ระทึก! มือมีดไล่แทงผู้คนกลางเมืองมิวนิคก่อนหนีลอยนวล ทำเหยื่อเจ็บหลายราย ตร.เร่งล่าตัว

Loading

  สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุการณ์เขย่าขวัญขึ้นในประเทศเยอรมนี โดยมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายในเหตุการณ์ที่ชายคนร้ายใช้อาวุธมีดเที่ยวไล่แทงผู้คนในนครมิวนิค ทางตอนใต้ของประเทศ ในช่วงเช้าของวันเสาร์(21 ต.ค.)นี้ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่มือมีดจะหลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามล่าตัวอยู่ ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ตำรวจท้องที่ในนครมิวนิคทวีตข้อความแจ้งว่า ชายรายหนึ่งใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้คนให้ได้รับบาดเจ็บหลายรายในใจกลางเมือง โดยคนร้ายยังคงลอยนวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังค้นหาตัวผู้ก่อเหตุรายนี้อยู่ เว็บไซต์ของ บิลด์ สื่อท้องถิ่นเยอรมนี ระบุว่า ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย แต่ไม่มีเหยื่อคนใดได้รับบาดเจ็บที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงขั้นชีวิต ที่มา : มติชนออนไลน์ วันที่ 21 ตุลาคม 2560 – 15:58 น ลิงค์ : https://www.matichon.co.th/news/702938

หน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักรเก็บข้อมูล Social Media ของประชาชน

Loading

กลุ่ม Privacy International อ้างว่าหน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักรอาจทำการเก็บข้อมูลการใช้งานสังคมออนไลน์ของประชาชนชาวอังกฤษมานานกว่าทศวรรษและยังแชร์ให้กับหน่วยงานลับของต่างชาติ หลายฝ่ายยังคงตั้งข้อสงสัยการกระทำครั้งนี้ว่าเป็นการเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือไม่? กลุ่ม Privacy International  ได้อ้างว่ามีเอกสารที่แสดงถึงการทำงานของหน่วยงานลับนี้ว่ามีการเข้าถึงข้อมูลสังคมออนไลน์จากฐานข้อมูลบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยกลุ่ม PI ได้กล่าวว่าพวกเขาได้รับจดหมายยืนยันถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมและมิอาจควบคุมได้ว่ามีการแชร์ข้อมูลกับอุตสาหกรรมภายนอกและยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนั้นด้วยข้อสัญญาของรัฐบาลทำให้อุตสหกรรมภายนอกดังกล่าวสามารถเข้าถึงระบบของหน่วยงานและได้รับข้อมูล กลุ่ม PI ยังคงกล่าวเพิ่มเติมว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีข้อมูลอะไรอีกบ้างที่หน่วยงานข้อมูลของรัฐบาลได้ไป เช่น ข้อมูลการค้าและการเงิน การสื่อสาร การเดินทาง และเอกสิทธ์ของการสื่อสารแม้ว่าจะถูกฏหมายก็ตาม Millie Graham Wood ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของกลุ่ม PI กล่าวกับ International Bussiness Times ว่า “เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รู้ว่าข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ และข้อมูลอื่นๆที่ละเอียดอ่อน ถูกเก็บ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว” Lee Munson นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Comparitech.com  ยืนยันถึงข้อกล่าวหานี้ว่ามีความมันเป็นไปได้ “ผมไม่คิดว่ามันน่าแปลกใจหรอกนะ ถ้ารัฐบาลจะเก็บข้อมูลของทุกคนในสหราชอณาจักร เรารู้อยู่แล้วว่ามีการจัดตั้งหน่วยงาน Home Secretary ขึ้นหลายปีแล้วและตอนนี้รัฐมนตรี Teresa May ก็กระตือรือล้นกับบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล ผ่านทาง investigatory Powers Act 2016 พวกเขาสามารถใช้อำนาจได้ตามที่ต้องการ โดยให้ผู้บริการเก็บข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ต อีเมล การใช้งานโทรศัพท์ ข้อความ จากนั้นรัฐบาลสามารถเข้าอ่านบทสนทนาและฟังโทรศัพท์ซึ่งแม้ไม่ต้องมีเหตุน่าสงสัย…

เอกสารลับเผยสหรัฐฯ รู้เรื่องสังหารหมู่ที่อินโดนีเซีย แต่ปิดปากเงียบ

Loading

มีการเปิดเผยเอกสารลับ 39 ฉบับที่เก็บรักษาไว้โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งเอกสารทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้รับรู้และติดตามเหตุการณ์สังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และฝ่ายซ้ายในอินโดนีเซียนับล้านคน เมื่อช่วงระหว่างปี 1965-1966 แต่เลือกที่จะเงียบเฉย ไม่ได้แสดงท่าทีอย่างใดต่อโศกนาฏกรรมดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการสังหารหมู่ครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 20 เอกสารลับที่ถูกเปิดเผยในครั้งนี้ รวมถึงโทรเลขและรายงานข่าวกรองทางการทูตหลายฉบับ จากสถานทูตสหรัฐฯในกรุงจาการ์ตาและสถานกงสุลสหรัฐฯในอินโดนีเซียในช่วงสงครามเย็น ระหว่างปี 1964-1968 โดยโครงการคลังเอกสารความมั่นคงของชาติแห่งมหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน ในสหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดันให้มีการเปิดเผยเอกสารดังกล่าวสู่สาธารณะ ฝรั่งเศสเผยเอกสารลับชี้เหตุประหาร “มาตา ฮารี” เมื่อ 100 ปีก่อน อินโดนีเซียยอมรับคำขอโทษจากออสเตรเลีย หลังไม่พอใจหลักสูตรฝึกทหาร เหตุสังหารหมู่ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ปี 1965 หลังมีผู้พยายามก่อรัฐประหารและได้สังหารนายพลในกองทัพอินโดนีเซียไป 6 ราย ความพยายามก่อรัฐประหารที่ล้มเหลวทำให้กองทัพลงมือกวาดล้างขบวนการฝ่ายซ้ายอย่างรุนแรง โดยมีกลุ่มองค์กรอิสลามที่ทรงอิทธิพลเข้าร่วมด้วย สถิติของทางการอินโดนีเซียระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 500,000 คนในการกวาด รายงานทางโทรเลขฉบับหนึ่งจากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯในจังหวัดชวาตะวันออก ลงวันที่ 28 ธันวาคม ปี 1965 ระบุว่ามีการนำตัวเหยื่อที่จะถูกสังหารออกจากเขตชุมชน เพื่อนำไปฆ่าแล้วฝังดินไว้ แทนที่จะนำไปทิ้งลงน้ำอย่างที่เคยทำมา รวมทั้งมีการนำตัวเหยื่อไปให้กลุ่มพลเรือนบางส่วนสังหารอีกด้วย เอกสารอีกฉบับหนึ่งที่เลขานุการเอกของสถานทูตสหรัฐฯในขณะนั้นรวบรวมไว้ ซึ่งลงวันที่ 17 ธันวาคม…