ข่าวสารที่คลาดเคลื่อนทางสื่อสังคมออนไลน์ กรณีสารเคมีรั่วที่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน

Loading

  กรณีเหตุสารเคมีรั่วที่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะทดแทน เมื่อ 6 พ.ค.61 จากการตรวจสอบสำนักข่าวออนไลน์ที่รายงานข่าวดังกล่าว พบเว็บไซต์ที่ลงข้อความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง พบว่า สำนักข่าวอย่างน้อย 2 สำนัก ได้รายงานข่าวสารที่คลาดเคลื่อน ระบุข้อความ “สารเคมีรั่วไหล บริเวณก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทน 4-7 กฟผ.แม่เมาะ พบเป็นไซยาไนต์…” สำนักข่าวได้อ้างการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งได้รับข้อมูลจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้า กฟผ.แม่เมาะว่า สารที่รั่วไหลออกมา คือ ก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนต์ ซึ่งเป็นยาพิษ… ข่าวสารที่คลาดเคลื่อนถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากในสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าได้มาจากกล้องโทรศัพท์มือถือของผู้ปฏิบัติงานที่พกพาเข้าไปในพื้นที่ สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อย่างไรก็ดี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. แม่เมาะได้ออกมาได้ชี้แจงรายละเอียดผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook) ในวันเดียวกัน พร้อมทั้งเชิญสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อยืนยันให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง โดยยืนยันไม่ใช่สารไซยาไนต์ ทำให้ลดกระแสความวิตกกังวลของประชาชน และได้ปฏิบัติการตามแผนฉุกเฉินควบคุมสถานการณ์สารรั่วในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนได้ทัน มีการประกาศให้คนงานออกไปยังจุดรวมพลเพื่อความปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือได้รับอันตรายจากการสูดกลิ่นและควัน เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ ดำเนินการแก้ไขเบื้องต้นจนควบคุมการรั่วไหลได้อย่างเรียบร้อย   นายประทีป พันธ์ยก หมวดความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฟผ.แม่เมาะ กล่าวว่า สารเคมีที่รั่วไหลเป็นกรดไฮโดรคลอลิค (HCL)…

ไทยเตรียมใช้ ‘ดิจิทัล ไอดี’ ปลายปี 61 หนุนใช้กับโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายผ่านอีมันนี่ อุดช่องฉวยโอกาสทุจริต

Loading

ข่าวเกี่ยวกับการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง จนทำให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตัดสินใจให้จ่ายเงินผ่านรูปแบบการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้รับบริการหรือระบบอีเพย์เมนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2561 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ แต่ในบางทัศนะกลับมองว่า มาตรการใหม่นี้ช่วยแก้ปัญหาการทุจริตแค่เฉพาะหน้าหรืออาจไม่ได้เลย ดังเช่นกรณีทุจริตกองทุนเงินเสมาพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่มีการนำบัญชีธนาคารของเครือญาติเข้ามารับประโยชน์แทน กรณีเหล่านี้จึงกลายเป็นช่องโหว่ที่ต้องช่วยกันขบคิดหาวิธีรับมือ แน่นอนว่า จำเป็นต้องปรับระบบสวัสดิการให้สอดคล้องและพร้อมรับมือกับโลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ‘สุทธิพงษ์ กนกากร’ สมาชิกคณะทำงานด้านเทคนิค National Digital ID อธิบายให้เห็นภาพเป็นฉาก ๆ ในเรื่องการวางระบบป้องกันทุจริตในโครงการเกี่ยวข้องกับสวัสดิการแห่งรัฐ ในเวทีสัมมนา เรื่อง ปรับทิศทางเศรษฐกิจไทยให้พร้อมสู่ยุคแห่งความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดโดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เขาบอกว่า ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถนำมาปรับใช้กับระบบสวัสดิการแห่งรัฐ 3 รูปแบบ คือ 1. บล็อกเชน (Blockchain) คือ เครือข่ายการเก็บข้อมูลรูปแบบหนึ่ง โดยสามารถป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลและทำให้รู้แม้กระทั่งว่า ใครเขียนข้อมูลอะไรลงไปบ้าง 2.ดิจิทัล ไอดี (Digital ID) คือ ระบบที่ช่วยพิสูจน์ตัวตน 3.เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) คือ การทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งจะมีหรือไม่มีบัญชีธนาคารเลยก็ได้ โดยการนำเทคโนโลยีทั้ง 3 รูปแบบ มาใช้กับระบบสวัสดิการแห่งรัฐนั้น สุทธิพงษ์ อธิบายว่า ส่วนใหญ่ขั้นตอนการคัดกรองผู้มีสิทธิรับประโยชน์…

