‘เอฟบีไอ’ บุกค้นสำนักงานทนายความ ‘ทรัมป์’ พบหลักฐานจ่ายค่าปิดปากอดีตดาราหนังโป๊

Loading

สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI บุกตรวจค้นสำนักงานของทนายส่วนตัวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพบหลักฐานการจ่ายเงินค่าปิดปากให้กับอดีตดาราหนังผู้ใหญ่ เพื่อให้เก็บงำความสัมพันธ์ลับกับผู้นำสหรัฐฯ นายสตีเฟน ไรอัน ทนายของนายไมเคิล โคเฮน ทนายส่วนตัวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า นายโคเฮนให้ความร่วมมือกับทาง FBI ในการมอบเอกสารหลักฐานหลายพันฉบับให้กับทีมสืบสวนกรณีที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทั้งอีเมลล์ เอกสารทางภาษี และบันทึกทางธุรกิจ แต่ที่น่าสนใจ คือ ทาง FBI ได้บุกยึดหลักฐานการสนทนาระหว่างนายโคเฮน กับประธานาธิบดีทรัมป์ รวมทั้งเอกสารการจ่ายเงินค่าปิดปาก 130,000 ดอลลาร์ให้กับสตอร์มีย์ แดเนียลส์ หรือ สเตฟานี คลิฟฟอร์ด อดีตดาราหนังผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้ปริปากพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อ 2 ปีก่อน ทั้งนี้ ทนายของนายไมเคิล โคเฮน การบุกตรวจค้นสำนักงานของนายโคเฮนของ FBI เป็นไปอย่างไม่เหมาะสมและไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด แต่เอกสารดังกล่าวถือเป็นการยืนยันคำพูดของนายโคเฮน แต่หักล้างคำปฏิเสธของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อ้างว่าเขาไม่ทราบเรื่องการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวมาก่อน ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประณามการบุกค้นสำนักงานทนายความส่วนตัวของเขาว่าเป็นสิ่งที่ “น่าอับอาย”…

Facebook ระบุ ข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 2,200 ล้านรายทั่วโลกอาจรั่วทางระบบ Search

Loading

เครื่องมือ Search ของ Facebook นี้ถูกนำไปใช้ร่วมกับข้อมูลส่วนตัวของผู้คนทั่วโลกที่ถูกขโมยมาจากช่องทางอื่นๆ และนำไปขายบน Dark Web โดยความสามารถ Search ของ Facebook นี้ได้เปิดให้ผู้โจมตีสามารถนำ Email Address หรือเบอร์โทรศัพท์ของเหยื่อไปทำการค้นหาบน Facebook ได้ และทำให้การรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่เปิดเผยบน Public Profile สามารถทำได้ง่ายขึ้น และเมื่อนำไปรวมกับข้อมูลที่ขายบน Dark Web แล้วก็จะทำให้ข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้นมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้นสำหรับการนำไปใช้ต่อยอดในแง่มุมต่างๆ ดูเผินๆ เหมือนอาจไม่ใช่เรื่องอันตรายเท่าไหร่เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ถูกเปิดเผยอยู่แล้ว แต่ข้อมูลเหล่านี้เมื่อนำไปรวมกับข้อมูลอื่นๆ ก็อาจถูกนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ตกหลุมพรางของเหล่า Hacker ได้ง่ายดายขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งการใช้ Email หรือเบอร์โทรศัพท์ในการค้นหานั้นก็ยังให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่าการค้นหาจากชื่ออย่างชัดเจนด้วย ดังนั้นในทางปฏิบัติการเปิดให้ผู้คนสามารถค้นหา Facebook Profile ได้ผ่านข้อมูลเหล่านี้ก็ถือว่าอันตรายไม่น้อย ซึ่งที่ผ่านมาวิธีการนี้ก็ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเกือบทั้งหมดของ Facebook ที่มีจำนวนมากถึง 2,200 ล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี Mark Zuckerberg ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องทำการรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งานเอาไว้เป็นจำนวนมหาศาลนี้ว่าต้องการนำไปใช้เพื่อให้การนำเสนอโฆษณาแก่ผู้ใช้งานนั้นมีคุณภาพและมีความแม่นยำสูงที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งาน Facebook ที่ดีขึ้นนั่นเอง ปัจจุบัน…