ไลน์แจ้งเหตุเท็จป่วนจนท.ชายแดนใต้
เหตุระเบิดภายในป้อม ชรบ. หรือชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2558 นอกจากจะสร้างความสูญเสียอย่างรุนแรง เพราะมีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน และบาดเจ็บอีก 4 คน แล้ว ยังปรากฏหลักฐานการสร้างความปั่นป่วนโดยผู้ไม่หวังดี ด้วยการสร้าง “รายงานแจ้งเหตุเบื้องต้นปลอม” ไปยังกรุ๊ปไลน์ของเจ้าหน้าที่ จนต้องตรวจสอบข่าวกันอย่างวุ่นวาย
“ทีมข่าว” ได้แคปเจอร์ “รายงานแจ้งเหตุเบื้องต้น” จำนวน 2 เหตุการณ์ เมื่อคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ถูกส่งเข้าไลน์กรุ๊ปของเจ้าหน้าที่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน (ดูภาพประกอบเรื่องภาพแรก) ด้านซ้ายมือ คือภาพจากไลน์กรุ๊ปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นรายงานการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่ใช้กัน ซึ่งเป็นเหตุระเบิดที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เบื้องต้นตามรายงานแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ต่อมามีรายงานเพิ่มเติมว่ามีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บ 4 คน
ส่วนด้านขวามือ คือ ภาพจากไลน์กรุ๊ปเช่นกัน มีลักษณะเป็นรายงานการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่เช่น เดียวกัน แต่เหตุการณ์ที่มีการแจ้งว่ามีระเบิดที่ร้านน้ำชา หมู่ 2 บ้านเปียน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คนนั้น เมื่อตรวจสอบในเวลาต่อมากลับพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
สังเกตดูด้านล่างของรายงาน จะมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเบอร์โทรศัพท์เหมือนกับรายงานของจริงทุกประการ แต่ไม่ได้เป็นเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ และ สภ.สะบ้าย้อย (เป็นเบอร์ของเจ้าหน้าที่ และ สภ.โคกโพธิ์) ต่อมาศูนย์แจ้งเหตุของ ศอ.บต. หรือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ตรวจสอบกับผู้รับผิดชอบในพื้นที่ ทั้ง สภ.สะบ้าย้อย และผู้ใหญ่บ้าน พบว่าไม่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น จึงแจ้งเตือนกลับมายังกรุ๊ปไลน์เจ้าหน้าที่ว่ารายงานเหตุการณ์เบื้องต้นดัง กล่าวเป็น “ข้อมูลลวง” (ดูภาพประกอบเรื่องภาพที่ 2 และ 3)
เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดมาแล้วหลายครั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะช่วงที่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เปิดกรุ๊ปไลน์สำหรับพูดคุยและแลกเปลี่ยนข่าวสารเป็นจำนวนมาก นับได้หลายสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสมาชิกหลายสิบคน ไปจนถึงหลายร้อยคน และสมาชิกในแต่ละกลุ่มไม่ได้มีแต่ตำรวจ ทหาร แต่ยังมีพลเรือนที่ได้รับเชิญเข้ากลุ่มด้วย ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกเข้าไป และส่งข้อมูลข่าวสารลวงสร้างความปั่นป่วนซ้ำเติมสถานการณ์จริง
คืนเดียวปลอม 3 เหตุ-สั่งสันติบาลล่าตัว
เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศชต. กล่าวว่า ตำรวจเมืองปัตตานีและหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงในพื้นที่ กำลังติดตามหามือป่วนแจ้งเหตุการณ์ความไม่สงบที่เป็นข้อมูลเท็จในโซเชีียลมี เดีย โดยเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน มีการตัดต่อข้อมูลเหตุระเบิดบริเวณป้อม ชรบ.ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แล้วดัดแปลงเป็นเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดร้านน้ำชา ที่บ้านเปียน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีผู้บาดเจ็บ 6 คน
นอกจากนั้น ยังมีการนำเหตุการณ์คนร้ายยิงใส่จุดตรวจของเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4201 บริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 บ้านตอหลัง หมู่ 1 ต.ตอหลัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และเหตุคนร้ายยิงหม้อแปลงไฟฟ้า บ้านตำมะสู หมู่ 3 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเหตุการณ์เก่า เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน นำมาแจ้งเป็นเหตุการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วย โดยฉวยจังหวะส่งข้อมูลในช่วงเกิดเหตุระเบิดป้อม ชรบ.ที่ อ.โคกโพธิ์
