เฟซบุ๊ก กูเกิลและทวิตเตอร์ตกลงกับรัฐบาลเยอรมันจัดการเฮทสปีช

Loading

เฟซบุ๊ก กูเกิลและทวิตเตอร์ทำข้อตกลงกับรัฐบาลเยอรมันที่จะลบข้อความที่แสดงหรือสร้างความเกลียดชัง หรือที่เรียกว่าเฮทสปีชออกจากเว็บไซต์ของตัวเองภายใน 24 ชั่วโมง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเยอรมันนี ไฮโก มาส กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นการรับประกันว่ากฎหมายของเยอรมันจะมีผลบังคับใช้ในโลกออนไลน์ และโซเชียลมีเดียจะต้องไม่ “กลายเป็นมหกรรมบันเทิงสำหรับฝ่ายขวาจัด” ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานถึงการเหยียดผิวที่พุ่งสูงขึ้นในโลกออนไลน์ในประเทศขณะที่เยอรมันกำลังจัดการรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยเกือบหนึ่งล้านคนในปี 2558 และการที่เยอรมันต้อนรับผู้อพยพหลายแสนคนที่ส่วนใหญ่มาจากซีเรีย อิรักและอัฟกานิสถานได้ก่อให้เกิดปฏิกริยาความไม่พอใจจากฝ่ายชาตินิยมที่รวมถึงนีโอนาซี มาสบอกว่า การร้องเรียนเกี่ยวกับเฮทสปีชจะได้รับการพิจารณาโดย “คณะผู้เชี่ยวชาญ” ของบริษัททั้งสามที่ยังจะทำให้การร้องเรียนทำได้สะดวกมากขึ้นอีกด้วย คณะผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาข้อร้องเรียนโดยใช้เกณฑ์มาตรฐานของกฎหมายเยอรมัน “และไม่ใช่แค่เงื่อนไขการใช้งานของผู้ให้บริการแต่ละเจ้าอีกต่อไป” มาสบอกว่า “เมื่อมีการละเมิดขอบเขตของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เมื่อเป็นการแสดงความเห็นในทางอาชญากรรม การปลุกปั่นก่อความไม่สงบ การยุยงให้กระทำความผิดที่ส่งผลคุกคามต่อผู้คน เนื้อหาเช่นว่านี้จะต้องถูกลบออกไปจากอินเตอร์เน็ต” และย้ำว่าเป็นข้อตกลงที่จะต้องดำเนินการภายในเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้มาสและนักวิจารณ์คนอื่นๆ ได้กล่าวหาเฟซบุ๊กว่าดำเนินการฉับไวในการลบภาพโป๊เปลือยออกจากหน้าเพจของผู้ใช้ แต่กลับปล่อยให้มีข้อความเหยียดผิวและเกลียดกลัวชาวต่างชาติอยู่ต่อไปได้ ขณะที่เฟซบุ๊กระบุว่าอาศัยผู้ใช้ในการรายงานหรือร้องเรียนเกี่ยวกับข้อความที่แสดงหรือสร้างความเกลียดชัง ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

