ความเป็นมาของการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่

Loading

     การรักษาความปลอดภัยสถานที่ คือ มาตรการป้องกันหรือป้องปรามที่กำหนดไว้ โดยมุ่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะดำเนินการได้และมีความพร้อมต่อการเผชิญกับเหตุร้าย      ความจริงการรักษาความปลอดภัยสถานที่มาจากสามัญสำนึกและสัญชาติญาณของมนุษย์ในการระวังภัยอันตราย นับแต่ยุคหินที่อาศัยอยู่ตามถ้ำ มนุษย์ยุคหินที่อยู่เป็นกลุ่มรวมกันภายในถ้ำเดียวกันจะร่วมมือกันปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัย ไม่ให้มนุษย์ต่างกลุ่มหรือสัตว์ป่าเข้ามาหรือเข้าใกล้พื้นที่อาศัยของกลุ่มตน วิธีป้องกัน เช่น ก่อกองไฟไว้ที่ปากถ้ำ มียามเฝ้าทางเข้า และเมื่อรู้จักเลี้ยงสุนัข ก็ใช้สุนัขช่วยเฝ้าระวัง เป็นต้น ต่อมาเมื่อเจริญขึ้น จึงรู้จักประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงสำหรับปกป้องพื้นที่อาศัย เช่น ทำรั้วแบ่งอาณาเขตไปพร้อมกับการป้องกันภัยจากการรุกล้ำ จากกองไฟบนพื้นดินกลายเป็นคบไฟ และเป็นแสงไฟจากโคมส่องสว่างหรือไฟฉาย การประดิษฐ์เครื่องมือประเภทต่าง ๆ มาช่วยหรือเสริมการเฝ้าระวัง สังเกตการณ์ และการป้องกันจึงมีพัฒนาการเรื่อยมาพร้อมกับมีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น      ถึงแม้จะเกิดการพัฒนาวิธีการและเครื่องมืออุปกรณ์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่จุดมุ่งหมายในการใช้งานยังคงเดิม คือ การเฝ้าระวังและตรวจตรามิให้เกิดการบุกรุก กับแจ้งเตือน ป้องกัน และขัดขวางการลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ในครอบครอง อย่างไรก็ดี อาคาร สิ่งก่อสร้าง หรือสถานที่ตั้งในปัจจุบันมีทั้งขนาดที่ใหญ่และมีความสลับ ซับซ้อนของอาคารมากขึ้น จากสภาพนี้จึงต้องมีการวางแนวทางป้องกันมากยิ่งกว่าถ้ำในยุคหิน ดังนั้น ระบบการป้องกันจึงมีความซับซ้อนตามไปด้วย มาตรการการรักษาความปลอดภัยจึงมีการกำหนดขอบเขตมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่รองรับกับความซับซ้อนเหล่านั้น ได้แก่ ต้องมีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการรักษาความปลอดภัย ต้องมีการกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยเช่น จัดทำรั้ว/กำแพงแบ่งพื้นที่ จัดทำแสงส่องสว่าง จัดทำเครื่องกีดขวาง…

เหตุผลที่ต้องทำการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับบุคคล

Loading

เนื่องจากบุคคลคือสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการรั่วไหลของสิ่งที่เป็นความลับหรือสิ่งที่มีความสำคัญของทางราชการ จึงเป็นผลให้ต้องกำหนดการการรักษาความปลอดภัยบุคคลขึ้นมาเพื่อป้องกันภัยอันตราย จุดอ่อนที่เป็นภัยของบุคคลมาจาก    – ความภาคภูมิใจและความถือดี ความภาคภูมิใจนี้ทำให้เกิดความต้องการโอ้อวด แสดงออกเพื่อให้เห็นถึงความรอบรู้ ให้เป็นที่ยอมรับจากผู้อื่น ส่วนการถือดีทำให้เกิดความดื้อดึง อวดดีที่จะได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบอย่างปราศจากจิตสำนึก นับเป็นจุดอ่อนอย่างยิ่งที่จะถูกยั่วยุให้เปิดเผยสิ่งที่บุคคลนั้นได้รับรู้    – ความเชื่อหรือไว้วางใจ คือ การบอกเล่าถึงสิ่งที่เป็นความลับหรือข้อมูลข่าวสารสำคัญของทางราชการให้แก่บิดามารดา สามีภรรยา พี่น้อง ญาติ หรือเพื่อนสนิทให้ได้รับทราบ ทั้งที่บุคคลเหล่านั้นไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง    – ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากไม่มีจิตสำนึกถึงความสำคัญของสิ่งที่อยู่ในครอบครองของตน หรือไม่ตระหนักต่อภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน    – การขาดสติ การขาดความยั้งคิด เนื่องจากการเสพสุรา ของมึนเมา หรือยาเสพติด ทำให้เปิดเผยสิ่งที่เป็นความลับของทางราชการโดยไม่รู้สึกตัว    – ความประมาท เลินเล่อ ความเกียจคร้าน ทำให้เกิดการละเลยการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อป้องกันภัยอันตราย    – ความกระตือรือร้นจนเกินควร มีความตั้งใจมุ่งมั่นอย่างมากต่อการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นความลับ อาจทำให้เผลอเปิดเผยสิ่งที่เป็นความลับแก่บุคคลอื่น โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตนเองมุ่งประสงค์ที่จะปฏิบัติงานจนปราศจากการไตร่ตรองถึงผลกระทบในแง่อื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น