สั่งคุกอดีตปธน.ไต้หวัน 4 เดือน ฐานทำข้อมูลความมั่นคงรั่ว เจ้าตัวลั่นอุทธรณ์สู้

Loading

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อดีตประธานาธิบดีหม่า อิง จิ่ว ของไต้หวัน ถูกศาลสูงพิพากษาโทษจำคุกเป็นเวลา 4 เดือน ในข้อกล่าวหาทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติรั่วไหล ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายการสื่อสารและข่าวกรองของไต้หวัน หลังสิ้นคำตัดสินอดีตผู้นำไต้หวันประกาศจะอุทธรณ์สู้คดี การตัดสินของศาลสูงไต้หวันในวันนี้เป็นการกลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่พิพากษาก่อนหน้านี้ว่านายหม่าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาที่มีการยื่นฟ้องดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ศาลสูงยังระบุว่าจำเลยอาจไม่ต้องรับโทษจำคุกดังกล่าว เนื่องจากตามกฎหมายไต้หวันความผิดดังกล่าวเป็นความผิดลหุโทษ สามารถจ่ายเงินเป็นค่าปรับราว 120,000 ดอลลาร์ไต้หวัน( ราว 128,000 บาท) แทนได้ ด้านนายหม่า อดีตผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันระหว่างปี 2551-2559 อันเป็นยุคที่ไต้หวันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะอุทธรณ์สู้คดีนี้ที่ไม่เพียงเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับอำนาจของประธานาธิบดีไต้หวันในอนาคตที่เขามองว่าไม่ควรจะถูกจำกัด ——————————————————— ที่มา : MATICHON Online / 15 พฤษภาคม 2561 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_956803

‘ออสเตรเลีย’ หวั่นก่อการร้ายส่งตำรวจ ‘สุ่มตรวจบัตรปชช.’ ที่สนามบิน

Loading

นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลีย ได้รับการเปิดทางให้ดำเนินการสุ่มตรวจบัตรประชาชน ที่สนามบินในประเทศออสเตรเลียได้แล้ว ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ท่ามกลางความห่วงกังวลว่าอาจเกิดการโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) นายเทิร์นบูล ระบุว่าจากเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองสุราบายา ประเทศอินโดนีเซียนั้นเตือนให้เจ้าหน้าที่ต้องอยู่ในสถานะเฝ้าระวังสูงสุด โดยนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว จะมีการอัพเกรดเครื่องสแกนสัมภาระสำหรับการเดินทางในประเทศเช่นเดียวกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ รวมถึงมีการตรวจสอบสินค้าที่ส่งทางอากาศและพัสดุที่ส่งจากต่างประเทศอย่างเข้มข้นด้วย ทั้งนี้รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการป้องกันเหตุโจมตีที่คนร้ายเตรียมก่อเหตุเอาไว้ได้ 14 ครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่มีเหตุโจมตีเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยหนึ่งในเหตุก่อการร้ายรวมไปถึงเหตุบุกยึดคาเฟ่ในนครซิดนีย์เมื่อปี 2014 ————————————————————- ที่มา : MATICHON Online / 15 พฤษภาคม 2561 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_956933