เฟซบุ๊กยอมแก้ไขนโยบายใช้ชื่อจริงหลังจากถูกประท้วงอย่างหนัก

Loading

เฟซบุ๊กประกาศจะแก้ไขนโยบายใช้ “ชื่อจริง” ที่เป็นปัญหามากหลังจากเผชิญกับการประท้วงอย่างรุนแรงจากกลุ่มต่างๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เฟซบุ๊กประกาศทดสอบใช้เครื่องมือใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้อธิบายเหตุผลที่ไม่สามารถใช้ชื่อจริงได้ในกรณีและสถานการณ์พิเศษ โดยระบุว่าเครื่องมือนี้มุ่งช่วยคนที่อาจประสบกับความรุนแรงในครอบครัวหรือกรณีที่การเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนอาจจะทำให้เขาหรือเธอตกอยู่ในอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กก็ยังยืนยันให้คนใช้ “ชื่อจริง” ยกเว้นในกรณีที่ไม่ปกติจริงๆ เท่านั้น “เรากำหนดให้คนใช้ชื่อที่เพื่อนฝูงและครอบครัวใช้เรียกตัวเอง” เฟซบุ๊กกล่าว “เมื่อคนใช้ชื่อที่ตนเป็นที่รู้จัก การกระทำและคำพูดของเขาก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นเพราะจะมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนพูดมากขึ้น” “แต่ว่าหลังจากได้รับเสียงสะท้อนความเห็นจากชุมชนผู้ใช้ เราก็เห็นความสำคัญที่นโยบายนี้จะต้องเหมาะกับทุกคนด้วย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ชายขอบหรือถูกเลือกปฏิบัติ” บริษัทยังได้เพิ่มเครื่องมือใหม่ในการรายงานชื่อปลอม โดยกำหนดให้คนที่แจ้งเรื่องคนอื่นใช้ชื่อปลอมต้องให้ข้อมูลบริบทเพิ่มมากขึ้นด้วย เฟซบุ๊กระบุว่าบริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องชื่อปลอมสัปดาห์ละหลายแสนกรณี “แต่เดิม ผู้ใช้สามารถแจ้งรายงานชื่อปลอมได้เลย แต่ตอนนี้จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนใหม่สองสามขั้นตอนเพื่อให้รายละเอียดแก่เรามากขึ้น” เฟซบุ๊กกล่าว “ข้อมูลบริบทที่เพิ่มมานี้จะช่วยให้ทีมงานตรวจสอบของเราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าทำไมจึงมีการร้องเรียน” เฟซบุ๊กได้รับการกดดันอย่างมากจากกลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิต่อนโยบายการใช้ชื่อจริงที่ทางบริษัทยืนยันหนักแน่นมาตลอด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากเสนอว่าคนที่ใช้สองชื่อหรือใช้นามแฝงนั้นแสดงถึง “การขาดความซื่อสัตย์” เมื่อปีที่แล้วกลุ่มชายที่นิยมแต่งตัวข้ามเพศในซาน ฟรานซิสโก ถูกลบบัญชีเฟซบุ๊กไปเนื่องจากถูกพิจารณาว่าละเมิดนโยบายดังกล่าว หลังจากเผชิญกับการต่อต้านอย่างมาก ทางบริษัทก็ยอมรับว่าได้กระทำผิดพลาดไปที่ไปลบบัญชีเหล่านั้น แต่ก็บอกว่าบริษัทต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายในการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้ในเครือข่าย กลุ่มองค์กรที่ทำงานเรื่องสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองได้รวมตัวกันจัดตั้ง “เครือข่ายพันธมิตรไร้ชื่อ” ขึ้นมาเพื่อกดดันเฟซบุ๊กให้เปลี่ยนนโยบายนี้ เครื่องมือใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวันอังคารนั้นยังห่างไกลจากข้อเสนอของกลุ่มดังกล่าวอยู่มาก แต่ผู้แทนจากเฟซบุ๊กก็ได้พบกับสมาชิกของเครือข่ายพันธมิตรไร้ชื่อแล้ว ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

กลุ่มรณรงค์เสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสารวิพากษ์กรณีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้รับเอกสารลับของคณะรัฐมนตรี

Loading

     ข้อมูลจากการระบุในเอกสารของรัฐบาลอังกฤษที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากมีการรณรงค์ต่อสู้ในเรื่องเสรีภาพในข้อมูลข่าวสารชี้ว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงได้รับสำเนาเอกสารลับสำหรับแจกจ่ายในคณะรัฐมนตรีของอังกฤษด้วย ขณะที่กลุ่มรณรงค์ที่ใช้ชื่อว่า รีพับลิค (สาธารณรัฐ) ที่ได้ข้อมูลดังกล่าวหลังจากทำการรณรงค์ต่อสู้เพื่อเสรีภาพในข้อมูลข่าวสารมาเป็นเวลาสามปี กล่าวว่าการเข้าถึงข้อมูลของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง      หนังสือที่เรียกว่า “พรีซีเดนท์ บุค (หนังสือแบบอย่างบรรทัดฐาน)” ของสำนักงานคณะรัฐมนตรีระบุว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระราชินี รัฐมนตรีและบุคคลอื่นอีกจำนวนหนึ่งเป็นผู้ได้รับเอกสารต่างๆ ของคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการกระทรวงต่างๆ โดยหนังสือเล่มดังกล่าวถูกเขียนขึ้นในปี 2535 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการดำเนินการเช่นนั้นมานานกว่า 20 ปีแล้ว      หนังสือระบุว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นความลับมากจนต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษกับการแจกจ่าย และรัฐมนตรีจะได้รับเอกสารด้วยตัวเอง บุคคลที่ได้รับบันทึกการประชุมคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยพระราชินี เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ รัฐมนตรีทั้งหมด อัยการสูงสุดและวิปหรือผู้คุมเสียงในสภา      เนื้อหาสี่บทของหนังสือเล่มนี้ได้รับการเปิดเผยต่อกลุ่มรีพับลิคหลังจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีล้มเหลวในการคัดค้านการเปิดเผยต่อสาธารณะ      กลุ่มรณรงค์ดังกล่าวได้ส่งจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน โดยเรียกร้องให้เขายุติการส่งเอกสารไปให้กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์      จดหมายดังกล่าวระบุว่า “เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงสามารถล็อบบี้ข้อเสนอนโยบายใหม่ๆ ได้ ก่อนหน้าที่ประชาชนจะทันได้รู้ว่ามีข้อเสนอเหล่านั้นเสียอีก”      หัวหน้ากลุ่มรีพับลิค แกรห์ม สมิธ บอกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรง “ไม่มีความจำเป็นที่ชอบธรรม” ที่จะได้เห็นเอกสารเหล่านั้น และเขาเรียกการปฏิบัติดังกล่าวว่า “ค่อนข้างไม่ธรรมดาและยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง”…

