กฎหมายวีซ่าฉบับใหม่ของสหรัฐ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ส่งผลให้ประชาชน 38 ประเทศ ที่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐภายใต้โครงการยกเว้นวีซ่า ต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดก่อนจะเดินทางเข้าสหรัฐ ขณะที่อิหร่าน ได้ออกมาร้องเรียนว่าเป็นกฎหมายที่ละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ทำไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจ
ปัญหาการก่อการร้ายจากการโจมตีกรุงปารีส ของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ปีก่อน ได้ทำให้สหรัฐตัดสินใจทบทวนโครงการยกเว้นวีซ่ากับ 38 ประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัย จนนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายวีซ่าฉบับใหม่ในการคุมเข้มสำหรับชาวต่างชาติ ส่งผลให้ประชาชนในประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าภายใต้โครงการดังกล่าว ต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดก่อนจะเดินทางเข้าสหรัฐ
กฎหมายวีซ่าฉบับใหม่นี้ มีผลบังคับใช้ทันทีที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ลงนามรับรองเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาหลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติรับรองร่างกฎหมายเพิ่มความเข้มงวดต่อโครงการยกเว้นวีซ่าเข้าสหรัฐอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนเสียง 407 ต่อ 19 เสียง
โดยการลงมติครั้งนี้ ได้ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดใหม่เรื่องการขอวีซ่าสำหรับพลเมืองชาวอิรัก ซีเรียและประเทศอื่นๆที่เชื่อได้ว่าเป็นแหล่งของพวกก่อการร้ายตลอดจนใครก็ตามที่เดินทางไปยังประเทศเหล่านั้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนประชาชนที่เคยเดินทางไปอิหร่านและซูดานที่สหรัฐกล่าวหาว่าสนับสนุนการก่อการร้ายจำเป็นต้องขอวีซ่าด้วย นอกจากนี้ มาตรการใหม่ยังกำหนดให้ประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการยกเว้นการขอวีซ่าทำการตรวจสอบนักเดินทางที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลของตำรวจสากล เพื่อพิจารณาว่าคนเหล่านั้นเป็นที่ต้องการของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายฐานมีความสัมพันธ์กับการก่อการร้าย หรือการก่ออาชญากรรมใดๆ หรือไม่
ทั้งนี้ภายใต้โครงการดังกล่าว สหรัฐได้ยกเว้นการขอวีซ่าให้กับประชาชนใน 38 ประเทศ สามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้เป็นเวลา 90 วัน หรือน้อยกว่านั้น โดยไม่ต้องขอวีซ่าจากสถานทูต หรือสถานกงสุล
และเพื่อป้องกันการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง มาตรการดังกล่าวจะกำหนดให้ทั้ง 38 ประเทศ ออกสิ่งที่เรียกว่า “พาสปอร์ตอิเล็กทรอนิกส์” หรือ epassports ที่ประกอบด้วยข้อมูลทางชีวภาพ ซึ่งร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะกำหนดให้ประเทศต่างๆ สามารถยืนยันเรื่องความถูกต้องของเอกสารต่างๆ เมื่อถูกตรวจวิเคราะห์ด้วย
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยของสหรัฐ ยังรวมถึงการผลักดันให้เพิ่มค่าปรับ จาก 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 180,000 บาท เป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.8 ล้านบาท ต่อสายการบินต่างๆ ที่ไม่สามารถตรวจพิสูจน์ความถูกต้องของหนังสือเดินทางของผู้โดยสาร
นอกจากนี้ สหรัฐยังหาทางเพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายกับชาติพันธมิตร 38 ประเทศ และองค์การตำรวจสากล รวมถึงการติดตามเอกสารการเดินทางที่ถูกขโมยหรือหายไป ทั้งนี้ ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 38 ประเทศราว 20 ล้านคน เดินทางมาเที่ยวสหรัฐ ซึ่งคนเหล่านี้จะถูกตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิดูแลอยู่
และทันทีที่สหรัฐ ประกาศบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ทางด้านอิหร่านก็ออกมาร้องเรียนว่า เป็นกฎหมายที่ขัดต่อข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจ
สำนักข่าวอิสน่า ของอิหร่าน รายงานโดยอ้างคำพูดของนายอับบาส อารักชีรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของอิหร่านที่ระบุว่า กฎหมายวีซ่าฉบับใหม่ของสหรัฐที่มีผลบังคับใช้กับ 38 ประเทศที่ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป และมีอิหร่านรวมอยู่ด้วยนั้น ถือว่าขัดกับข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจ เนื่องจากกฎหมายฉบับใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยววิทยาศาสตร์และการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมที่มีกับอิหร่าน
นายอารักชีบอกว่าอิหร่านได้หารือกับประเทศต่างๆ ในยุโรปเกี่ยวกับการต่อต้านกฎหมายฉบับใหม่นี้ ที่สภาคองเกรสสหรัฐลงมติอนุมัติ และได้รับการลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายว่า หากกฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับอิหร่านด้วย อิหร่านจะร้องเรียนต่อคณะกรรมการร่วมที่ทำหน้าที่ดูแลการบังคับใช้ข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ เพราะภายใต้ข้อตกลงที่จำกัดการดำเนินกิจกรรมทางนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น สหรัฐจะไม่เข้าแทรกแซงการดำเนินกิจกรรมใดๆทางการค้าหรือเศรษฐกิจของอิหร่าน ที่จะนำไปสู่การสานความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิหร่าน
ขณะที่นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุในจดหมาย ที่ส่งถึงนายโมฮัมหมัด จาว๊าด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ว่า สหรัฐเต็มใจปฏิบัติตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้ภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ พร้อมกับเตือนนายซารีฟว่าสหรัฐมีอำนาจในการใช้บทเฉพาะกาลของกฎหมายวีซ่าฉบับใหม่
ด้านบรรดานักการทูตของยุโรปที่นำโดยนายเดวิด โอ’ซัลลิแวน ทูตสหภาพยุโรป หรืออียู ก็ออกมาเตือนว่าอาจทำการตอบโต้สหรัฐ พร้อมแย้งว่ากฎหมายดังกล่าว อยู่บนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนพึ่งพากัน
ทั้งนี้ มาตรการใหม่ของสหรัฐได้ห้ามพลเมืองของ 38 ประเทศ ที่เข้าร่วมโครงการยกเว้นการขอวีซ่า และจะต้องยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐ รวมทั้งผู้ที่ถือ 2 สัญชาติ จากอิหร่าน อิรัก ซีเรีย และซูดาน ก็ไม่ให้ใช้ระบบการยกเว้นวีซ่า นอกจากนี้ยังห้ามผู้ที่เคยเดินทางไปยัง 4 ประเทศนี้ตั้งแต่ปี 2554 หรือเดินทางไปยังประเทศที่สหรัฐมีรายชื่อในฐานะสนับสนุนการก่อการร้าย ไม่ให้เข้าร่วมระบบดังกล่าวเช่นเดียวกัน เนื่องจากถือว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้มีความเสี่ยง และกำหนดให้คนเหล่านั้นต้องยื่นขอวีซ่ามาตรฐานด้วย
———————————————-
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 3 มกราคม 2559
Link : http://www.naewna.com/inter/195521