บึ้มสนั่น! โกดังสารเคมีในจีน “ระเบิด” ตาย 17 เจ็บ 400

Loading

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น ของเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ส.ค. 58) ตามเวลาท้องถิ่น เมืองเทียนจิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โกดังเก็บสารเคมีอันตราย รายงานแจ้งว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน แรงระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้ เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มองเห็นได้ในระยะไกลหลายกิโลเมตร หลังจากนั้นอาคารโกดังเก็บสินค้าได้พังถล่มลงมา โดยชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเปิดเผยว่า แรงระเบิดทำให้กระจกของอาคารบ้านเรือนสั่นไหว เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 13 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 250-400 คน ขณะที่ ศูนย์แผ่นดินไหวของจีน เปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่โกดังสินค้าในครั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดครั้งแรก เทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที น้ำหนัก 3 ตัน ส่วนระเบิดครั้งที่ 2 เทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ทั้งนี้ รายงานระบุอีกว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกไฟปะทุออกมาจากโกดังที่เกิดเพลิงไหม้ แล้วไปติดเข้ากับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้หน่วยดับเพลิงต้องระดมรถฉีดน้ำประมาณ 100 คัน ไปดับเพลิงที่โกดังแห่งนี้ และสกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบ รายงานเบื้องต้นสันนิษฐานว่า…

องค์การ รปภ

กล้องวงจรปิดยอดพุ่ง! ผวาระเบิด/ไม่วางใจ กทม…..

Loading

โดย…นิติพันธุ์ สุขอรุณ, กันติพิชญ์ ใจบุญ “กล้องวงจรปิด” หรือซีซีทีวีมีส่วนสำคัญในการล่าคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดคร่าชีวิตผู้คนที่แยกราชประสงค์ หลังเกิดเหตุร่วม 38 วัน ภาครัฐเรียกร้องให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า กระทั่งร้านขายปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ที่อาจเป็นช่องทางให้คนร้ายใช้ประกอบวัตถุระเบิดเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในร้านส่งผลให้ยอดขายกล้องเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดประสงค์ ศรศิลป์ มะการุณ จากร้านจำหน่ายกล้องซีซีทีวีย่านบ้านหม้อ แหล่งอุปกรณ์กล้องแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดเมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีคนมาติดต่อขอซื้อกล้องซีซีทีวีมากขึ้น จากเฉลี่ยจะมีน้อยเพียงแค่เดือนละ 20-30 ตัว แต่ปัจจุบันมียอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 10-20 ตัวทีเดียว “ถามลูกค้าว่าเพราะอะไร เขาก็บอกว่ากลัวเหตุ พบเห็นสิ่งต้องสงสัยได้ง่ายหรือเห็นว่าใครมาวางอะไรจะได้แจ้งตำรวจตามตัวได้เร็วกว่า บางคนแถวออฟฟิศที่ขอซื้อไปติดก็มีกล้องของ กทม.เช่นกัน แต่เขาคิดว่าหากมีเหตุร้ายต่างๆ จะประสานขอดูกล้องยาก ติดของตัวเองดีกว่าเพราะสบายใจ” ศรศิลป์ ย้ำ วิทยา ว่องไว จากอีกร้านย่านบ้านหม้อ ยืนยันว่า ยอดขายพุ่งขึ้นจริงเพราะลูกค้าบางรายไม่วางใจกล้องวงจรปิดของรัฐ ขณะเดียวกันหากเกิดเหตุขโมยขึ้นบ้านหรือเหตุร้ายละแวกบ้านก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่จริงหรือไม่ ดังนั้นการติดกล้องวงจรปิดเองน่าจะเป็นการช่วยเฝ้าระวังเหตุได้ วิทยา ระบุว่า ลูกค้าบางรายให้เหตุผลว่าหากคนร้ายมาเห็นกล้องก็คงไม่กล้าก่อเหตุอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญซึ่งก็คือความปลอดภัย “ยอดขายดีพอสมควร แต่ถ้าขายได้เพราะเหตุร้ายรุนแรงเช่นนี้ ถ้าให้เป็นผมก็คงไม่เลือกเอาดีกว่า สงสารคนเจ็บคนตาย” วิทยา ย้ำถึงเหตุระเบิด กิตติคุณ ทองอินทร์…

มือมืดอ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม แฮกเว็บจังหวัดลำพูน ต้องสั่งปิดตั้งแต่ตี 3

