่บริษัทกล่าวอ้างเป็นเหตุส่วนตัวไม่สามารถรับฟังเพื่อมิให้เปิดเผยสัญญาเช่าช่วงได้ เนื่องจากผู้ร้องมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ และเอกสารดังกล่าวกฎหมายบัญญัติไว้ให้เปิดเผยได้
ผู้อุทธรณ์มีหนังสือ (ไม่ระบุวัน เดือนและปี) ถึงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านของกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานครคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายได้พิจารณาคำอุทธรณ์ เหตุผลที่กองอำ นวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร ไม่รับฟังคำคัดค้าน คำชี้แจงเป็นหนังสือของผู้อุทธรณ์ กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร และเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปความได้ว่า นาย ข. และนาย ค. อ้างว่าเป็นผู้เช่าร้านค้าในโครงการจตุจักร กรีนซึ่งบริหารโครงการโดยบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด มีหนังสือลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ถึงผู้อำนวยการกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร เพื่อขอข้อมูลการให้เอกชนเช่าช่วงพื้นที่มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ที่ทำขึ้นระหว่างกรุงเทพมหานครกับบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าจะดำเนินการค้าในจตุจักรกรีนต่อไปหรือไม่ เนื่องจากได้เกิดปัญหาต่างๆ ที่ทำให้พวกตนได้รับความเสียหาย
ในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร มีหนังสือ ที่ กท ๐๒๐๐/กนก. ๓๔๕ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ชี้แจงเป็นหนังสือสรุปความได้ว่า เมื่อกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร ได้รับหนังสือขอข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ได้พิจารณาเห็นว่าอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ จึงแจ้งให้บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ทำคำคัดค้านภายใน ๑๕ วันนับแต่ได้รับหนังสือ บริษัท ไฮ ทราฟ
ฟิค มีเดีย จำกัด โดยผู้อุทธรณ์มีหนังสือลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ ถึงผู้อำนวยการกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร คัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เอกสารสัญญาเช่าช่วงไม่ใช่เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าและสัญญาบริการที่ทางบริษัททำกับผู้เช่า และเอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดตัวเลขที่ทางบริษัทได้เสนอค่าตอบแทนการให้สิทธิ์ใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถให้กับกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร จึงไม่ควรเปิดเผยค่าตอบแทนให้บุคคลภายนอกทราบ กองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร พิจารณาเหตุผลของผู้อุทธรณ์แล้วเห็นว่า เหตุผลที่ผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างเป็นเหตุส่วนตัวไม่สามารถรับฟังเพื่อมิให้เปิดเผยสัญญาเช่าช่วงได้ เนื่องจากผู้ร้องมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ และเอกสารดังกล่าวกฎหมายบัญญัติไว้ให้เปิดเผยได้ กองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร จึงมีหนังสือ ที่ กท ๑๒๐๐/กนก. ๒๓๒ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงผู้อุทธรณ์แจ้งไม่รับฟังคำคัดค้าน
ผู้อุทธรณ์มีหนังสือลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ถึงคณะกรรมการฯ ชี้แจงสรุปความได้ว่า เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ทำสัญญาเช่าพื้นที่มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กับกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นลานจอดรถยนต์และศูนย์อาหารโดยใช้ชื่อโครงการว่า “จตุจักร กรีน” ต่อมาในช่วงต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ กรุงเทพมหานครประสบเหตุการณ์อุทกภัย จึงไม่สามารถก่อสร้างโครงการ ร้านค้าย่อย รวมทั้งศูนย์อาหารได้ทันภายในเวลาที่กำหนด และไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มที่ จึงมีผู้เช่าร้านค้าบางรายพยายามจะขอยกเลิกสัญญาเช่าโดยการร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และฟ้องร้องคดีต่อศาล นาย ข. และนาย ค. ซึ่งเป็นผู้ขอข้อมูลข่าวสารเป็นผู้ทำสัญญาเช่าร้านค้ากับบริษัท ไฮ ทราฟฟิคมีเดีย จำกัด และพยายามจะขอยกเลิกสัญญาดังกล่าว โดยปัจจุบันผู้เช่าทั้งสองรายมียอดหนี้ค้างชำระกับบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด อยู่จำนวนมากและได้ขนย้ายทรัพย์สินภายในร้านออกไปโดยไม่แจ้งให้บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ทราบ ทั้งสองจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาผู้อุทธรณ์เห็นว่าไม่ควรเปิดเผยสัญญาเช่าช่วงพื้นที่ระหว่างบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดียจำกัด กับกองอำนวยการตลาดนัด กรุงเทพมหานคร เนื่องจากสัญญาดังกล่าวไม่ใช่สัญญาสัมปทานสัญญาผูกขาดตัดตอน หรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ ที่ต้องเปิดเผยตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ แต่สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาทางแพ่งที่บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ได้เสนอค่าตอบแทนรายละเอียดส่วนต่างของค่าเช่าช่วงที่จ่ายกับค่าเช่าที่ได้รับจากผู้เช่าร้านค้าภายในโครงการจตุจักร กรีน การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้ผู้ขอข้อมูลข่าวสารจึงอาจกระทบต่อข้อกฎหมายตามสัญญาเช่าที่บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด จะนำมาใช้บังคับกับผู้เช่าร้านค้าที่ต้องการยกเลิกสัญญากับบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยตามมาตรา ๑๕ (๒) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อีกทั้งผู้เช่าทั้งสองรายได้ร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ย ผู้เช่าทั้งสองรายจึงอาจนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในทางไม่สุจริตในการยื่นร้องเรียนและฟ้องร้องคดีกับบริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ต่อหน่วยงานต่างๆ ได้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารที่กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร เห็นว่าเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้ จึงปฏิเสธไม่รับฟังคำคัดค้านจากผู้อุทธรณ์ คือ เอกสารการเช่าช่วงพื้นที่มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ทำขึ้นระหว่างกรุงเทพมหานครกับบริษัทไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับเอกชนซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐจึงเป็นข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่ต้องมีความถูกต้อง โปร่งใสและตรวจสอบได้ ดังนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วเห็นว่าคำสั่งไม่รับคำคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลของกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร ชอบแล้วฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย จึงวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์