“Fire and Fury: Inside the Trump White House” หนังสือเล่มใหม่โดย ไมเคิล วูลฟฟ์ ผู้สื่อข่าวที่เรียบเรืยงเรื่องราวจาก จากการสัมภาษณ์ 200 ครั้ง เผยข้อมูลหลายอย่างเกี่ยวกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ โฆษกทำเนียบขาวตอบโต้ว่า หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วย “เรื่องเท็จและชวนเข้าใจผิด”
แอนโธนี เซิร์ชเชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี สรุปประเด็นสำคัญ 10 ประการจากหนังสือเล่มนี้
1.พบรัสเซียเท่ากับ “ทรยศชาติ”
นายสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักวางแผนยุทธศาสตร์ ของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นว่าการพบปะระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของนายทรัมป์ กับกลุ่มชาวรัสเซีย ที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนครนิวยอร์ก เมื่อเดือน มิ.ย. เป็นการทรยศชาติ โดยในคราวนั้น ชาวรัสเซียกลุ่มนี้ได้เสนอข้อมูลซึ่งจะทำให้นางฮิลลารี คลินตันเสียหาย ให้
“มีคนระดับสูง 3 คนในการรณรงค์หาเสียง[ของนายทรัมป์] เห็นว่าเป็นความคิดที่ดีที่จะนัดเจอกับรัฐบาลต่างประเทศ …แม้ว่าคุณจะคิดว่านั่นไม่ใช่การกบฎ ไม่ใช่การไม่รักชาติ และไม่ใช่สิ่งที่แย่มาก แต่ผมคิดว่ามันเป็นทุกอย่างที่ว่ามา และควรจะโทรแจ้งเอฟบีไอโดยทันที” นายแบนนอนให้สัมภาษณ์ลงหนังสือของนายวูลฟฟ์
แอนโธนี เซิร์ชเชอร์: ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค นายแบนนอนสามารถทำลายความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ที่จะบอกว่าการพบปะเมื่อเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร และบอกว่าการไต่สวนโดยนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ(เอฟบีไอ) เป็น “การล่าแม่มด”
2.มึนงงกับชัยชนะ
นายวูลฟฟ์ได้บรรยายปฏิกิริยาของนายทรัมป์เมื่อทราบข่าวว่าชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2016 ว่า “ในคืนวันเลือกตั้ง ช่วง 2 ทุ่มเศษ เมื่อกระแสว่านายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งได้รับการยืนยัน นายทรัมป์ จูเนียร์ บอกกับเพื่อนเขาว่านายทรัมป์ทำหน้าเหมือนเขาเพิ่งเห็นผีมา เมลาเนียร้องไห้ แต่ไม่ได้ด้วยความปลื้มปิติ”
จากคำบอกเล่าของนายแบนนอน จากตอนแรกที่ดูมึนงง นายทรัมป์กลายเป็นดูไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง และจากนั้นก็ดูหวาดกลัว และท้ายถึงสุด ก็กลายเป็นนายทรัมป์ที่เริ่มเชื่อมั่นว่าตัวเองสมควรจะชนะการเลือกตั้งและสามารถเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้
แอนโธนี เซิร์ชเชอร์: นี่เป็นข้อมูลที่แตกต่างจากสิ่งที่พูดกันในวงในของนายทรัมป์ในคืนวันเลือกตั้งมาก ซึ่งคือขณะที่ทีมงานรณรงค์หาเสียงอาจจะเตรียมหาทางรับมือกับความพ่ายแพ้ นายทรัมป์และคนใกล้ชิดเชื่อว่าพวกเขาจะต้องได้รับชัยชนะ “ทรัมป์ที่หวาดกลัว” ไม่เคยอยู่ใน “บทการแสดง”
3. โกรธเกรี้ยวที่พิธีสาบานตน
“นายทรัมป์ไม่ได้มีความสุขระหว่างพิธีสาบานตนของตัวเองเลย เขาโกรธที่ดาราผู้มีชื่อเสียงต่างปฏิเสธที่จะมาร่วมงาน ไม่พอใจกับที่พักที่แบลร์ เฮาส์ [ที่พักรับรองแขกของประธานาธิบดี] และเห็นได้ชัดว่ากำลังทะเลาะกับภรรยาซึ่งดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา”
อย่างไรก็ตาม โฆษกของนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง ออกมาปฏิเสธว่า “นางเมลาเนียสนับสนุนการตัดสินใจของสามีในการลงสมัครชิงตำแหน่ง และที่จริงแล้ว เป็นคนที่ส่งเสริมให้เขาลงสมัครด้วย เธอมั่นใจว่าเขาจะชนะ และก็มีความสุขมากที่เขาชนะ”
4.ยุ่งกับเมียชาวบ้าน
ตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า นายทรัมป์เคยโอ้อวดว่า การนอนกับภรรยาเพื่อนเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตน่าอยู่ นายวูลฟฟ์ระบุว่าเพื่อนของนายทรัมป์คนหนึ่งบอกว่า “ในการตามจีบภรรยาเพื่อน เขาจะพยายามชักชวนตัวภรรยาว่าสามีของเธออาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวังไว้”
เขาจะชักชวนให้ตัวภรรยามาแอบฟังบทสนทนาที่เขากำลังมีกับสามีของเธอ มีการกล่าวหาว่านายทรัมป์ชอบคุยหยอกเล่นเรื่องเพศกับตัวสามีเพื่อหวังว่าเขาจะเผยอะไรที่ไม่ดีไม่งามออกมาเช่น “คุณยังชอบมีเซ็กส์กับภรรยาอยู่หรือเปล่า? บ่อยไหม?”
