สุดเหิมเกริม! คนร้ายถือปืนบุกพระราชวังกษัตริย์ซาอุ สังหารราชองครักษ์ตาย 2 นาย

Loading

วันที่ 7 ต.ค. อัลจาซีรารายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายบุกกราดยิงที่พระราชอัล-ซาลามในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ราชองครักษ์เสียชีวิต 2 นาย รายงานระบุว่า คนร้ายที่ทราบชื่อภายหลังว่า นายมันเซาร์ อัล-อมารี ชาวซาอุดีอาระเบีย อายุ 28 ปี ขับรถมาที่ประตูตะวันตกของพระราชวังอัล-ซาลาม ก่อนลงจากรถที่จุดตรวจ พร้อมด้วยปืนไรเฟิลและระเบิดขวด และได้เปิดฉากกราดยิงจนราชองครักษ์เสียชีวิต 2 นาย ก่อนที่คนร้ายจะถูกวิสามัญในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุมีเป้าหมายหรือแรงจูงใจใด ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ไม่ได้ประทับอยู่ในประเทศ แต่อยู่ระหว่างการเสด็จฯ เยือนประเทศรัสเซีย ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 8 ตุลาคม 2560 – 20:46 น. ลิงค์ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_557597

ทอท.แจงชายไลฟ์เฟซบุ๊ก ใช้บัตร ตร.ท่องเที่ยวเข้าสนามบินชั้นใน

Loading

กรณีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เผยแพร่ภาพสดขณะเดินเข้าเขตพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้านท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า ชายคนดังกล่าวได้นำบัตรประจำตัวของตำรวจท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่ของตนเองเข้าไปในพื้นที่ ภาพเหตุการณ์ ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเผยแพร่ภาพสด ระหว่างเดินเข้าไปรับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน ภายในพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้า ประตู F5 สนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้ช่องทางพิเศษสำหรับผ่านเข้า-ออก ที่มีไว้สำหรับพนักงาน และผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และจากภาพจะพบว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้ติดบัตรอนุญาตให้เข้าพื้นที่แต่อย่างใด ทำให้โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบิน และเกิดคำถามในสังคม ว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้ชายคนนี้เข้าไปพื้นที่ชั้นในของสนามบิน เพราะไม่เห็นบัตร ที่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ รวมถึงแสดงความคิดเห็นในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินด้วย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า มีการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าชายที่แพร่ภาพสด ได้นำบัตรประจำตัวของตำรวจท่องเที่ยวนายหนึ่ง เข้าไปในพื้นที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนตำรวจท่องเที่ยวเป็นเจ้าของบัตรถูกสั่งย้ายไปช่วยปฏิบัติราชการในส่วนอื่นชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมยืนยันว่า สนามบินทุกแห่ง มีมาตรฐานในการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกพื้นที่เฉพาะเข้มงวด โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นพื้นที่ชั้นใน หรือ แอร์ไซด์ จะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อน และที่สำคัญไม่อนุญาตให้มีการนำบัตรผู้อื่นเข้าไปใช้ได้ และเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลลบต่อการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยในสนามบิน ที่องค์การการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ ICAO จะเข้ามาตรวจสอบสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ด้านผู้กำกับการ 6…

Information Operating (IO)…กับ..การบ่อนทำลาย

Loading

                   การใช้สื่อสารสนเทศเป็นช่องทางแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต่อกรณีต่างๆ ทั้งการตำหนิ กล่าวโทษ หรือตอบโต้โดยเฉพาะกับสื่อมวลชนที่เสนอข่าวสารหรือวิจารณ์ในทางลบต่อตนเองและการดำเนินนโยบายของตน ส่งผลให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับฐานะผู้นำประเทศ แม้ว่าจะปรากฏข่าวสารว่าที่ปรึกษาประธานาธิบดี และนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยา ต่างพยายามดูแลการใช้สื่อสารสนเทศของนายทรัมป์ แต่นายทรัมป์คงยืนยันการใช้สื่อสารสนเทศในรูปแบบเดิม เพราะเชื่อว่าเป็นรูปแบบที่เข้าถึงผู้ติดตาม (follow) ของตน ซึ่งมีจำนวนประมาณสามสิบล้านคน อย่างไรก็ดี มีกลุ่มชาวอเมริกันทำการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทที่ให้บริการ  สื่อสารสนเทศปิดบัญชีผู้ใช้ของนายทรัมป์ ด้วยเหตุผลว่าเป็นการ post ข้อความที่จาบจ้วงหรือล่วงเกินผู้อื่น และน่าจะเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อนโยบายการใช้งานของบริษัทที่ให้บริการ(ข้อบังคับของทวิตเตอร์)  กรณีที่เกิดขึ้นนั้น เป็นที่น่าพิจารณาว่าการใช้สื่อสารสนเทศที่เกิดขึ้นดังกล่าวนับเป็นการทำ Information Operating (IO) ด้วยข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลกระทบต่อนายทรัมป์ ทั้งในด้านลบและด้านบวก  เป็นการบ่อนทำลายวิธีหนึ่งที่จำเป็นต้องกำหนดมาตรการ รักษาความปลอดภัยเพื่อดูแลและป้องกัน จึงขอนำกรณีตัวอย่างเกี่ยวกับการส่งข้อความทาง Twitter ส่วนตัวของนายทรัมป์ เมื่อ 30 มิถุนายน 2560 ซึ่งมีเนื้อหาดูหมิ่นนายโจสการ์ โบโรห์ และ นางมิก้า เบรสซินสกี้ พิธีกรรายการข่าวเช้า Morning Joe ทางสถานี…

ลาสเวกัส: มือปืนบุกเดี่ยวสาดกระสุนใส่คอนเสิร์ตกลางแจ้ง ตายอย่างน้อย 58 เจ็บกว่า 500

Loading

มือปืนบุกเดี่ยวกราดยิงจากห้องพักชั้นบนของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ในลาสเวกัสเข้าใส่ฝูงชนในงานเทศกาลดนตรีกลางแจ้งซึ่งจัดขึ้นใกล้กับโรงแรม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 58 คน บาดเจ็บ 515 คน ส่วนมือปืนฆ่าตัวตายในที่เกิดเหตุ นับเป็นเหตุสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในสหรัฐฯ ตำรวจแถลงว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 22.08 น. ของคืนวันอาทิตย์ (12.08 น. ของวันจันทร์ ตามเวลาในประเทศไทย) โดยภาพวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นฝูงชนหลายร้อยคน พากันวิ่งหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือจำนวนหนึ่งเข้าระงับเหตุ และไล่ล่าติดตามตัวมือปืน   ตำรวจระบุว่า มือปืนเป็นชายชาวลาสเวกัสวัย 64 ปี ชื่อ สตีเฟน แพดด็อก เขาเปิดฉากกราดยิงลงมาจากห้องพักชั้น 32 ของโรงแรม เข้าใส่ฝูงชน ที่กำลังไปร่วมชมดนตรีกลางแจ้งซึ่งคาดว่ามีผู้ชมถึง 22,000 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่ามือปืนได้ฆ่าตัวตายในห้องพักของโรงแรมในขณะที่ตำรวจจู่โจมเข้าไปในห้อง ซึ่งพบว่ามีปืนอีก 10 กระบอกอยู่ ล่าสุดตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายแพดด็อก และตามหาหญิงชาวเอเชีย ชื่อมาริลู แดนลีย์ ซึ่งเชื่อว่าเคยอยู่กับนายแพดด็อก โดยเขาได้ใช้เอกสารของผู้หญิงคนนี้ลงทะเบียนเข้าพักโรงแรมดังกล่าว   อย่างไรก็ดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบว่าแดนลีย์ ไม่ได้อยู่ในสหรัฐฯ และไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ…