ตำรวจออสเตรเลียได้ยื่นข้อมูลจากนาฬิกา แอปเปิลวอทช์ เป็นหลักฐานต่อศาลในการไต่สวนคดีฆาตกรรม
เมอร์นา นิลส์สัน วัย 57 ปี สวมใส่นาฬิกาดังกล่าวในขณะที่เธอถูกฆ่าเมื่อปี 2016
ลูกสะใภ้ของเธอ แคโรไลน์ นิลส์สัน ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดฉากการบุกเข้าทำร้ายครั้งนั้น หลังจากอ้างว่าตัวเองถูกจับมัดมือเอาไว้โดยชายกลุ่มหนึ่งที่บุกเข้ามาในบ้านของพวกเธอ
แต่ข้อมูลจากนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ชี้ให้เห็นว่าเธอถูกลอบทำร้ายขณะที่เธอเพิ่งก้าวเข้าบ้าน และเสียชีวิตเร็วกว่าในคำให้การของลูกสะใภ้ของเธอถึง 1 ชั่วโมง
“การซุ่มทำร้าย”
ตามการรายงานของ เอบีซี นิวส์ นิลส์สันบอกกับตำรวจว่า แม่สามีโต้เถียงกับชายกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างนอกบ้านประมาณ 20 นาที แต่นิลส์สันไม่ได้ยินเสียงขณะที่เธอถูกทำร้ายเพราะอยู่ในห้องครัวซึ่งประตูปิดอยู่
เพื่อนบ้านโทรแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา เมื่อเห็นนิลส์สันเดินออกมาจากบ้านหลังเวลา 22:00 น. โดยถูกปิดปากและมีท่าทางไม่สู้ดี
นิลส์สัน บอกว่าผู้ร้ายได้มัดเธอเอาไว้และเธอหนีออกจากบ้านมาได้ทันทีที่พวกเขาจากไปแล้ว
แต่ คาร์เมน มัตเตโอ อัยการของคดีนี้ กล่าวว่าหลักฐานจากนาฬิกาของเหยื่อบ่งชี้ว่า นิลส์สัน เป็นผู้จัดฉากการบุกรุกบ้านของเธอเอง
ร่างของหญิงวัย 57 ปีถูกพบในห้องซักรีดในบ้านย่านวัลเลย์ วิว ของเธอในบริเวณชานเมืองของแอดิเลด เมืองหลวงของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย
หลักฐานจากนาฬิกา
“หลักฐานจากแอปเปิลวอทช์ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นความเท็จในคำให้การกับตำรวจของจำเลย” มัตเตโอ กล่าว
“นาฬิกาประเภทนี้… มีเซนเซอร์ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวและความเร็วของผู้สวมใส่… มันยังตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย”
อัยการฝ่ายโจทก์อ้างว่านาฬิกาดังกล่าวได้บันทึกข้อมูลที่ตรงกับเหตุการณ์เมื่อบุคคลหนึ่งเข้าสู่ภาวะช็อกก่อนจะหมดสติไป
“ผู้ตายจะต้องถูกทำร้ายช่วงเวลาประมาณ 18:38 น. และเสียชีวิตเมื่อ 18:45 น. อย่างแน่นอน”
“หากหลักฐานนี้ได้รับการยอมรับ มันจะขัดแย้งกับคำให้การของจำเลยที่บอกว่าผู้ตายกับกลุ่มชายดังกล่าวมีปากเสียงกันข้างนอกห้องซักรีด ซึ่งคลาดเคลื่อนกันถึง 20 นาที”
“เธอออกจากบ้านหลังจาก 22:00 น. และหากศาลรับฟังหลักฐานชิ้นนี้ นั่นจะนับเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงหลังผู้ตายถูกทำร้าย”
การพิจารณาคดีจะมีขึ้นครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ผู้พิพากษาไม่อนุญาตให้ประกันตัวนิลส์สันโดยให้เหตุผลว่า สำนวนฟ้องของฝ่ายอัยการมีความเข้มแข็งอย่างชัดเจน
——————————————————————————————————————————
ที่มา : BBC Thai / วันที่ 4 เม.ย.2561
ลิงก์ : http://www.bbc.com/thai/international-43637624