เบลเยียมปิดตายเมืองหลวงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ปฏิบัติการล่าผู้ก่อการร้ายจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อีก 21 คน แต่ “ซาลาห์ อับเดสลาม” ยังลอยนวล ประธานาธิบดีฝรั่งเศสพบนายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศมี “พันธกรณีร่วมกัน” ในการโจมตีไอเอส เครื่องบินรบฝรั่งเศสประจำฐานทัพลอยน้ำเปิดปฏิบัติการถล่มในอิรักและซีเรียแล้วเมื่อวันจันทร์
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายนว่า กรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยียมยังคงถูกปิดตายเพื่อปฏิบัติการตรวจค้นด้านความมั่นคงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ตามมาตรการเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายขั้นสูงสุด หลังจากนายกรัฐมนตรีชาร์ล มิเชล ประกาศว่ายังมีภัยคุกคามร้ายแรงและจวนตัวจากการก่อการร้ายแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ทำให้ผู้คนถูกสังหาร 130 คน โดยผู้ก่อการร้ายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างเป็นผู้ก่อเหตุ
กองกำลังความมั่นคงของเบลเยียมได้เปิดปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายครั้งใหญ่ โดยจู่โจมตรวจค้นอาคารสถานที่ต่างๆ 19 ครั้งในกรุงบรัสเซลส์ และอีก 3 ครั้งที่เมืองชาร์เลอรัวตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 16 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ยังตรวจค้นบ้านเพิ่มอีก 5 หลังในเมืองหลวงและอีก 2 แห่งในเมืองลีแอจ จับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มอีก 5 คน
แถลงการณ์ของสำนักงานอัยการกล่าวด้วยว่า นอกจากจับกุมผู้ต้องสงสัยได้รวม 21 รายแล้ว เจ้าหน้าที่ยังยึดเงินสดประมาณ 26,000 ยูโร (ราว 992,000 บาท) ได้จากการตรวจค้นจุดหนึ่ง และยังยึดสิ่งของหลายอย่างที่ตำรวจกำลังตรวจสอบ
อย่างไรก็ดี ผู้ที่ถูกจับกุมยังคงไม่ปรากฏเงาของซาลาห์ อับเดสลาม ผู้ร่วมก่อเหตุโจมตีปารีสอย่างน้อยหนึ่งคนที่เชื่อว่าหนีรอดได้ เจ้าหน้าที่ทราบว่าชายเชื้อสายโมร็อกโกที่เกิดในเบลเยียมวัย 26 ปีรายนี้ หนีข้ามแดนมายังเบลเยียมหลังก่อเหตุที่ปารีส และเชื่อว่าเขามีบทบาทสำคัญในการโจมตีครั้งนั้น พี่ชายของเขาชื่อบราฮิม เป็นหนึ่งในมือระเบิดที่ระเบิดตัวตายนอกบาร์แห่งหนึ่ง
พี่ชายของเขาอีกคนชื่อโมหะเหม็ด ซึ่งถูกสอบปากคำและยืนกรานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ได้เรียกร้องให้น้องชายของตนยอมมอบตัว โดยกล่าวว่าเป็นทางออกเดียวที่ครอบครัวของตนและของเหยื่อจะได้รับคำตอบต่อความทุกข์ทรมานที่น้องชายของตนมีส่วนก่อขึ้น
แถลงการณ์ของสำนักงานอัยการกลางเบลเยียม กล่าวถึงรายงานข่าวเหตุการณ์เกี่ยวกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่ง ที่สื่อเบลเยียมกล่าวกันว่าอับเดสลามใช้เป็นพาหนะหลบหนีเข้าเยอรมนี ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองลีแอจ โดยรถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหนีตำรวจเมื่อถูกเรียกหยุดเพื่อตรวจค้น แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับปฏิบัติการตรวจค้นที่กำลังดำเนินอยู่ และเจ้าหน้าที่ระบุรถยนต์คันนี้ได้แล้ว
ที่กรุงปารีส ตำรวจได้เผยแพร่ภาพถ่ายของมือระเบิดรายที่ 3 ที่ระเบิดฆ่าตัวตายด้านนอกสนามกีฬาสตาดเดอฟรองซ์ เพื่อให้สาธารณชนช่วยระบุตัวตนของเขา แหล่งข่าวใกล้ชิดการสอบสวนเผยว่า ชายคนนี้เดินทางเข้าฝรั่งเศสผ่านกรีซพร้อมกับมือระเบิดฆ่าตัวตายอีกคนหนึ่ง โดยถือหนังสือเดินทางชื่อโมหะหมัด อัลมะห์มุด
