โดย…นิติพันธุ์ สุขอรุณ, กันติพิชญ์ ใจบุญ
“กล้องวงจรปิด” หรือซีซีทีวีมีส่วนสำคัญในการล่าคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดคร่าชีวิตผู้คนที่แยกราชประสงค์ หลังเกิดเหตุร่วม 38 วัน ภาครัฐเรียกร้องให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า กระทั่งร้านขายปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ที่อาจเป็นช่องทางให้คนร้ายใช้ประกอบวัตถุระเบิดเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในร้านส่งผลให้ยอดขายกล้องเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดประสงค์
ศรศิลป์ มะการุณ จากร้านจำหน่ายกล้องซีซีทีวีย่านบ้านหม้อ แหล่งอุปกรณ์กล้องแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดเมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีคนมาติดต่อขอซื้อกล้องซีซีทีวีมากขึ้น จากเฉลี่ยจะมีน้อยเพียงแค่เดือนละ 20-30 ตัว แต่ปัจจุบันมียอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 10-20 ตัวทีเดียว
“ถามลูกค้าว่าเพราะอะไร เขาก็บอกว่ากลัวเหตุ พบเห็นสิ่งต้องสงสัยได้ง่ายหรือเห็นว่าใครมาวางอะไรจะได้แจ้งตำรวจตามตัวได้เร็วกว่า บางคนแถวออฟฟิศที่ขอซื้อไปติดก็มีกล้องของ กทม.เช่นกัน แต่เขาคิดว่าหากมีเหตุร้ายต่างๆ จะประสานขอดูกล้องยาก ติดของตัวเองดีกว่าเพราะสบายใจ” ศรศิลป์ ย้ำ
วิทยา ว่องไว จากอีกร้านย่านบ้านหม้อ ยืนยันว่า ยอดขายพุ่งขึ้นจริงเพราะลูกค้าบางรายไม่วางใจกล้องวงจรปิดของรัฐ ขณะเดียวกันหากเกิดเหตุขโมยขึ้นบ้านหรือเหตุร้ายละแวกบ้านก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่จริงหรือไม่ ดังนั้นการติดกล้องวงจรปิดเองน่าจะเป็นการช่วยเฝ้าระวังเหตุได้
วิทยา ระบุว่า ลูกค้าบางรายให้เหตุผลว่าหากคนร้ายมาเห็นกล้องก็คงไม่กล้าก่อเหตุอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญซึ่งก็คือความปลอดภัย “ยอดขายดีพอสมควร แต่ถ้าขายได้เพราะเหตุร้ายรุนแรงเช่นนี้ ถ้าให้เป็นผมก็คงไม่เลือกเอาดีกว่า สงสารคนเจ็บคนตาย” วิทยา ย้ำถึงเหตุระเบิด
กิตติคุณ ทองอินทร์ เจ้าของร้านเพชรประกายเซอร์วิส ติดตั้งกล้องวงจรปิด กล่าวว่า ธุรกิจรับติดตั้งกล้องวงจรปิดขณะนี้กำลังขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากคุณภาพของกล้องมีความคมชัดตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยนอกจากนี้ ราคากล้องก็ถูกลงเพราะเกิดการแข่งขันของผู้ประกอบการมากขึ้น รวมถึงมาตรฐานการรับประกันสินค้าจากทางร้านติดตั้งด้วย แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ราคาค่าติดตั้งกล้องต้องใช้เงินประมาณ 3-4 หมื่นบาท ซึ่งทุกวันนี้ใช้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท ก็สามารถเลือกใช้กล้องวงจรปิดได้ครบชุด ประกอบด้วย กล้อง 4 ตัว เครื่องบันทึก 1 เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ 1 เครื่อง
สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่จะติดตามบ้านเรือนเลือกใช้กล้อง 4-8 ตัว แล้วแต่ขนาดพื้นที่อาณาบริเวณบ้าน บางส่วนใช้กล้อง 16 ตัว จะเป็นการติดตั้งในระดับโรงงาน
กิตติคุณ ยังวิพากษ์กล้องของ กทม. ว่า ภาพคนร้ายมือระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ เป็นภาพจากกล้องอะนาล็อกรุ่นเก่ามาก ที่มีค่าความคมชัดน้อยมาก หรือประมาณ 400-700 ทีวีไลน์ ขณะที่กล้องรุ่นปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นระบบไอพี ซึ่งมีความละเอียด 2-3 ล้านพิกเซล แต่มีราคาสูง ถัดมาคือสเปกระบบเอชดี มีราคาย่อมเยาลงมา มีความคมชัดถึง 1-2 ล้านพิกเซล ซึ่ง กทม.ควรใช้กล้องประเภทนี้ แต่เชื่อว่า กทม.คงไม่ซื้อเพราะมีราคาแพง
“ระบบอะนาล็อกความคมชัด 700 ทีวีไลน์ ถ้านำเข้าจากประเทศจีนราคาตัวละไม่ถึง 1,000 บาท พูดได้เลยว่ากล้องที่ กทม. ใช้โนเนมทั้งนั้น ทั้งที่สเปกแบบนี้แทบไม่มีใครใช้แล้ว จึงเป็นข้อเสียที่ว่าบริษัทไหนราคาถูกที่สุดก็ได้รับประมูลไป แต่ไม่ได้คุณภาพที่ดี” กิตติคุณ กล่าว
ลูกค้าบางรายที่เลือกซื้อกล้องซีซีทีวีนั้น ให้เหตุผลตรงกันอย่างหนึ่งคือไม่อาจหวังคุณภาพของกล้องจากทางการได้ และกล้องซีซีทีวีที่ดูแลคนกรุงนับสิบล้านคน คุณภาพจะแย่จริงหรือ สมดั่งคำตัดพ้อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.หรือไม่
คำชี้แจงจาก ไตรภพ ขันตยาภรณ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบจราจร สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ชี้แจงว่าภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์มีอยู่ 107 ตัว แต่มีกล้อง 4 จุดในพื้นที่เกิดเหตุที่ไม่สามารถใช้การได้ แบ่งเป็นบริเวณแยกราชประสงค์ 1 ตัว ถนนสีลม 1 ตัว แยกนราธิวาสราชนครินทร์ 2 ตัว ซึ่งปกติกล้องวงจรปิดจะต้องได้รับการซ่อมบำรุง ตรวจสภาพการใช้งานทุก 15 วัน ทั้งหมดจะมีอายุงานยาวนาน 6 ปี
สำหรับกล้องที่ถูกติดตั้งเพื่อความปลอดภัยทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ 50 เขต มีจำนวนทั้งสิ้น 4.7 หมื่นตัว มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ถูกเชื่อมโยงสัญญาณภาพเข้าสู่กองพัฒนาระบบจราจร จำนวน 1 หมื่นตัว ซึ่งสามารถสังเกตการณ์ ปรับมุมภาพให้หันซ้าย-ขวาได้จากห้องควบคุม
ขณะที่กล้องที่ไม่มีการเชื่อมโยงสัญญาหรือกล้อง รักษาความปลอดภัย ถูกติดตั้งแสดงภาพแบบเจาะจงทิศทางเดียวเท่านั้น เรียกว่ากล้อง Stand Alone จะบันทึกภาพอัตโนมัติด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลาเก็บบันทึกภาพนาน 7 วัน ส่วนกล้องประเภทเพื่อการจราจรมีจำนวน 280 กล้อง จะเชื่อมโยงระบบสัญญาณเข้าสู่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เท่านั้น
“กล้องที่อยู่บริเวณแยกราชประสงค์ยังเป็นกล้องรุ่นเก่า การพัฒนาต้องใช้เวลาและใช้เงินอีกมาก ที่ผ่านมามีการปรับปรุงใช้งานได้ทุกเครื่องโดยไม่มีกล้องดัมมี่อีกแล้ว” ไตรภพ กล่าว
ที่มา : http://www.posttoday.com/local/scoop_bkk/389716
23 กันยายน 2558 เวลา 12:25 น.