5. ทรัมป์ “ขวัญอ่อน” เมื่อ นอนทำเนียบขาว
“นายทรัมป์คิดว่าทำเนียบขาวน่ารำคาญและน่ากลัวนิดหน่อย เขาย้ายกลับไปนอนห้องนอนเดี่ยวตัวเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่งใช้ห้องนอนแยกกัน นับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี้ ในช่วงวันแรก ๆ นายทรัมป์สั่งซื้อทีวีอีกสองเครื่องจากที่มีอยู่ในห้องแล้วหนึ่งเครื่อง และสั่งติดล็อคที่ประตู ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งในช่วงสั้น ๆ กับหน่วยอารักขาประธานาธิบดีซึ่งยืนยันว่าพวกเขาต้องได้รับอนุญาตให้เข้าออกห้องได้”
แอนโธนี เซิร์ชเชอร์: สำหรับนายทรัมป์ที่เป็นมหาเศรษฐีที่เคยใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์ของตัวเอง การปรับตัวเข้าในการอยู่ในทำเนียบขาวซึ่ง อดีต ปธน. แฮร์รี ทรูแมน เคยพูดไว้ว่าเป็น “คุกสีขาวขนาดใหญ่” คงเป็นเรื่องยาก
6.อิวานกาอยากเป็นผู้นำสหรัฐฯ
“เขาทั้งสอง[อิวานกา ทรัมป์ และจาเร็ด คุชเนอร์ สามีของเธอ] ตกลงกันว่า หากมีโอกาสในอนาคต เธอจะเป็นคนที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เธอคาดหวังว่าประธานาธิบดีหญิงคนแรกจะเป็นเธอ ไม่ใช่ฮิลลารี คลินตัน”
7.ล้อเลียนทรงผมพ่อ
นางอิวานกา ทรัมป์ล้อเลียนเรื่องการกล่าวอ้างที่ว่านายทรัมป์ได้ไปผ่าตัดเพื่อเพิ่มผม
“เธอปฏิบัติกับพ่อด้วยความเหินห่างในระดับหนึ่ง มีการประชดประชันด้วยซ้ำ ถึงกับล้อเลียนเรื่องการเสยผมบังหัวล้านของพ่อให้คนอื่นฟัง …สำหรับสีผม[ของพ่อ] เธอเล่าอย่างติดตลกว่ามาจากผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ “Just for Men” ซึ่งถ้ายิ่งปล่อยไว้ยิ่งนาน สีก็จะยิ่งเข้ม สีส้มบลอนด์ของผมของทรัมป์เป็นผลมาจากการที่นายทรัมป์อดทนรอไม่ไหว”
8. ไม่รู้ต้องทำอะไรก่อนหลัง
เคที วอล์ช รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดี ถามกับนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยและที่ปรึกษาอาวุโสของ ปธน. ทรัมป์ ว่า ภารกิจอะไรที่รัฐบาลชุดนี้ต้องการจะทำให้สำเร็จ แต่เขาไม่สามารถตอบอะไรได้เลย แม้จะผ่านไปถึง 6 สัปดาห์แล้วตั้งแต่ ปธน.ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง
9. ชื่นชม รูเพิร์ต เมอร์ด็อค
ในขณะที่นายทรัมป์ชื่นชม รูเพิร์ต เมอร์ด็อค เจ้าของนิวส์คอร์ป บริษัทเครือสื่อยักษ์ใหญ่ ว่าเขาเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่” แต่เมอร์ด็อกบอกว่าทรัมป์เป็นพวก “หน้าโง่”
10. ความสัมพันธ์กับรัสเซียคือปัญหา
ก่อนหน้าการเลือกตั้ง เพื่อนของนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เตือนเขาว่า ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะรับเงินค่าการกล่าวสุนทรพจน์จากรัสเซียเป็นเงิน 45,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนายฟลินน์บอกกับเพื่อนว่า มันจะเป็นปัญหาก็ต่อเมื่อพวกเขาชนะการเลือกตั้ง
————————————————————————–
ที่มา : BBC Thai / 4 มกราคม 2561
Link : http://www.bbc.com/thai/international-42569800