(8 พ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่มีข้อความประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ต่อกันในสื่อ Social Media จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อน จากกรณีการกำหนดวันในการเก็บกู้วัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จมอยู่ในแม่น้ำแม่กลองบริเวณสะพานธนรัตน์ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เพื่อใช้เส้นทางในการทำรางรถไฟคู่ขนาน เส้นนครปฐม-หัวหิน
โดยข้อความที่มีการแชรืกันในโลกออนไลน์ ระบุว่า “ประกาศพื้นที่อันตราย โดยจังหวัดราชบุรี โปรดศึกษาเส้นทางหากเดินทางไปแถวนั้นค่ะ แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากจังหวัดราชบุรี เนื่องจากในวันที่ 28 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม 2561 จังหวัดราชบุรี ร่วมกับ ทหารสามเหล่าทัพ (ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ) หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจะทำการเก็บกู้วัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณสะพานธนรัตน์ เพื่อใช้เส้นทางในการทำรางรถไฟคู่ขนาน เส้นนครปฐม-หัวหิน บริเวณดังกล่าวจะประกาศเป็นพื้นที่อันตราย จึงแจ้งให้ทราบว่าในวันและเวลาดังกล่าว โปรดหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางนี้เพื่อความปลอดภัย พร้อมกำหนดแผนงานการเก็บกู้ระเบิดแม่น้ำแม่กลอง 15-16 พ.ย. ทำ Workshop 26-27 พ.ย.ปักแนวเขต+เตรียมการ,เช็คเครื่องมือ 28 พ.ย. – 4 ธ.ค. ดำน้ำสำรวจ 12 – 21 ธ.ค. เก็บกู้ระเบิด”
ล่าสุด นายวีรัส ประเศรษโฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ขณะนี้จังหวัดยังไม่มีการประกาศแจ้งเตือนข้อความใดๆ ตามที่ลงในสื่อ Social Media ดังกล่าว ขออย่าให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ หากมีการดำเนินการใดๆ ที่มีผลกระทบและเกี่ยวข้องกับประชาชน จังหวัดจะประกาศเป็นหนังสือราชการให้ทราบโดยทั่วกัน จึงขอย้ำว่าขณะนี้จังหวัดราชบุรียังไม่มีการประกาศแจ้งเตือนใดๆ
ส่วนรายละเอียดข้อมูล ที่กำหนดในเบื้องต้น 1) กำหนดการ 28 พ.ย. – 4 ธ.ค.61 นี้ “คือช่วงที่หน่วย EOD ทร.จะกำหนดลงดำน้ำสำรวจจำนวนระเบิดตามที่มีข่าวสารปรากฏ หรือ ตามที่มีผู้ชำนาญการ แจ้งแก่ทางราชการว่ามีปรากฏอยู่ ขอบเขตการดำน้ำสำรวจจะมีเขตกว้างจากเขตสร้างสะพานรถไฟคู่ที่จะลงสร้างฐานตอม่อ ออกไป ข้างละ 50 เมตร ก่อนเบื้องต้น” 2) จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้ มาร่วมวางแผนเก็บกู้กับส่วนที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง 3) ก่อนการเก็บกู้จริง จะมีการ Workshop ร่วมระหว่าง รฟท. เทศบาล 3 เหล่าทัพ ตำรวจ และจังหวัด จะแจ้งกำหนดการ “ที่เป็นทางการ” ให้ทราบทั่วกัน และ 4) กำหนดเก็บกู้จริง วันใด จังหวัดจะพิจารณาอย่างรอบคอบ ร่วม 3 เหล่าทัพและ เทศบาลเมืองราชบุรีโดยคำนึงถึงห้วงเวลาที่เหมาะสม และแจ้งแก่ประชาชนชาวราชบุรีทราบทั่วกัน รวมถึงแจ้งข้อมูลแก่ ผู้ผ่านเส้นทางทราบอย่างชัดเจนอีกครั้ง