ซีไอเอถอนสายลับออกจากกรุงปักกิ่งหลังถูกโจมตีข้อมูลรัฐบาลกลางอย่างหนัก หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯยอมรับว่าตัวเองก็จารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของประเทศอื่นเช่นกัน

Loading

ซีไอเอถอนสายลับออกจากกรุงปักกิ่งหลังถูกโจมตีข้อมูลรัฐบาลกลางอย่างหนัก หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯยอมรับว่าตัวเองก็จารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของประเทศอื่นเช่นกัน ภาพจาก © AP Photo/ J. Scott Applewhite วันที่ 1 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า “CIA Pulled Spies from Beijing After Massive Federal Data Hack” รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯบอกว่า CIA ได้ถอนเจ้าหน้าที่ของตนเองออกจาสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงปักกิ่ง หลังจากพบว่าข้อมูลพนักงานของรัฐหลายแสนคนถูกแฮ็ก ทางกรุงวอชิงตันออกมาตำหนิรัฐบาลจีน (โดยอ้าง) ว่าแฮ็กข้อมูลสำนักงานฝ่ายบริหารงานบุคคลของสหรัฐฯ (US Office of Personnel Management – OPM) เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ รายงานข่าวบอกว่าการขยับขององค์กรซีไอเอในครั้งนี้หมายถึงการปกป้องเจ้าหน้าที่ (ถ้ำมองของสหรัฐฯ) ที่ทำงานร่วมกับองค์กรฯของสหรัฐฯซึ่งอาจจะถูกเปิดโปงเนื่องจากการแฮ็กข้อมูลดังกล่าว – เจ้าหน้าที่กล่าวกับหนังสือพิมพ์ (ก็ไม่รู้ว่างานนี้สหรัฐฯกำลังเล่นละครเสมือนจริงอีกฉากหนึ่งหรือเปล่านะ) แต่ James Clapper ผอ.ศูนย์ข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯได้ยืนยันต่อคณะกรรมาธิการด้านการสนับสนุนอาวุธของวุฒิสภาว่า กรณีของ OPM นั้นไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์…

บึ้มสนั่น! โกดังสารเคมีในจีน “ระเบิด” ตาย 17 เจ็บ 400

Loading

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น ของเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ส.ค. 58) ตามเวลาท้องถิ่น เมืองเทียนจิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โกดังเก็บสารเคมีอันตราย รายงานแจ้งว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน แรงระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้ เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มองเห็นได้ในระยะไกลหลายกิโลเมตร หลังจากนั้นอาคารโกดังเก็บสินค้าได้พังถล่มลงมา โดยชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเปิดเผยว่า แรงระเบิดทำให้กระจกของอาคารบ้านเรือนสั่นไหว เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 13 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 250-400 คน ขณะที่ ศูนย์แผ่นดินไหวของจีน เปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่โกดังสินค้าในครั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดครั้งแรก เทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที น้ำหนัก 3 ตัน ส่วนระเบิดครั้งที่ 2 เทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ทั้งนี้ รายงานระบุอีกว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกไฟปะทุออกมาจากโกดังที่เกิดเพลิงไหม้ แล้วไปติดเข้ากับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้หน่วยดับเพลิงต้องระดมรถฉีดน้ำประมาณ 100 คัน ไปดับเพลิงที่โกดังแห่งนี้ และสกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบ รายงานเบื้องต้นสันนิษฐานว่า…

องค์การ รปภ

กล้องวงจรปิดยอดพุ่ง! ผวาระเบิด/ไม่วางใจ กทม…..

Loading

โดย…นิติพันธุ์ สุขอรุณ, กันติพิชญ์ ใจบุญ “กล้องวงจรปิด” หรือซีซีทีวีมีส่วนสำคัญในการล่าคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดคร่าชีวิตผู้คนที่แยกราชประสงค์ หลังเกิดเหตุร่วม 38 วัน ภาครัฐเรียกร้องให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า กระทั่งร้านขายปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ที่อาจเป็นช่องทางให้คนร้ายใช้ประกอบวัตถุระเบิดเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในร้านส่งผลให้ยอดขายกล้องเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดประสงค์ ศรศิลป์ มะการุณ จากร้านจำหน่ายกล้องซีซีทีวีย่านบ้านหม้อ แหล่งอุปกรณ์กล้องแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดเมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีคนมาติดต่อขอซื้อกล้องซีซีทีวีมากขึ้น จากเฉลี่ยจะมีน้อยเพียงแค่เดือนละ 20-30 ตัว แต่ปัจจุบันมียอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 10-20 ตัวทีเดียว “ถามลูกค้าว่าเพราะอะไร เขาก็บอกว่ากลัวเหตุ พบเห็นสิ่งต้องสงสัยได้ง่ายหรือเห็นว่าใครมาวางอะไรจะได้แจ้งตำรวจตามตัวได้เร็วกว่า บางคนแถวออฟฟิศที่ขอซื้อไปติดก็มีกล้องของ กทม.เช่นกัน แต่เขาคิดว่าหากมีเหตุร้ายต่างๆ จะประสานขอดูกล้องยาก ติดของตัวเองดีกว่าเพราะสบายใจ” ศรศิลป์ ย้ำ วิทยา ว่องไว จากอีกร้านย่านบ้านหม้อ ยืนยันว่า ยอดขายพุ่งขึ้นจริงเพราะลูกค้าบางรายไม่วางใจกล้องวงจรปิดของรัฐ ขณะเดียวกันหากเกิดเหตุขโมยขึ้นบ้านหรือเหตุร้ายละแวกบ้านก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่จริงหรือไม่ ดังนั้นการติดกล้องวงจรปิดเองน่าจะเป็นการช่วยเฝ้าระวังเหตุได้ วิทยา ระบุว่า ลูกค้าบางรายให้เหตุผลว่าหากคนร้ายมาเห็นกล้องก็คงไม่กล้าก่อเหตุอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญซึ่งก็คือความปลอดภัย “ยอดขายดีพอสมควร แต่ถ้าขายได้เพราะเหตุร้ายรุนแรงเช่นนี้ ถ้าให้เป็นผมก็คงไม่เลือกเอาดีกว่า สงสารคนเจ็บคนตาย” วิทยา ย้ำถึงเหตุระเบิด กิตติคุณ ทองอินทร์…

มือมืดอ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม แฮกเว็บจังหวัดลำพูน ต้องสั่งปิดตั้งแต่ตี 3

Loading

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ผู้ว่าฯ เมืองเจ้าแม่จามเทวีสั่งปิดเว็บไซต์จังหวัดกะทันหันตั้งแต่ตี 3 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ หลังถูกมือมืดแฮกกลางดึก สะพัดคนลงมืออ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม โพสต์ภาพโรฮิงญาถูกทารุณหรา พร้อมคำขู่ วันนี้ (24 ส.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา นายณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดระบบเว็บไซต์ http://www.lamphun.go.th ทั้งหมดจนถึงขณะนี้ หลังจากถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีแฮกเว็บไซต์ของจังหวัด เบื้องต้นมีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่ลงมือแฮกเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนครั้งนี้อ้างว่าเป็นกลุ่มมุสลิม ที่ชื่อว่า Fallag Gassrini จากตูนิเซีย โดยมีการโพสต์ภาพชาวโรฮิงญา ที่ถูกกระทำโดยรัฐบาลพม่า, ภาพชาวโรฮิงญาที่พยายามจะหนีมาทางเรือ เเละเด็กชาวมุสลิมที่โดนระเบิด พร้อมข้อความว่า “เพจคุณถูกเเฮ็คหน่วยรบ Cyber Fallag Gassrini เเละ DR Lamochi จากตูนิเซีย, ให้เกียรติคนของเรา ไม่งั้นจะเจอการต่อต้านจากเรา, พวกเราคือ Fallaga พวกเราคือชาวมุสลิม, พวกเรารักสันติ” ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นอกจากเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนแล้ว ยังมีเว็บไซต์ของหน่วยราชการอีกหลายจังหวัด เช่น เว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม…