ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเรียกประชุมด้านความมั่นคงฉุกเฉิน หลังเหตุประท้วงการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทยแนะนำคนไทยหลีกเลี่ยงการเดินไปในย่านใจกลางกรุงปารีส
โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสเผยกับสถานีวิทยุ Europe 1 ว่าทางการอาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อจัดการกับเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้น “เราต้องพิจารณาถึงมาตรการต่าง ๆ ที่จะใช้เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสกล่าว
กระแสความไม่พอใจต่อนโยบายการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลฝรั่งเศสได้ขยายตัวเป็นวงกว้าง เพราะประชาชนมองว่านโยบายนี้ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น
แม้ว่าการชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่จะดำเนินไปอย่างสงบ แต่การประท้วงในกรุงปารีสกลับมีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจล โดยเฉพาะบริเวณประตูชัย Arc de Triomphe ย่านใจกลางกรุงปารีส ที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา ระเบิดแสง และปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุม
โดยให้การประท้วงเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน ในจำนวนนี้ 23 คนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีผู้ถูกจับกุมไปกว่า 400 คน
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาเกือบ 190 จุด และมีอาคาร 6 หลังถูกไฟไหม้ เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ห้างสรรพสินค้าและสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งต้องปิดทำการ
ด้านประธานาธิบดีมาครงซึ่งเดินทางกลับจากการประชุมกลุ่ม จี20 ในอาร์เจนตินาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้ตรงดิ่งไปตรวจความเสียหายบริเวณประตูชัยทันที
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ออกประกาศเตือนให้คนไทยที่อยู่ในฝรั่งเศส หลีกเลี่ยงการเดินไปบริเวณกลางกรุงปารีส (เขต 1 เขต 2 เขต 8 และเขต 16 ส่วนใกล้ประตูชัย) หากไม่จำเป็น และให้ใช้ความระมัดระวังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมทั้งแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่ www.ratp.fr ซึ่งมีการแจ้งข้อมูลทั้งในภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ
ชนวนเหตุประท้วงเกิดจากอะไร
ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ย 1.51 ยูโรต่อลิตร (ประมาณ 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000
ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ก่อนร่วงลงมา แต่รัฐบาลนายมาครงได้ปรับขึ้นภาษีไฮโดรคาร์บอนในปีนี้ที่อัตรา 7.6 เซนต์ต่อลิตรสำหรับดีเซล และ 3.9 เซนต์ต่อลิตรสำหรับเบนซิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ใช้เชื้อเพลิงสะอาด
การตัดสินใจขึ้นภาษีดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร ที่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2019 กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วง ทว่าประธานาธิบดีมาครงกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3
ด้านประธานาธิบดีมาครงซึ่งเดินทางกลับจากการประชุมกลุ่ม จี20 ในอาร์เจนตินาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้ตรงดิ่งไปตรวจความเสียหายบริเวณประตูชัยทันที
โดยการประท้วงทั่วประเทศครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมามีผู้ร่วมชุมนุมเกือบ 300,000 คน
ทำไมต้อง “เสื้อกั๊กเหลือง”
ผู้ขับขี่รถทุกคนในฝรั่งเศสต้องพกเสื้อกั๊กสีเหลืองไว้ในรถของตน เพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีกรวยสามเหลี่ยมสีแดงที่ต้องวางไว้ด้านหลังรถที่เกิดเสียขึ้นมากลางทาง และถ้าพลขับจะลงจากตัวรถก็ต้องสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วย
การไม่สวมใส่เสื้อกั๊กหลังรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 135 ยูโร (ประมาณ 5,064 บาท) ตามกฎหมายที่นำมาบังคับใช้ในปี 2008
———————————————————
ที่มา : BBC Thai / 2 ธันวาคม 2018
Link : https://www.bbc.com/thai/international-46418115