เผยเหตุขู่ก่อการร้ายในโรงเรียนทั่วลอสแอนเจลิสวานนี้เป็นคำขู่หลอก

Loading

สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอแถลงว่า เหตุขู่ก่อการร้ายโรงเรียนเกือบพันแห่งทั่วเขตนครลอสแอนเจลิสวานนี้ เป็นคำขู่ที่ “ไม่น่าเชื่อถือ และไม่มีความเฉพาะเจาะจง” และว่า สำนักงานเขตการศึกษาในนครนิวยอร์คก็ได้รับคำขู่ดังกล่าวเช่นกัน แต่ไม่มีการดำเนินมาตรการป้องกันใดๆ เนื่องจากไม่เชื่อถือในคำขู่ดังกล่าวมาแต่ต้น เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตการศึกษานครนิวยอร์ค ได้วิจารณ์การดำเนินมาตรการป้องกันของสำนักงานเขตการศึกษานครลอสแอนเจลิส ซึ่งให้โรงเรียนทั้งหมดปิดทำการสอนไว้ก่อนว่า เป็นการกระทำที่ตื่นตูมเกินกว่าเหตุ แต่ฝ่ายนครลอสแอนเจลิสโต้ว่า การละเลยคำขู่ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ สำนักข่าวเอพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไม่เปิดเผยชื่อผู้หนึ่งว่า วานนี้ทางการนครนิวยอร์คได้รับอีเมลขู่ว่า จะมีการโจมตีทุกโรงเรียนในเมืองด้วยระเบิดหม้ออัดความดัน แก๊สทำลายประสาท และปืนกล ส่วนอีเมลที่ทางการนครลอสแอนเจลิสได้รับนั้นขู่ว่า จะโจมตีโรงเรียนทุกแห่งด้วยปืนยาวไรเฟิลและวัตถุระเบิด ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai Links : http://www.bbc.com/news/world-us-canada-35102954

จีนเรียกร้องนานาชาติเคารพอธิปไตยในโลกไซเบอร์ของแต่ละประเทศ

Loading

ที่งานประชุมอินเทอร์เน็ตโลก ซึ่งมีจีนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่มณฑลเจ้อเจียง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนกล่าวว่า แต่ละประเทศควรมีสิทธิ์ขาดในการพัฒนาและควบคุมระบบอินเทอร์เน็ตด้วยวิถีของ ตนเอง ไม่ควรมีประเทศใดมุ่งสร้างอิทธิพลครอบงำโลกไซเบอร์ หรือกระทำการบั่นทอนความมั่นคงของประเทศอื่น นายจอห์น ซัดเวิร์ธ ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่ได้เข้าร่วมการประชุมนี้ บอกว่าคำกล่าวของนายสีนั้นเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า มาตรการความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์และการควบคุมอินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็น ประเด็นสำคัญระดับชาติของจีน โดยนายสีกล่าวย้ำว่า จีนนั้นมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 650 ล้านคน จึงควรมีสิทธิ์มีเสียงในการร่างกฎระเบียบการใช้อินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะบล็อกหรือเซ็นเซอร์ข้อมูลประเภทใดบ้าง ด้วย นายสีระบุด้วยว่า เขาสนับสนุนระบบการจัดการทั่วโลกเพื่อรับมือกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน ทางที่ผิด ต่อต้านการสอดแนมและการโจรกรรมข้อมูล และจะต่อสู้กับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยการตัดสินใจในเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือเป็นการตัดสินใจของกลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ดูวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai