เสียงปืนเสียงระเบิดระงมปารีสอีกครั้ง หน่วยความมั่นคงฝรั่งเศสระดมกำลังล่าตัวการใหญ่บงการถล่มกรุงวันศุกร์ 13 ปิดพื้นที่ปฏิบัติการนาน 7 ชั่วโมง คนร้ายดับสอง หนึ่งในนี้เป็นหญิงระเบิดตัวตายเอง รวบผู้ต้องสงสัยได้อีกเจ็ด “ชาร์ลีเอบโด” ไม่พรั่นก่อการร้ายลงปกการ์ตูนเย้ย แต่ยุโรปยังผวาไม่เลิก ขู่บึ้มป่วนเตะบอล-สายการบิน อีกด้านฝรั่งเศส-รัสเซียบอมบ์ในซีเรียฆ่าไอเอสได้แล้วกว่า 30 ศพ
กองกำลังความมั่นคงของฝรั่งเศสเปิดปฏิบัติการจู่โจมครั้งใหญ่ที่ย่านแซงต์เด อนีส์ทางเหนือของกรุงปารีสตั้งแต่เช้ามืดของวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2558 เพื่อล่าตัวผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายครั้งนองเลือด ที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ปฏิบัติการยาวนาน 7 ชั่วโมงจบลงโดยผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 2 ราย ถูกจับกุม 7 ราย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 นาย
ปฏิบัติการที่ชานกรุงปารีสเกิดขึ้นที่อาคารอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งซึ่งฟรังซัว ส์ โมแลงส์ อัยการกรุงปารีส เปิดเผยว่า เบาะแสที่ได้จากการสอดแนมทางโทรศัพท์และพยานทำให้เชื่อได้ว่า อับเดลฮามิด อะบาอุด ที่ต้องสงสัยว่าเป็นคนวางแผนบงการโจมตีปารีสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน อยู่ภายในอพาร์ตเมนต์นั้น
การปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงกับผู้ต้องสงสัย 2-4 คนที่หลบซ่อนอยู่ภายในเริ่มต้นเมื่อเวลาประมาณ 04.20 น. เสียงปืนและเสียงระเบิดดังกึกก้องทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ต้องสั่งอพยพประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่นั้น หรือไม่ก็สั่งให้หลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้อง ผู้พักอาศัยในย่านนั้นซึ่งบางรายถูกพาตัวออกมาทั้งชุดชั้นใน กล่าวด้วยความหวาดผวาว่าต้องตกอยู่ท่ามกลางกระสุนปืน และคิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ก่อการร้ายซุกซ่อนตัวอยู่นั่น
พื้นที่นั้นเป็นที่ตั้งของสนามกีฬาสต๊าดเดอฟรองซ์ที่มือระเบิด 3 รายระเบิดฆ่าตัวตายด้านนอกสนามกีฬาระหว่างการแข่งขันฟุตบอลคืนวันศุกร์ที่ แล้ว จุดที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอยู่ไม่ใกล้จากสนามนี้ รายงานลำดับเหตุการณ์อ้างแหล่งข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 1 รายถูกสังหารภายในอพาร์ตเมนต์เมื่อเวลา 07.03 น. และไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังหลายครั้ง เวลาเกือบ 8 โมงเช้าเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องสงสัยว่าเป็นญิฮาดิสต์ 2 ราย เสียชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์นี้ รายหนึ่งเป็นหญิงที่จุดชนวนเสื้อกั๊กระเบิดปลิดชีพตนเอง มีตำรวจบาดเจ็บอย่างน้อย 3 นายระหว่างปฏิบัติการนี้
ต่อมาราว 09.17 น. เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ 3 ราย และจับชายกับหญิงอีก 1 รายจากบริเวณใกล้กัน เวลา 11.26 น. ตำรวจแถลงว่าปฏิบัติการยุติแล้ว และมีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมทั้งสิ้น 7 ราย โดยอีก 2 รายจับได้เพิ่มเติมจากในย่านเดียวกัน ทวิตเตอร์ของตำรวจฝรั่งเศสเปิดเผยด้วยว่า มีสุนัขตำรวจเพศเมียชื่อดีเซล วัย 7 ปีพันธุ์เบลเยียมเชพเพิร์ต ซึ่งเป็นสุนัขจู่โจมและดมระเบิด ถูกผู้ก่อการร้ายฆ่าตายระหว่างปฏิบัติการนี้ด้วย สร้างความเศร้าเสียใจแก่บรรดาชาวโซเชียลมีเดียที่พากันติดแฮชแท็ก #JeSuisChien (ฉันคือสุนัข)
ทางการฝรั่งเศสอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า อะบาอุดซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้บงการโจมตีปารีส อยู่ในกลุ่มคนที่ถูกจับกุมหรือถูกสังหารหรือไม่ ชายคนนี้เป็นสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เดิมเชื่อกันว่าหลบหนีการบุกจับกุมที่เบลเยียมเมื่อต้นปีนี้ได้และขณะนี้ อยู่ในซีเรีย
ก่อนหน้าปฏิบัติการนี้ มีวิดีโอภาพเหตุการณ์จากจุดเกิดเหตุจุดหนึ่งเผยให้เห็นว่ามีผู้ต้องสงสัยราย ที่ 9 ร่วมก่อเหตุด้วย หลังการก่อการร้าย 6 จุดทั่วกรุงที่สังหารผู้คนอย่างน้อย 129 คน มีผู้ก่อการร้ายตายในที่เกิดเหตุไป 7 ราย รายที่ 8 ที่ทราบว่าหนีรอดได้คือซาเลาะห์ อับเดสลาม ชายฝรั่งเศสอายุ 26 ปีที่เป็นพี่น้องของบราฮิม อับเดสลาม ที่ระเบิดฆ่าตัวตายในที่เกิดเหตุ
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ โอลลองด์ ของฝรั่งเศส แถลงเวลาต่อมาโดยได้ยกย่องการทำหน้าที่ของกองกำลังความมั่นคงโดยเฉพาะการ ปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยอันตรายและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งพิสูจน์ว่าประเทศนี้เกี่ยวพันอยู่กับ “การทำสงครามต่อต้านก่อการร้าย” โอลลองด์ได้จัดประชุมร่วมกับนายกเทศมนตรีทั่วประเทศ พร้อมประกาศด้วยว่ารัฐบาลจะมอบอาวุธและยุทธภัณฑ์แก่ตำรวจท้องที่เพิ่มเติม และเรียกร้องผู้คนทั้งประเทศอย่างได้ “จำนนต่อความหวาดกลัว” หรือมีปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุ
“พฤติกรรมต่อต้านชาวยิวหรือต่อต้านชาวมุสลิมเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมทนได้” เขากล่าวเตือน
การก่อการร้ายครั้งนี้เป็นการโจมตีนองเลือดที่กรุงปารีสครั้งที่ 2 ในปีนี้ ต่อจากเหตุการณ์ที่ญิฮาดิสต์บุกฆ่าหมู่ที่นิตยสารชาร์ลีเอบโดเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ และการโจมตีซูเปอร์มาร์เก็ตชาวยิว ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 17 ราย
นิตยสารชาร์ลีเอบโด ซึ่งเป็นนิตยสารการ์ตูนล้อเลียนที่เขียนภาพล้อศาสดาของอิสลามจนตกเป็นเป้า หมายของพวกญิฮาดิสต์ ได้แสดงการท้าทายและตอบโต้ผู้ก่อการร้ายด้วยแนวทางเสียดสีล้อเลียนของตนผ่าน ปกนิตยสารฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หน้าปกเป็นภาพชายชาวฝรั่งเศสที่ร่างกายพรุนด้วยรูกระสุน 4 รูที่มีน้ำพรั่งพรูออกมา แต่มือข้างหนึ่งถือขวดแชมเปญอีกข้างกำลังดื่ม พร้อมกับบรรยายใต้ภาพว่า “พวกนั้นมีอาวุธ ช่างหัวปะไร พวกเรามีแชมเปญ”
ภายหลังการก่อการร้ายสังหารหมู่อย่างสอดประสานกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้วซึ่ง กลุ่มไอเอสประกาศอ้างเป็นผู้ลงมือ ฝรั่งเศสได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มไอเอสในซีเรียขนานใหญ่ ปฏิบัติการนี้ได้รับการผสมโรงโดยรัสเซีย ซึ่งเพิ่งยืนยันว่าเครื่องบินโดยสารเมโทรเจ็ตที่ตกบนคาบสมุทรไซนายเมื่อวัน ที่ 31 ตุลาคม สังหารชีวิตชาวรัสเซียกว่า 220 คนนั้น เกิดจากการวางระเบิดเครื่องบิน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียบอกไว้เมื่อวันอังคารว่า การร่วมมือและติดต่อกันโดยตรงระหว่างฝรั่งเศสกับรัสเซียเพื่อร่วมงานกันฉัน ชาติพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็น
เมื่อวันพุธ องค์กรเอกชนกลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียกล่าวว่า ปฏิบัติการของฝรั่งเศสและรัสเซียในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นสามารถสังหารนักรบญิฮาดไอเอสได้ไม่ต่ำกว่า 33 ราย
รัฐบาลฝรั่งเศสกล่าวด้วยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินชาร์ลเดอโกลได้ออกเดินทางจากเมืองท่าตูลองในวันเดียว กันนี้ มุ่งหน้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการถล่มทางอากาศเพิ่ม เติมด้วย
โอลลองด์มีกำหนดพบกับปูตินในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ หรือ 2 วันหลังจากเขาเดินทางไปพบหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่กรุงวอชิงตัน
อีกด้านหนึ่ง ความหวั่นวิตกการก่อการร้ายยังเกาะกุมทั่วยุโรป เมื่อวันอังคาร การแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมชาติเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ที่เมืองฮันโนเวอร์ของเยอรมนีต้องประกาศยกเลิกกะทันหัน และต้องอพยพฝูงชนหลังตำรวจได้รับคำขู่วางระเบิด วันเดียวกันนั้น เที่ยวบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ 2 เที่ยวบินจากนครลอสแองเจลีสและกรุงวอชิงตันของสหรัฐมายังกรุงปารีสต้อง เปลี่ยนเส้นทางบิน สืบเนื่องจากได้รับคำขู่ระเบิดหลังจากเครื่องทะยาน เครื่องบินทั้ง 2 ลำลงจอดอย่างปลอดภัยและการตรวจค้นไม่พบระเบิด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ของประเทศไทย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก สตช. แถลงว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่า ในประเทศไทยยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายไอเอสอย่างแน่นอน และจะไม่มีกลุ่มก่อความไม่สงบในประเทศไทยเข้าไปร่วมกับการจัดตั้งขบวนการใดๆ เนื่องจากแนวความคิดแตกต่างกัน ส่วนในด้านการข่าวเชิงลึกยังไม่พบว่ากลุ่มไอเอสจะเข้ามาแฝงตัวกับกลุ่มก่อ ความไม่สงบต่างๆ ในประเทศไทยแต่อย่างใด ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าวในทุกมิติ เช่นการเรียนการสอนในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้อำนาจรัฐไทย บังคับใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรมและเป็นธรรม ขณะเดียวกันต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
“ขณะนี้ตำรวจมีการหาข่าวกรองในเชิงลึก ว่ามีกลุ่มเคลื่อนไหวในประเทศไทยหรือไม่ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการก่อการร้ายสากลที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกประเทศในช่วง นี้ ทางการไทยต้องป้องกัน 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งพื้นที่ บช.น.และ บช.ภ.1-9 อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงทั้งสถานทูตประเทศฝรั่งเศสและประเทศ คู่ขัดแย้งอีก 3-4 ประเทศ รวมทั้งจับตาการรวมตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วย” โฆษก สตช.ระบุ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มไอเอสจะตั้งสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า ที่ผ่านมาจะพบข่าวว่ามีคนของประเทศเพื่อนบ้านเราไปร่วมที่ซีเรีย แต่ในประเทศไทยจากการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ยืนยันได้ว่ายังไม่พบ ส่วนเรื่องข่าวที่จะมีการเปิดสาขาของไอเอสในภูมิภาคนั้นก็มีความเป็นไปได้ เพราะเป็นยุทธศาสตร์ของเขาในการขยายและหาสมาชิกเพิ่ม ขณะที่ไทยเองมีหน้าที่ในการป้องกัน โดยมีมาตรการหาข่าวและประสานกับประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก เนื่องจากถือเป็นภัยคุกคาม เกิดที่ไหนล้วนเป็นภัยคุกคามทั้งสิ้น
“มั่นใจกับมาตรการที่เรามีอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่ทำกันอย่างเต็มที่ ที่สำคัญเครือข่ายภาคประชาชนเองจะต้องช่วยกันดู เราต้องรักษาสังคมของเราในปัจจุบันที่ไม่ใช่สังคมสุดโต่งเอาไว้ให้ได้ ส่วนปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นคนละแบบกับที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ สำหรับการความร่วมมือในการป้องกันของอาเซียนนั้นอยู่ที่ความสัมพันธ์และความ ร่วมมือกัน” นายสุวพันธุ์ระบุ.
ที่มา ไทยโพสต์ พฤหัสบดี 19 พฤษจิกายน 2015