และแล้ว กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ในภูมิภาคอาเซียนของเรา ก็ต้องเผชิญหน้ากับเหตุก่อการร้ายรุนแรงเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ม.ค.59 โดยกลุ่มคนร้ายได้เลือกสถานที่ลงมือก่อเหตุ เป็นบริเวณใกล้กับสำนักงานของสหประชาชาติ(ยูเอ็น), ทำเนียบประธานาธิบดี และ ซารีนาห์ มอลล์ ช็อปปิ้งมอลล์ใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนร้ายตาย 5 ราย ขณะที่มีผู้บาดเจ็บ 24 คน
หลังเกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียยังต้องปฏิบัติการไล่ล่ากลุ่มคนร้ายและเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดนานกว่าชั่วโมง จนสร้างความระทึกและบีบหัวใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ท่ามกลางเสียงปืน และสิ้นเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องเขย่ากรุงจาการ์ตา กลับยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่สำหรับความเห็นของนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสำนักข่าวต่างประเทศหลายคน ชี้ว่า รูปแบบการก่อรุนแรงที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียครั้งนี้ แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นเหตุก่อการร้ายในอินโดนีเซียครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดที่โรงแรม เจ ดับบลิว แมร์ริออต และโรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน ในกรุงจาการ์ตา เมื่อ ก.ค.2552 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บ 53 คน
* รูปแบบโจมตีเหมือนปารีส
บ็อบ แบเออร์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ มีความเห็นว่า ลักษณะการโจมตี เหมือนกับเป็น ‘ลายเซ็น’ หรือเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงติดอาวุธ ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิสไม่ผิดเพี้ยน!!
‘เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในจาการ์ตา สำหรับผมแล้ว มันมี ‘เสียง’เหมือนเหตุโจมตีปารีส’ บ็อบ แบเออร์ กล่าว พร้อมชี้ว่า นักรบหัวรุนแรงจำนวนมากมีประสบการณ์ในการสู้รบทั้งในอิรักและซีเรีย และจำนวนมากมีประสบการณ์ในการผลิตและก่อเหตุระเบิด
*เตือนก่อนหน้าไม่กี่วัน…ไอซิสจ้องโจมตีอินโดฯ
6 มกราคม 59 เว็บไซต์ อินโดนีเซีย-อินเวสต์เมนต์ รายงานรัฐบาลออสเตรเลียได้แนะนำชาวออสเตรเลียให้คิดทบทวนอีกครั้งหากต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวในอินโดนีเซียช่วงนี้ (โดยเฉพาะเกาะบาหลี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวออสเตรเลีย) เพียงแต่คำเตือนของรัฐบาลออสเตรเลียผ่านทางออนไลน์ ไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียด ระบุเพียงว่า ‘พวกเรายังคงได้รับข้อมูลอย่างต่อเนื่องบ่งชี้ว่ากลุ่มก่อการร้ายอาจกำลังมีแผนการโจมตีอินโดนีเซีย ซึ่งสามารถจะเกิดได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรไปยังสถานที่ที่มีระดับการรักษาความปลอดภัยต่ำ และหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเป้าโจมตี
*มีเครือข่ายไอซิสอยู่ในอินโดฯแน่นอน
นายเอ.เอ็ม เฮนโดรปรีโยโน อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอินโดนีเซีย และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ม.ค.ว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงจาการ์ตาได้มีคำเตือนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอซิส เพราะมีข่าวกรองชัดเจนว่า ขณะนี้ มีเครือข่ายไอซิสอยู่ในอินโดนีเซีย
*ชาวอินโดฯอย่างน้อย 300 คน เข้าร่วมกลุ่มไอซิส
ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอินโดนีเซีย ระบุว่า มีชาวอินโดนีเซียอย่างน้อย 300 คน กำลังเข้าร่วมกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอซิส อย่างไรก็ตาม จำนวนของชาวอินโดนีเซียที่เข้าร่วมกับกลุ่มไอซิสจะมีจำนวนมากกว่านี้มาก
*โพสต์คลิปขู่ฆ่าตำรวจลงยูทูบ
ขณะที่ คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่อัพโหลดลงในยูทูบ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 58 หรือปลายปีที่ผ่านมา ได้เผยแพร่ภาพชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มไอซิสได้พูดขู่ฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของอินโดนีเซีย เพื่อพยายามจะนำกฎหมายอิสลามหรือชาเรียห์ มาใช้ในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม รองประธานาธิบดียูซุฟ คัลลาของอินโดฯ ได้พยายามลดระดับความหวาดกลัวเหตุก่อการร้ายในประเทศว่า อินโดนีเซียได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตรายร้ายแรงใดๆ
* กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเคลื่อนไหวต่อเนื่องในอินโดฯ
พล.ต.อ.สุตาร์มาน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อไม่นานที่ผ่านมาว่า ระหว่างปี 2543-2557 เกิดเหตุต้องสงสัยว่าเป็นการก่อการร้ายในอินโดนีเซีย รวม 97 ครั้ง เป็นเหตุให้ตำรวจส้ินชีพ จากการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย 34 นาย ขณะที่ ได้จับกุมคนร้ายซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอย่างน้อย 1,000 คน ในช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมา
*เหตุการณ์รุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย
- ธ.ค.2543 เกิดเหตุระเบิดที่โบสถ์คริสต์ทั่วประเทศ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ
- ต.ค.2545 เกิดเหตุระเบิดที่เกาะบาหลี เกาะท่องเที่ยวชื่อดังของอินโดนีเซีย ตาย 202 ศพ ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 88 ศพ
- ส.ค. 2546 เกิดเหตุระเบิดที่โรงแรมแมร์ริออต ในกรุงจาการ์ตา ตาย 12 ศพ
- ก.ย.2547 เกิดเหตุระเบิดด้านนอกสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ในกรุงจาการ์ตา ตายอย่างน้อย 9 ศพ
- ต.ต.2548 เกิดเหตุระเบิดพลีชีพบนเกาะบาหลี ตาย 23 ศพ รวมทั้งมือระเบิดพลีชีพหลายคน
- ก.ค.2552 เกิดเหตุระเบิดระเบิดที่โรงแรม เจ ดับบลิว แมร์ริออต และโรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน ในกรุงจาการ์ตา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ศพ และบาดเจ็บ 53 คน
กระทั่ง มาถึงเหตุรุนแรงโจมตีกรุงจาการ์ตาครั้งนี้ ซึ่งกำลังสร้างความหวาดผวา และอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก เพราะดูจากรูปแบบการโจมตีแล้ว กลุ่มก่อการร้ายที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด ย่อมไม่แคล้ว ฝีมือเครือข่ายไอซิสอีกตามเคย.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 15 ม.ค. 2559 05:30
Link : http://www.thairath.co.th/content/562862