ซีเอ็นเอ็น – นักเดินทางคนหนึ่งพกปืนผ่านมาตรการคัดกรอง โดยสารเครื่องบินลำหนึ่งจากท่าอากาศยานฮาร์ทสฟิลด์-แจ็คสัน ในแอตแลนตา มุ่งหน้าสู่สนามบินนาริตะ เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ตามถ้อยแถลงของสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯในวันจันทร์(14ม.ค.) แต่ทางหน่วยงานแห่งนี้ยืนยันข้อบกพร่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับภาวะชัตดาวน์
เดลต้า แอร์ไลน์ส ก็ออกถ้อยแถลงถึงซีเอ็นเอ็นเช่นกัน ด้วยระบุว่าทางสายการบินได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯแล้ว
เหตุละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้มีขึ้น 2 สัปดาห์หลังหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ โดยระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ของ TSA ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแต่ไม่ได้รับค่าจ้าง ทั้งนี้ซีเอ็นเอ็นรายงานเหตุการณ์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มกราคม หรือ 1 วันหลังเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของ TSA หลายร้อยคนตามท่าอากาศยานหลักต่างๆอย่างน้อย 4 แห่งโทรมาลาป่วย
อย่างไรก็ตามทาง TSA ปฏิเสธข้อสันนิษฐานว่าภาวะชัตดาวน์เป็นตัวก่อให้เกิดข้อผิดพลาดด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยและยืนยันว่าจำนวนของเจ้าหน้าที่ TSA ที่ปฏิบัติงานในวันนั้นอยู่ในระดับปกติ
“ข้อสันนิษฐานที่ว่าเรื่องนี้อาจเป็นผลจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนนั้นไม่ถูกต้อง” TSA “อัตราการลาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่ TSA ในวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2019 นั้น มีเพียง 4.8% น้อยกว่าระดับ 6.8%ของวันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม 2014 ดังนั้นข้อเท็จจริงคืออัตราการลาของปีที่แล้วสูงกว่าปีนี้เสียอีก”
สำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งสหรัฐฯ(TSA) ยืนยันว่าจะนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องครั้งนี้มารับผิดชอบอย่างเหมาะสม
เจ้าหน้าที่ TSA ราว 51,000 คน เป็นหนึ่งในลูกจ้างรัฐบาล 800,000 คนที่ไม่ได้รับค่าจ้างหรือไม่ก็ต้องลาพักระหว่างการลชัตดาวน์ โดยทางสหภาพหอควบคุมการบิน, สหภาพตรวจสอบความปลอดภัยด้านการบินและกลุ่มอื่นๆ เช่นเดียวกับพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการสัญจรทางอากาศต่างประณามผลลัพธ์จากการชัตดาวน์ แต่ทาง TSA ยืนยันว่าปฏิบัติการด้านการบินยังคงมีความปลอดภัย “มาตรฐานด้านความปลอดภัยจะไม่และไม่อาจอ่อนข้อได้” TSA ระบุ
—————————————————–
ที่มา : MGR Online / 14 มกราคม 2562
Link : https://mgronline.com/around/detail/9620000004770