เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(21 พ.ย)ทรัมป์และปูตินต่อสายหารือทางโทรศัพท์ครั้งแรกหลังพบในการประชุมที่เมืองดานัง เวียดนาม หารือประเด็นมั่นคงโลก รวมไปถึงเกาหลีเหนือ ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ต่อต้านก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ไม่สงบทางตะวันออกของยูเครน และสันติภาพในซีเรีย เกิดขึ้นก่อนหน้าผู้นำซีเรีย ประธานาธิบดีอัสซาดเข้าสวมกอดปูตินถึงโซชิ สื่ออังกฤษรายงานละเอียดยิบ ปูตินต้องการให้ทรัมป์ยอมรับแผนการสันติภาพยุติสงครามซีเรีย ยอมใช้เวลานานกว่าชั่วโมงกล่อมทางโทรศัพท์อธิบายให้เห็นภาพ
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ของสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(21 พ.ย)ว่า ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวออกมายืนยันการสนทนาทางโทรศัพท์ที่เกิดขึ้นในวันอังคาร(21 พ.ย)ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ที่กินเวลายาวนานกว่า 1 ชั่วโมง
ในขณะที่ฝ่ายเครมลินออกมาเปิดเผยว่า หัวข้อการสนทนาของผู้นำทั้งสองครอบคลุมความมั่นคงโลกในภาพกว้าง เป็นต้นว่า เกาหลีเหนือ อิหร่าน ยูเครน อัฟกานิสถาน และซีเรีย แต่ทว่าสื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียนชี้ว่า ผู้นำรัสเซียพยายามใช้เวลาสนทนาทางโทรศัพท์หว่านล้อมทรัมป์ ให้สนับสนุนแผนการของรัสเซียในการที่จะยุติสงครามกลางเมืองซีเรีย
ทั้งนี้การสนทนาทางโทรศัพท์เกิดขึ้นหลังจากการเดินทางเยือนรัสเซียอย่างกระทันหันของผู้นำซีเรีย ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด ซึ่งมีภาพการสวมกอดระหว่างปูตินและอัสซาดท่ามกลางแมกไม้ภายในที่พักฤดูร้อนของผู้นำรัสเซียที่ชื่อ โบคารอฟ รูเช(Bocharov Ruchei) เมื่อวันจันทร์(20 พ.ย) อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงาน
ซึ่งในการหารือระหว่างปูตินและอัสซาดนั้นเกิดขึ้นนานกว่า 4 ช.ม และเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองพบปะหลังจากอัสซาดเดินทางเยือนกรุงมอสโกในเดือนตุลาคม 2015
ยูเอสเอทูเดย์รายงานต่อว่า การสนทนาทางโทรศัพท์เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์และปูตินได้พบปะระหว่างร่วมการประชุมเอเปคที่ถูกจัดขึ้นที่เมืองดานัง เวียดนาม เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า โดยก่อนที่การหารือทางโทรศัพท์จะเกิดขึ้นเมื่อวาน(21 พ.ย) ผู้นำรัสเซียเคยประกาศว่า เขาจะพยายามหาโอกาสที่จะพูดคุยกับทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพซีเรีย
ซึ่งหลังจากที่มีการหารือเกิดขึ้น ฝ่ายรัสเซียออกมาแถลงว่า ประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศได้หารือในประเด็นความเห็นของผู้นำสหรัฐฯเกี่ยวกับประเด็นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ความไม่สงบในยูเครน และการต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปูตินได้ใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 1 ช.มในการอธิบายถึงข้อเสนอแผนสันติภาพยุติสงครามกลางเมืองซีเรียต่อทรัมป์ ซึ่งทางผู้นำรัสเซียหวังว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะให้การสนับสนุน โดยปูตินกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมซัมมิตที่โซชิซึ่งมีผู้นำตุรกีและอิหร่านเข้าร่วม
โดยการจัดการประชุมซัมมิตโซชิครั้งนี้ สื่ออังกฤษชี้ว่า เป็นความพยายามของฝั่งรัสเซียที่จะทำให้มอสโกกลับเข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเชื่อว่าประเด็นการหารือกับผู้นำตุรกีและอิหร่าน ที่ทั้ง 2 ชาติมีบทบาทสำคัญในสงครามซีเรีย คาดว่าจะกล่าวไปถึง โซนลดความตรึงเครียดที่จะเกิดใหม่ และการจัดเนชันแนล ไดอะล็อก หรือวาระหารือแห่งชาติซีเรียเพื่อการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้กับผู้นำซีเรียคนปัจจุบันยังสามารถลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งใหม่ได้
เครมลินชี้ว่า ในการต่อสาย ปูตินพยายามที่จะให้ทรัมป์เห็นถึงความสำคัญของ “ความจำเป็นของการดำรงอำนาจแห่งรัฐ อิสรภาพ และขอบเขตอาณาธิปไตยที่แน่นอนของซีเรีย และการบรรลุข้อตกลงทางการเมืองบนพื้นฐานหลักการเหล่านี้ ที่จะหาทางออกในกระบวนการหารืออย่างครอบคลุมในซีเรีย”
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ตามแผนของรัสเซีย ปูตินต้องการให้มีการจัดเนชันแนล ไดอะล็อกภายในซีเรียในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งตามแผนการ ผู้นำรัสเซียมีแผนที่จะเชิญกลุ่มต่างๆของซีเรียที่มีจำนวนหลายร้อยกลุ่ม ซึ่งล้วนแล้วแต่บรรลุข้อตกลงกับทางอัสซาดก่อนหน้าเข้าร่วม
อย่างไรก็ตาม นักการทูตโลกตะวันตกต่างเกรงว่า ฝ่ายรัสเซียจะถือโอกาสไม่ทำตามกระบวนการสันติภาพขององค์การสหประชาชาติที่ในเวลานี้ยังอยู่ในทางตัน ซึ่งพบว่ากระบวนการมีกำหนดจะเริ่มต้นใหม่ในวันที่ 28 เดือนนี้ และทางรัสเซียจะฉวยโอกาสเป็นคนเข้าควบคุมกระบวนการสันติภาพคู่ขนานแทน
นักการทูตโลกตะวันตกเหล่านั้นยังเตือนปูตินให้พิจารณาว่า การที่จะใช้นโยบายการให้ยอมตั้งหลักแหล่ง (settlement) โดยที่ไม่รวมไปถึงกลุ่มที่ต่อต้านกับรัฐบาลนั้น จะนำไปสู่ความไม่สงบในอนาคต และทางยุโรปปฎิเสธที่จะให้เงินช่วยเหลือในการฟื้นฟู ซึ่งตามแผนการสันติภาพของปูติน สื่ออังกฤษชี้ว่า จะทำให้สมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิหร่านจำนวนหลายหมื่นคนยังคงตกค้างอยู่ในซีเรีย และไม่อาจปฎิเสธได้ว่า อิหร่านโดดเด่นขึ้นมาจากความขัดแย้ง
แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนเชื่อว่า ผู้นำรัสเซียจะประสบปัญหาที่จะหว่านล้อมผู้นำตุรกี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลอัสซาด โดยทางปูตินต้องยืนยันอย่างหนักแหน่นว่า การตั้งหลักแหล่งใดๆจะไม่เป็นการส่งเสริมกองกำลังเคิร์ดที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรียให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งทางตุรกีมองกองกำลังติดอาวุธเคิร์ดในซีเรีย ที่เป็นกองกำลังหลักในการผลักดันกลุ่มก่อการร้าย IS ในเมืองร็อกเกาะห์ ซีเรีย นั้นเป็นแนวร่วมกับกลุ่มติดอาวุธเคิร์ด PKK ที่ปฎิบัติการในตุรกี ซึ่งทางอังการามองว่า เคิร์ด PKK เป็นกลุ่มก่อการร้าย
ซึ่งในส่วนของสหรัฐฯ ดูเหมือนวอชิงตันได้ประกาศไว้ว่า มีความประสงค์ที่จะยังคงกองกำลังทหารอยู่ในซีเรียต่อไป ส่วนหนึ่งต้องการใช้เป็นหลักประกันว่า กระบวนการแผนสันติภาพของยูเอ็นจะยังคงอยู่
———————————————–
ที่มา : MGR online /
Link : https://mgronline.com/around/detail/9600000117934