ตำรวจฝรั่งเศสเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ด้วยว่า นับแต่วันเกิดเหตุ กองกำลังความมั่นคงฝรั่งเศสได้ตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ทั่วแคว้นของปารีสแล้ว 298 ครั้ง และทางการได้วางกำลังตำรวจ 10,200 นายและทหาร 6,400 นายในแคว้นนี้ เน้นการรักษาการณ์สถานีโดยสาร, สนามบิน, สถานที่สาธารณะขนาดใหญ่, อาคารที่ทำการของรัฐบาล, แหล่งวัฒนธรรม, องค์กรสื่อและโรงพยาบาล สืบเนื่องจากยังมีภัยคุกคามระดับสูง โดยตรวจพบข้อความทางอินเทอร์เน็ตของพวกดาเอช (ไอเอส) จำนวนหนึ่งที่ยังพุ่งเป้าหมายที่ฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ โอลลองด์ ของฝรั่งเศสกำลังยุ่งกับการระดมพลังสนับสนุนจากผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการต่อสู้กับไอเอส เมื่อวันจันทร์ นายกฯ เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษเดินทางมาเยือนกรุงปารีสและทั้งคู่ได้ไปวางพวงหรีดไว้อาลัย ณ สถานที่จัดคอนเสิร์ตในเขตบาตาคล็อง ซึ่งมีเหยื่อถูกสังหารมากถึง 90 คน หนึ่งในนี้เป็นชายชาวอังกฤษ
ผู้นำทั้งสองได้พบหารือและได้แถลงข่าวร่วมกัน โดยคาเมรอนยืนยันว่า เขาสนับสนุนการดำเนินการของโอลลองด์อย่างหนักแน่นในการโจมตีไอซิล (อีกชื่อเรียกของไอเอส) ภายในซีเรีย และเขามีความเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นเช่นกันว่าอังกฤษจะดำเนินการแบบเดียวกันด้วย
คาเมรอนนำอังกฤษเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มไอเอสในอิรัก ซึ่งมีสหรัฐเป็นแกนนำ อยู่แล้วแต่เดิม แต่เขายังไม่สามารถขอความสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขยายปฏิบัติการไปในซีเรียด้วย กระนั้นคาเมรอนกล่าวว่า เขาได้เสนอให้ฝรั่งเศสใช้ฐานทัพอากาศของอังกฤษในไซปรัสเป็นฐานสำหรับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรักและซีเรียได้
ด้านโอลลองด์กล่าวว่า อังกฤษและฝรั่งเศสมี “พันธกรณีร่วมกัน” ในการโจมตีกลุ่มนักรบญิฮาดเหล่านี้
โอลลองด์ซึ่งประกาศว่าฝรั่งเศสกำลังทำสงครามกับพวกไอเอส มีกำหนดออกเดินทางไปกรุงวอชิงตันในวันอังคารเพื่อพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา วันถัดจากนั้นเขาจะพบกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกฯ เยอรมนีที่กรุงปารีส แล้ววันพฤหัสบดีจะพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งได้ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือใกล้ชิดกับโลกตะวันตกเพื่อกำราบไอเอส ภายหลังเหตุร้ายที่ปารีสและการวางระเบิดเครื่องบินโดยสารของรัสเซียที่อียิปต์ปลายเดือนก่อน โอลลองด์ยังเตรียมพบหารือกับประธานาธิบสีจิ้นผิงของจีนในวันอาทิตย์นี้ด้วย
ฝรั่งเศสและรัสเซียได้เพิ่มความเข้มข้นของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกลุ่มไอเอสในซีเรียยิ่งขึ้น และเมื่อวันจันทร์แหล่งข่าวทางทหารเผยว่า เครื่องบินรบราฟาลของฝรั่งเศสที่ประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินชาร์ลเดอโกล ที่ถูกส่งไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อสนับสนุนการถล่มทางอากาศ ได้เริ่มภารกิจแรกแล้วเมื่อวันจันทร์ หรือ 10 วันหลังปารีสโดนโจมตี
ฐานทัพลอยน้ำลำนี้มีเครื่องบินรบ 26 ลำ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถการโจมตีทางอากาศของฝรั่งเศสได้อีกเท่าตัว เดิมฝรั่งเศสมีเครื่องบินมิราจ 6 ลำ และราฟาล 6 ลำประจำในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และจอร์แดน แหล่งข่าวกล่าวว่า ภารกิจของฝรั่งเศสจะบินผ่านน่านฟ้าตุรกีหรือจอร์แดนแทน เพื่อหลีกเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรีย และเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางบินทับซ้อนกับรัสเซีย ฝรั่งเศสกำลังประสานงานกับรัสเซียผ่านศูนย์บัญชาการกองกำลังผสมของสหรัฐในกาตาร์
ด้านรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมาเครื่องบินรบของตนได้โจมตีเป้าหมายที่เป็นผู้ก่อการร้ายในซีเรียแล้ว 472 แห่ง ที่จังหวัดอาเลปโป, กรุงดามัสกัส, อิดลิป, ลาตาเกีย, ฮามา, ฮอมส์, รักกา และเดอีร์เอซซอร์ เป้าหมายที่ถูกทำลายรวมถึงรถบรรทุกน้ำมัน 80 คันใกล้เมืองรักกาซึ่งเป็นที่มั่นของไอเอส รวมถึงถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่และโรงกลั่นน้ำมันทางใต้ของเมืองนี้
ที่กรุงวอชิงตัน เบร็ตต์ แมกเกิร์ก ผู้แทนพิเศษของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับรายการ “เฟซเดอะเนชั่น” ทางสถานีซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาจะส่งทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษหลายสิบนายเข้าไปในซีเรีย “เร็วๆ นี้” ทหารหน่วยนี้จะทำหน้าที่จัดตั้งกองกำลังท้องถิ่นเพื่อสู้รบกับไอเอสทางตอนเหนือของซีเรีย ตามที่ประธานาธิบดีโอบามาเคยอนุมัติไว้เมื่อปลายเดือนตุลาคม
ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 16 (ASEAN Chiefs of Armies Multilateral Meeting : ACAMM-16) ในฐานะที่กองทัพบกไทยเป็นเจ้าภาพ โดยการประชุมมีขึ้นในระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย. โดยมีกองทัพบกในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, บรูไน, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว และเมียนมาเข้าร่วม
พล.อ.ธีรชัยกล่าวเปิดการประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 16 ว่า จากหัวข้อหลักของการประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน ในปีที่แล้วได้มีการถกแถลงข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันของกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียน ในการจัดการกับภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ อย่างหลากหลาย ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปีนี้ กองทัพบกไทยตระหนักดีว่า ภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนได้มีการพัฒนาเป็นลำดับเช่นกัน ทั้งภัยคุกคามทางด้านธรรมชาติในรูปแบบที่คล้ายคลึงหรือแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับที่ตั้งและภูมิศาสตร์แต่ละประเทศนั้น และภัยคุกคามที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น ก่อการร้าย, อาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมทั้งการแสวงประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนารูปแบบวิธีการค่อนข้างมาก สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายในมิติแห่งความมั่นคงที่สำคัญที่ทุกประเทศต้องเผชิญ ซึ่งยังคงอยู่และแสดงบทบาทสำคัญ และส่งผลกระทบมั่นคงต่อภูมิภาคในอนาคต
“ในเรื่องที่พวกเราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า กองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนจะร่วมกันเสริมสร้าง ความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคีในประเทศสมาชิก และประเทศคู่สัญญาในประเทศอาเซียน เพื่อร่วมกันดูแลภัยคุกคามต่างๆ ดังนั้นการประชุมในปีนี้ นอกจากเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเรายกระดับความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นกองทัพบกประเทศอาเซียนในภาพรวมที่สำคัญ”
พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า อีกประการหนึ่งคือ การส่งเสริมให้กลุ่มประเทศอาเซียน ที่เป็นองค์ประกอบหลักสำคัญของเสาหลักด้านการเมืองและความมั่นคงของอาเซียน ได้ใช้กลไกความร่วมมือของทหารที่มีอยู่เสริมสร้างสภาวะแวดล้อม ความมั่นคงปลอดภัย รวมทั้งการพัฒนาการแสวงหาความร่วมมือด้านความมั่นคงอื่นๆ เพิ่มเติม ให้มีความทันสมัยในช่วงเวลาอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อดำรงไว้ซึ่งความมีเสถียรภาพและความพร้อมที่จะเผชิญต่อภัยคุกคามและความท้าทายในรูปแบบต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาเซียน รวมทั้งสนับสนุนให้อาเซียนมีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการพัฒนาของประเทศสมาชิกให้ก้าวเดินไปด้วยกันอย่างสันติสุขและยั่งยืนต่อไป ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักการประชุมผู้บัญชาการทหารบกในกลุ่มประเทศอาเซียน ในฐานะประเทศเจ้าภาพขอให้ทุกท่านได้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ ซึ่งอาจจะกลายเป็นความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ การพบปะพูดคุยกันในช่วงระหว่างการประชุม มิตรจะได้กระชับมิตร เพื่อนใหม่จะได้ทำความรู้จักและได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น ที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจอันจะกลายเป็นเครือข่ายความร่วมมือ และเป็นพลังในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ได้อย่างแน่นแฟ้น
ที่มา : ไทยโพสต์ วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2558