พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชา วันนี้ (1 ก.ย.) เชิญชวนประชาชนและภาคธุรกิจ ให้หันมาใช้ การชำระเงินโดยใช้บัตรเดบิตกับโทรศัพท์มากขึ้นและใช้เงินสดน้อยลง นายกรัฐมนตรีให้เหตุผลข้อหนึ่งว่าเพื่อความสะดวกสบาย และปลอดภัยไม่ต้องกลัวถูกฉกชิงวิ่งราว
ปัจจุบันความนิยมชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์ของคนในยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ราว 1,000 คน โดย ING ผู้ให้บริการด้านการธนาคาร การเงิน ประกันภัย และการบริหารสินทรัพย์ ในปีนี้ (2017) พบว่าคนราว 1 ใน 3 พร้อมที่จะเลิกใช้เงินสด ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ในปัจจุบันคนยุโรปราว 1 ใน 5 (21%) แทบจะไม่ได้ใช้เงินสดเลย โดยประเทศที่คนยังใช้เงินสดมากอยู่คือเยอรมนี ส่วนคนในฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ใช้เงินสดน้อยลงทุกที
ไอเอ็นจีระบุว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้บัตรเดบิตและเครดิต เป็นเครื่องมือในการชำระเงินแทนธนบัตรและเหรียญ อย่างไรก็ดี ทางเลือกในการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลผ่านโทรศัพท์มือถือก็กำลังคืบคลานเข้ามาแทนที่
ในขณะเดียวกันบางประเทศพยายามหาทางยุติการชำระค่าใช้จ่ายด้วยเงินสดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นว่าเป็นวิธีการที่จะหยุดยั้งการ คอร์รัปชันและการเลี่ยงภาษีได้ ตัวอย่างเช่นในประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเอง จะยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่า 500 ยูโร ภายในสิ้นปีหน้า
ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่าในอังกฤษเองประชาชนนิยมชำระเงินด้วยระบบ Contactless Payment มากขึ้น ซึ่งเป็นการชำระเงินโดยใช้บัตรหรือโทรศัพท์มือถือแตะสัมผัสกับเครื่องจ่ายเงิน เพื่อจ่ายค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน รถเมล์ หรือการซื้อสินค้าและบริการ
อย่างไรก็ดี การชำระค่าใช้จ่ายด้วยวิธีนี้ก็มีข้อเสียคือทำให้มีการฉ้อโกงกันมากขึ้น Financial Fraud Action UK ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลการฉ้อโกง ทางการเงินพบว่าเมื่อปีที่แล้ว (2016) การฉ้อโกงผ่านการชำระเงินด้วยระบบ Contactless Payment มีมูลค่า 7 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านปอนด์จากปี 2015 ขณะที่ยอดการชำระเงินผ่านระบบนี้เมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่า 25.2 พันล้านปอนด์ เพิ่มจาก 7.75 พันล้านปอนด์
ผู้พิพากษาซึ่งตัดสินคดีฉ้อโกงในเมืองเดวอนคดีหนึ่งถึงกับออกปากว่าเทคโนโลยีการชำระเงินผ่านบัตรที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใส่รหัสนั้น ช่วยให้อาชญากรกระทำการได้อย่างง่ายดายจนเกินไป
นายแกเรธ ชอว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแห่งองค์กรเพื่อผู้บริโภค Which? บอกกับบีบีซีว่าการชำระเงินด้วยบัตรนั้นยังมีข้อกังขาในเรื่องความ ปลอดภัยอยู่หลายอย่าง และบริษัทผู้ให้บริการบัตรควรทำให้การชำระเงินด้วยบัตรมีความปลอดภัยพอ ๆ กับความสะดวกสบายที่ได้รับ
น.ส.เบธาน เดวีส์ เป็นผู้หนึ่งที่ถูกขโมยเงิน 200 ปอนด์ ไปจากบัตรเดบิตประเภท Contactless หลังจากเธอทำบัตรหายไปหนึ่งคืนเมื่อปีที่แล้ว แม้จะแจ้งธนาคารเจ้าของบัตรในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอยังพบว่าสองสัปดาห์หลังจากนั้นยังมีคนนำบัตรของเธอไปใช้จ่ายอีกหลายรายการ อย่างไรก็ดี ธนาคารเจ้าของบัตรได้ชำระเงินคืนให้เต็มจำนวน
นายแอนดริว เบลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Financial Conduct Authority หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของอังกฤษ บอกว่าโดยรวมแล้วถือว่าความเสี่ยงการถูกฉ้อโกงด้วยวิธีนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็กำลังเร่งร่วมมือกับบรรดาธนาคารเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อยู่
ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่าการฉ้อโกงผ่านบัตรที่ไม่ต้องใส่รหัสนี้คิดเป็น 1.1% ของการฉ้อโกงผ่านบัตรต่าง ๆ ทั้งหมด
สวีเดนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำลังเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มตัว แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความพยายามของพวกโจรได้ เมื่อต้นปีนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งในนครโกเธนเบิร์กเพิ่งถูกโจรสามคนจี้บังคับให้ใช้โทรศัพท์มือถือโอนเงิน 220 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้โดยผ่านแอปพลิเคชัน Swish ไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้าย
นี่ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้นในสวีเดน ประเทศที่การชำระค่าสินค้าบริการราว 4 ใน 5 เป็นการชำระผ่านบัตร และเป็นประเทศที่ตั้งเป้าเป็นสังคมไร้เงินสดในปี 2030
นอกจากนี้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการก้าวไปสู่สังคมไร้เงินสดยังเป็นห่วงว่าผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบบริการของธนาคารอาจจะประสบปัญหา ขณะเดียวกันจะทำให้เสี่ยงที่จะเกิดอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้นด้วย
ที่มา : BBC Thai
ลิงค์ : http://www.bbc.com/thai/thailand-41128195?ocid=wsthai.chat-apps.in-app-msg.line.trial.link1_.auin?