การคุกคามด้วยวัตถุระเบิด

Loading

เหตุผลในการคุกคามด้วยวัตถุระเบิด การคุกคามด้วยวัตถุระเบิดพิจารณาได้ 2 สาเหตุ ผู้ทำกระทำเพราะ ต้องการสร้างความเสียหายให้แก่เป้าหมายตามที่ตนกำหนดหรือคาดการณ์ไว้ ผู้ทำกระทำเพื่อ ให้เกิดความตื่นตระหนก หวาดกลัว จนฝ่ายปกครองไม่สามารถควบคุมความตื่นตระหนก หวาดกลัวที่เกิดขึ้นได้ การเตรียมการเพื่อเผชิญกับการลอบวางระเบิด ต้องมีการประเมินพื้นที่ที่เอื้อหรืออาจเอื้อต่อการลอบวางระเบิดไว้ก่อน เช่น ที่จัดเก็บน้ำมัน/แก๊ซ พื้นที่จัดเก็บสารเคมี เป็นต้น การเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวและผลความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ต้องจัดทำแผนผังบริเวณโดยรอบและอาคารที่ตั้งที่มีรายละเอียดชัดเจน และตรงกับสภาพการใช้งานในปัจจุบัน เช่น พิมพ์เขียวของอาคาร ตำแหน่งในอาคารที่มีการปรับปรุง/แก้ไขไปจากแบบแปลนเดิม เป็นต้น เมื่อใดที่ต้องเผชิญเหตุ แผนผังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องนำมาใช้ในการตรวจสอบเพื่อค้นหาจุดที่เอื้อต่อการก่อเหตุร้าย โดยเฉพาะที่ซุกซ่อนระเบิด และกำหนดเส้นทางอพยพออกจากพื้นที่เพื่อให้เกิดความเสียหายที่น้อยที่สุด การจัดทำแผนผังมีข้อพิจารณาคือ 2.1 บริเวณที่ตั้งและอาคารสถานที่เป็นแบบธรรมดา การจัดทำแผนผังสามารถแบ่งออกเป็นส่วนพื้นที่ที่ใช้ในการสนับสนุน เช่น สวนพักผ่อน ห้องน้ำ ทางเดิน ระเบียง เป็นต้น กับส่วนพื้นที่ที่ใช้ทำงาน พื้นที่นี้มีการติดตั้งหรือจัดเก็บทรัพย์สิน 2.2 บริเวณที่ตั้งและอาคารสถานที่เป็นแบบซับซ้อน การจัดทำแผนผังดำเนินการเช่นเดียวกับแบบธรรมดา แต่จำเป็นต้องเชิญผู้แทนที่รับผิดชอบพื้นที่จากทุกส่วนของอาคารมาร่วมจัดทำแผนผัง เพื่อ ให้ทราบรายละเอียดภายในตรงตามความเป็นจริงให้มากที่สุด เช่น อาคารหลายชั้น หรือมีเส้นทางเชื่อมโยงกับอาคารอื่น การปรับ-กั้นพื้นที่บางส่วนของอาคารเป็นการภายใน การจัดทำแผงควบคุมวงจรไฟฟ้าเพิ่ม เป็นต้น กำหนดสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนและต้องเป็นที่รับทราบ-ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สำหรับควบคุมการเผชิญเหตุในชั้นต้น ก่อนถ่ายโอนให้แก่หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