Loading

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ผู้ว่าฯ เมืองเจ้าแม่จามเทวีสั่งปิดเว็บไซต์จังหวัดกะทันหันตั้งแต่ตี 3 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ หลังถูกมือมืดแฮกกลางดึก สะพัดคนลงมืออ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม โพสต์ภาพโรฮิงญาถูกทารุณหรา พร้อมคำขู่ วันนี้ (24 ส.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา นายณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดระบบเว็บไซต์ http://www.lamphun.go.th ทั้งหมดจนถึงขณะนี้ หลังจากถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีแฮกเว็บไซต์ของจังหวัด เบื้องต้นมีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่ลงมือแฮกเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนครั้งนี้อ้างว่าเป็นกลุ่มมุสลิม ที่ชื่อว่า Fallag Gassrini จากตูนิเซีย โดยมีการโพสต์ภาพชาวโรฮิงญา ที่ถูกกระทำโดยรัฐบาลพม่า, ภาพชาวโรฮิงญาที่พยายามจะหนีมาทางเรือ เเละเด็กชาวมุสลิมที่โดนระเบิด พร้อมข้อความว่า “เพจคุณถูกเเฮ็คหน่วยรบ Cyber Fallag Gassrini เเละ DR Lamochi จากตูนิเซีย, ให้เกียรติคนของเรา ไม่งั้นจะเจอการต่อต้านจากเรา, พวกเราคือ Fallaga พวกเราคือชาวมุสลิม, พวกเรารักสันติ” ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นอกจากเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนแล้ว ยังมีเว็บไซต์ของหน่วยราชการอีกหลายจังหวัด เช่น เว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม…

ทางการสหรัฐฯ เผยถูกจารกรรมข้อมูลครั้งใหญ่ ระบุกำลังสงสัยว่าต้นทางมาจากประเทศจีน

Loading

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal และสถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่าหน่วยสืบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) กำลังทำการสอบสวนเหตุการณ์การจารกรรมข้อมูล  การจารกรรมข้อมูล การเข้าถึงความลับ จากระบบของรัฐบาลกลางที่อาจถือ ว่าเป็นการจารกรรมข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอาจจะมีข้อมูลส่วนบุคคลหลุดออกไปมากถึง 4 ล้านรายการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสอบสวนกลางระบุว่า การจารกรรมข้อมูลครั้งนี้ตรวจพบตั้งแต่เดือนเมษายนของปีนี้ และกระจายไปตามหน่วยงานต่างๆ โดยหน่วยงานที่โดนระบุชื่ออย่างชัดเจนคือ Office of Personnel Management ที่เป็นองค์กรบริหารบุคลากรของรัฐบาลกลาง (เทียบกับบ้านเราใกล้เคียงที่สุดคือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังสงสัยว่า การแฮกดังกล่าวนี้มีต้นทางมาจากประเทศจีนและแฮกเกอร์อาจได้รับการสนับสนุน จากทางการจีน ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกาออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้อง และระบุว่าอย่ารีบด่วนสรุปจนเกินไป อนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่สหรัฐส่งเครื่องบินสอดแนม บินใกล้กับหมู่เกาะทะเลจีนใต้ที่ทางการจีนอ้างสิทธิว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตัวเอง ที่มา – The Wall Street Journal (อาจจำเป็นต้องสมัครสมาชิก), CNN

จีนจำคุกนักข่าวหญิง เกา อี๋ว์ วัย 71 ปี ในความผิดปล่อยความลับแห่งชาติรั่วไหล

Loading

เอเจนซี–ศาลปักกิ่งตัดสินจำคุก 7 ปี นักข่าวหัวเห็ด เกา อี๋ว์ ผู้มักแฉคอรัปชั่นในกลุ่มชนชั้นนำบนเวทีการเมืองจีน ในความผิดปล่อยความลับของชาติรั่วไหล ศาลประชาชนชั้นกลาง หมายเลข 3 แห่งกรุงปักกิ่ง แถลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ขององค์กรในวันศุกร์ (17 เม.ย.) ระบุ นาง เกา อี๋ว์ วัย 71 ปี “ได้ฝ่าฝืนกฎหมายส่งข้อมูลที่เป็นความลับของรัฐให้แก่ต่างชาติ” จึงมีความผิดฐานปล่อยความลับของชาติรั่วไหลสู่ต่างแดน ศาลฯได้ตัดสินโทษนางเกา อี๋ว์ ได้แก่ โทษจำคุก 7 ปี และริบสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 1 ปี หลังจากได้รับการปล่อยตัว ศาลปักกิ่งได้เปิดการสอบปากคำพยานในคดีนางเกา อี๋ว์ ตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา (2557) โดยจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่กลุ่มผู้สื่อข่าวจีนมักโดนฯเพื่อลากตัวเข้าคุก สำหรับนางเกา ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ปีที่แล้ว ในฐานะผู้ต้องสงสัย “ปล่อยความลับของชาติรั่วไหลสู่ต่างแดน” สื่อทางการจีนรายงานกล่าวหาว่า นางเกา ได้เอกสารข้อมูลความลับของพรรคคอมมิวนิสต์มาอย่างผิดกฎหมาย และเผยแพร่ความลับนี้บนเว็บไซต์ของต่างชาติ เป็นที่เชื่อกันว่าเอกสารความลับฉบับที่เกาได้มานั้น เป็นเอกสารหมายเลข 9 ของพรรคฯ…