“โฆษกศาลยุติธรรม” เผย ตรวจสอบแล้วพบแฮกเกอร์ ถล่มเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 10,12 โทษจำคุก 3-15 ปี เชื่อผลพวง ตัดสินคดีเกาะเต่า หลังพบข้อความภาษาอังกฤษ เรียกร้องความยุติธรรม ย้ำ ไม่อาจเปลี่ยนคำพิพากษาได้
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.59 นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่หน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม ถูกแฮกเกอร์บุกรุกจนไม่สามารถใช้งานได้ว่า จากการตรวจสอบการเชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลหน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรมนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกที่ตรวจสอบพบว่า หน้าเว็บเพจหน้าแรกของสำนักงานศาลยุติธรรม กลายเป็นบนพื้นสีดำ และมีรูปสัญลักษณ์คล้ายหน้ากากสีขาว พร้อมข้อความภาษาอังกฤษ เขียนว่า “BLINK HACKER GROUP” และ “Failed Law We Want Justice ! # Boycott Thailand” และจากการสืบค้นพบว่า “BLINK HACKER GROUP” เชื่อมโยงกลุ่มที่ใช้ชื่อ Anonymous Myanmar Hacker ซึ่งเหตุดังกล่าว จนถึงวันนี้ (13 ม.ค.) หน้าเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็เป็นเพียงการที่บุคคลภายนอกไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น แต่ระบบปฏิบัติงานภายในระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความเสียหายใดๆ โดยระหว่างนี้ เรายังเฝ้าระวังตรวจสอบหาช่องโหว่ที่จะป้องกันการบุกรุกทางคอมพิวเตอร์ต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขให้มีการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารภายในได้
นายสืบพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดนั้น ในส่วนของระบบโครงการข่ายคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เกิดเหตุสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นองค์กรมหาชน โดยศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต) ให้ตรวจสอบหาการบุกรุกและช่องโหว่ระบบเครือข่าย ขณะที่การตรวจสอบรายละเอียด IP ADDRESS พบว่ามีประมาณ 10 IP ADDRESS ของผู้ที่เข้ามาบุกรุกระบบโครงข่ายหน้าเว็บไซต์ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ขอระบุรายละเอียดในส่วนนี้
นายสืบพงษ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว ที่ทำให้หน้าเว็บแรกของสำนักงานศาลยุติธรรมเสียหายครั้งนี้ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษตาม มาตรา 10 ฐานรบกวน ขัดขวาง ระบบคอมพิวเตอร์ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 12 ผู้ใดกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการใก้บริการสาธารณะหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ระวางโทษตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับ 60,000-300,000 บาท โดยสำนักงานศาลยุติธรรม จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไปภายใต้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
“ลักษณะข้อความของผู้บุกรุกทางคอมพิวเตอร์ที่ได้เขียนไว้ในหน้าเว็บเพจของสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น ทำให้เห็นได้ว่า อาจเชื่อมโยงการพิพากษาคดีเกาะเต่า ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรม ขอเรียนว่า การกระทำที่เกิดขึ้นของผู้บุกรุกทางคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการพิจารณา และคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีเกาะเต่า ที่ศาลได้ดำเนินการตามบทบัญญัติกฎหมายได้ แต่ทางคดี คู่ความสามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์-ฎีกาได้ตามกฎหมายต่อไป” นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวย้ำ
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 13 ม.ค. 2559 20:10
Link : https://www.thairath.co.th/content/562328