อาวุธเคมี

Loading

      เท่าที่พบข้อมูลการใช้สารเคมีในการสู้รบมีขึ้นประมาณ พ.ศ.114 ได้มีการเผาสารกำมะถันรมฝ่ายศัตรูในการรบระหว่างกลุ่มนครรัฐกรีกในคาบสมุทรเพโลปอนเนส (Peloponnesian War)  การนำสารรเคมีมาใช้ในการสู้รบที่ชัดเจนที่สุดคือ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ( พ.ศ. 2457-2461)ได้นำก๊าซน้ำตาคลอรีน (Chlorine) สารฟอสจีน (Phosgene) สารคลอโรพิคริน (Chloropicrin) มาใช้ แต่ปรากฎหลักฐานชัดเจนคือ กรณีทหารจากแคนาดาบาดเจ็บจากมาสตาร์ดก๊าซ (Mustard Gas) ต่อเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2482 – 2488)  เยอรมันใช้กรดไซยานิก (Cyanic Acid) สังหารหมู่ชาวยิว และมีหลักฐานว่ากองทัพเยอรมันสะสมสารพิษทำลายระบบประสาทจำนวนมาก ได้แก่ ทาบุน (Tabun) และซารีน (Sarin) ในสงครามระหว่างสามทศวรรษหลังนี้ อ้างว่า พบหลักฐานการใช้มาสตาร์ดก๊าซในสงครามระหว่างอิรัก-อิหร่าน  และล่าสุดเมื่อ พ.ศ.2556 นี้ มีการกล่าวโทษว่า รัฐบาลซีเรียใช้ก๊าซซารีนสังหารฝ่ายตรงข้ามและประชาชน      สำหรับการก่อการร้าย กรณีที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้น คือ กรณีกลุ่มลัทธิโอม ชินริเคียว (Aum Shinrikyo) ปล่อยก๊าซซารีนในขบวนรถไฟใต้ดินของกรุงโตเกียว…

เบลเยียมปิดเมืองจับอีก 21คน ฝรั่งเศสผนึกอังกฤษบอมบ์ IS

Loading

         เบลเยียมปิดตายเมืองหลวงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ปฏิบัติการล่าผู้ก่อการร้ายจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อีก 21 คน แต่ “ซาลาห์ อับเดสลาม” ยังลอยนวล ประธานาธิบดีฝรั่งเศสพบนายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศมี “พันธกรณีร่วมกัน” ในการโจมตีไอเอส เครื่องบินรบฝรั่งเศสประจำฐานทัพลอยน้ำเปิดปฏิบัติการถล่มในอิรักและซีเรียแล้วเมื่อวันจันทร์        สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายนว่า กรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยียมยังคงถูกปิดตายเพื่อปฏิบัติการตรวจค้นด้านความมั่นคงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ตามมาตรการเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายขั้นสูงสุด หลังจากนายกรัฐมนตรีชาร์ล มิเชล ประกาศว่ายังมีภัยคุกคามร้ายแรงและจวนตัวจากการก่อการร้ายแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ทำให้ผู้คนถูกสังหาร 130 คน โดยผู้ก่อการร้ายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างเป็นผู้ก่อเหตุ        กองกำลังความมั่นคงของเบลเยียมได้เปิดปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายครั้งใหญ่ โดยจู่โจมตรวจค้นอาคารสถานที่ต่างๆ 19 ครั้งในกรุงบรัสเซลส์ และอีก 3 ครั้งที่เมืองชาร์เลอรัวตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 16 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ยังตรวจค้นบ้านเพิ่มอีก 5 หลังในเมืองหลวงและอีก 2 แห่งในเมืองลีแอจ จับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มอีก…

บรัสเซลส์เริ่มเปิดเรียน-ให้บริการรถไฟ แต่ยังคงมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด

Loading

       จากรายงานของเอเอฟพี ชาลส์ มิเชล นายกรัฐมนตรีเบลเยียมกล่าว จะยังคงมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในกรุงบรัสเซลส์ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ เนื่องจากภัยคุกคามจากการก่อการร้ายยังคงมีอยู่ แต่โรงเรียนและระบบรถไฟใต้ดินจะกลับมาให้บริการอีกครั้งในวันพุธนี้        “ศูนย์ควบคุมสถานการณ์วิกฤติตัดสินใจที่จะคงระดับการเตือนภัยระดับ 4 เอาไว้ นั่นหมายถึงภัยคุกคามในขณะนี้ยังคงเป็นภยันตรายร้ายแรงอันใกล้จะถึง” มิเชลกล่าวต่อผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวเสริมว่าวันจันทร์หน้าจะมีการพิจารณาถึงระดับภัยคุกคามอีกครั้ง        “เราขอขอบคุณประชาชนที่มีความเข้าใจและอยู่ในความสงบ” นายกฯเบลเยียมกล่าว        การประจำการร่วมกันระหว่างกองทัพและตำรวจจะยังคงมีต่อไป และการจัดงานที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมากจะมีน้อยลง เนื่องจากรัฐเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันกับที่เกิดในปารีส        ทั้งนี้ส่วนอื่นๆ ของประเทศ รัฐบาลได้ประกาศให้ระดับการเตือนภัยที่ระดับ 3 ต่อไป หมายถึง เหตุโจมตีอาจเกิดขึ้นได้ และการข่มขู่คุกคามมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นจริง   ที่มา :  มติชนออนไลน์     วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2558