ขณะนี้ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาลปัตตานี สืบหาข่าวและจับกุมตัวผู้ไม่หวังดีสร้างข้อมูลเท็จมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน เบื้องต้นทราบเบาะแสของกลุ่มที่กระทำแล้ว
แก๊งป่วนไลน์ จนท.ระบาดหนัก
ขณะที่หน่วยข่าวกรองความมั่นคงในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า กลุ่มที่ปฏิบัติการป่วนในโซเชีียลมีเดีย เริ่มขึ้นในราว 2 ปีหลังมานี้ โดยคนกลุ่มนี้มักจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานแล้วมาแจ้งเหตุ เสมือนเพิ่งเกิดขึ้น หลายเหตุการณ์มีการส่งทั้งข้อมูลและภาพข่าว เพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ
อย่างเช่น เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดและวางเพลิงหลายสิบจุดใน จ.ยะลา กลุ่มผู้ไม่หวังดีก็ได้นำภาพเพลิงไหม้จากพื้นที่อื่นที่ไม่ได้เกิดขึ้นใน พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งเข้ามาในกรุ๊ปไลน์เพื่อสร้างความปั่นป่วน และทำให้ภาพความไม่สงบดูรุนแรงขึ้น
การรายงานแจ้งเหตุเท็จทางไลน์กรุ๊ปของเจ้าหน้าที่ ระบาดหนักและส่งผลกระทบในวงกว้างถึงขนาดที่ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้องออกมาย้ำเตือนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
“ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนที่รับฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ก แอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟซบุ๊ก ว่าอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ เพราะจะทำให้เกิดความตื่นตระหนก หากมีข้อสงสัยให้โทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1880 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเชื่อถือได้”
แจ้งข้อมูลทางไลน์ “ผิดหลักการ
แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานความมั่นคง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการให้ข่าวลวงแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ปัญหามาข่าวรั่ว เพราะมีคนของฝ่ายตรงข้ามแฝงตัวเข้ามาทำงานเป็นสายข่าว รวมทั้งการรายงานผิดหลักการรักษาความปลอดภัย เช่น การรายงานเหตุด่วนเหตุร้ายทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งโดยปกติแล้วห้ามใช้ ถ้าจะใช้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรัดกุม ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกเข้าไปในเขต Killing Zone (พื้นที่ที่ลวงให้เข้าไปแล้วโจมตี)
“ต้องยอมรับว่าเป็นความสะเพร่าของฝ่ายเจ้าหน้าที่เองถึงเป็นแบบนี้ หน่วยงานที่ผมเคยรับผิดชอบห้ามรายงานข้อมูลผ่านไลน์โดยเด็ดขาด ยกเว้นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ก็ให้ตั้งเป็นไลน์กรุ๊ปเฉพาะ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าร่วมเป็นสมาชิก” แหล่งข่าวระบุ
สร้างสถานการณ์โดยไม่ต้องลงทุน
ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการด้านอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การพยายามสร้างความปั่นป่วนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นความต้องการของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบอยู่แล้ว และที่ผ่านมาก็ทำทุกวิธี โดยการแจ้งเหตุเท็จ หรือเหตุรุนแรงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่กลุ่มที่ต่อสู้กับรัฐนำมาใช้ วิธีการเช่นนี้ทำให้เกิดผลทางจิตวิทยาในวงกว้าง ก่อให้เกิดความตื่นกลัวมากกว่าสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการก่อเหตุโดยไม่ต้องลงทุน แต่ผลของมันรุนแรงและกว้างขวางมาก โดยเฉพาะเมื่อสื่อมวลชนนำข้อมูลเท็จนั้นไปรายงานข่าวต่อ
ต้องไม่ลืมว่าผู้รับข่าวสาร เมื่อรับข่าวไปแล้วจะเกิดภาพจำในเหตุการณ์ และไม่ค่อยย้อนกลับมาฟังข้อมูลซ้ำ โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับข้อมูลของผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ฉะนั้นแม้จะมีการแก้ข่าวหรือแก้ไขข้อมูลตามมาในภายหลัง แต่คนจำนวนมากก็รับรู้และเชื่อไปแล้วว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทั้งที่จริงๆ แล้วบางเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลเหล่านี้ยังแพร่ไปทั่วประเทศ
ถือได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย!
ที่มา : คมชัดลึก วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2558