กบฎฮูตีอ้างส่งโดรนยิง “คลังแสง” ในสนามบินซาอุฯสำเร็จ

Loading

เอพี- วันนี้ (21 พ.ค) กบฎฮูตีออกแถลงการณ์ว่า ทางกลุ่มได้ส่งโดรนขนระเบิดเข้าไปยังซาอุดีอาระเบีย เป้าหมายสนามบินที่มีฐานทัพ การโจมตีเป็นที่รับรู้ของทางริยาด ท่ามกลางความตรึงเครียดยังคงเพิ่มสูงจากปัญหาสหรัฐฯ-อิหร่าน  เอพีรายงานวันนี้ (21 พ.ค) ว่า เบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีผู้บาดเจ็บหรือมีขอบเขตความเสียหายมากน้อยเพียงใด การโจมตีเมืองนัจญ์รอน (Najran) ของซาอุฯเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทางเตหะรานประกาศเพิ่มการผลิตจำนวนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมขึ้น 4 เท่า พร้อมกับความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ (20) ที่มีการทวีตจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่อิหร่านย้ำว่า ยูเรเนียมจะถูกเสริมสมรรถนะเพียง 3.67% ของข้อจำกัดภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 เพื่อสามารถใช้กับโรงงานพลังงานไฟฟ้า แต่ต่ำกว่าเป้าเป็นอย่างมากถึงสำหรับจำนวนที่ต้องการสำหรับผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทว่าการเพิ่มจำนวนการผลิต ส่งผลทำให้ในไม่ช้าอิหร่านจะละเมิดต่อข้อกำหนดการครอบครองที่ถูกกำหนดโดยข้อตกลง เอพีชี้  โดยทางเตหะรานได้กำหนดเส้นตายที่ 7 ก.คนี้ สำหรับบรรดาชาติยุโรปในการกำหนดเงื่อนไขใหม่สำหรับข้อตกลง หรือไม่ทางอิหร่านจะเพิ่มจำนวนการเสริมสร้างสมรรถนะให้เข้าใกล้กับระดับการผลิตอาวุธ โดยฝ่ายสหรัฐฯได้ส่งฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิด พร้อมกองเรือบรรทุกเครื่องบินมายังอ่าวเปอร์เซียในความสงสัยถึงภัยคุกคามที่เกิดมาจากอิหร่าน  ในการโจมตีด้วยโดรนของกลุ่มกบฎฮูตี สถานีข่าวผ่านดาวเทียมของกลุ่มติดอาวุธที่ชื่อ อัล-มาซีราห์ ( Al-Masirah) กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (21) ทางกลุ่มของพวกเขาได้มีเป้าหมายการโจมตีที่สนามบินในเมืองนัจญ์รอนพร้อมกับโดรนคาเซฟ–2เค (Qasef-2K) ที่ได้โจมตีที่คลังแสงนัจญ์รอน ตั้งห่างทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงริยาดไปราว 840…

เพิ่มข้อหา ‘ก่อการร้าย’ มือปืนกราดยิงมัสยิดไค

Loading

ผู้ต้องหาคดีกราดยิงมัสยิดในไครสต์เชิร์ช ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 51 ราย ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย เดิมทีผู้ก่อเหตุ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 51 คดี และข้อหาพยายามฆ่าอีก 40 คดี อยู่ก่อนแล้ว ทั้งนี้ ทางนิวซีแลนด์เรียกร้องไม่ให้เอ่ยชื่อถึงชื่อผู้ก่อเหตุเนื่องจากไม่ต้องการให้เขาได้รับความสนใจจากสังคม “ข้อหานี้จะสื่อเป็นนัยว่าเกิดการก่อการร้ายขึ้นในไครสต์เชิร์ช” กรมตำรวจนิวซีแลนด์ ระบุในแถลงการณ์ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีประเทศนิวซีแลนด์ ได้ชี้มาก่อนแล้วว่าเหตุกราดยิงมัสยิดนั้น เป็นการก่อการร้ายซึ่งมีการวางแผนมาอย่างดี อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติปราบปรามการก่อการร้ายในนิวซีแลนด์ เพิ่งบังคับใช้เมื่อปี 2002 และยังไม่เคยมีการใช้งานในศาลมาก่อน ทางตำรวจชี้ว่าการตัดสินใจตั้งข้อหาก่อการร้ายนั้น กระทำภายหลังการหารือกับบรรดาอัยการและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของรัฐบาลแล้ว ขณะนี้ ผู้ต้องหาคนดังกล่าว ซึ่งนิยามตัวเองว่าเป็นผู้นิยมแนวคิดคนผิวขาวเป็นใหญ่ กำลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำความมั่นคงสูง และอยู่ระหว่างการทดสอบว่ามีสภาวะทางจิตเหมาะสมที่จะเข้ารับการพิจารณาคดีในศาลหรือไม่ โดยกำหนดการขึ้นให้การครั้งต่อไปของเขาคือวันที่ 14 มิถุนายนปีนี้ ทางตำรวจนิวซีแลนด์ยังชี้แจงอีกว่า ได้เข้าพบผู้รอดชีวิตและครอบครัวของเหยื่อ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม เพื่ออธิบายถึงข้อห้างที่มีการตั้งเพิ่มเติมแล้ว “ตำรวจมีหน้าที่ที่จะต้องให้ความช่วยที่จำเป็นในทุกๆ ด้าน สำหรับการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีในศาล ซึ่งจะทั้งท้าทายและสะเทือนอารมณ์ต่อครอบครัวของเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิง” ทางกรมตำรวจระบุ อย่างไรก็ตาม ไฮเวล กริฟฟิธ ผู้สื่อข่าวบีบีซีในซิดนีย์ ชี้ว่ามีข้อถกเถียงกันในนิวซีแลนด์ถึงข้อดีข้อเสียของการพิจารณาคดีนี้ด้วยพ.ร.บ. การก่อการร้าย…

ระเบิดบัสนักท่องเที่ยว หน้าพีระมิด “กีซ่า”

Loading

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด โจมตีรถบัสนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใกล้กับพีระมิดสำคัญของอียิปต์ มีรายงานนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ 17 คน สร้างความเสื่อมเสียให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประตูรั้วด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แกรนด์อียิปต์ ติดกับมหาพีระมิดแห่งกีซา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ โดยคนร้ายได้นำระเบิดไปซุกซ่อนไว้ และปลดชนวนระเบิดในช่วงที่รถบัสของนักท่องเที่ยวจากแอฟริกาใต้แล่นผ่านมาพอดี ทำให้รถบัสได้รับความเสียหายกระจกแตก เช่นเดียวกับรถยนต์ที่แล่นตามมาอีกคันหนึ่ง ก็ได้รับความเสียหายไปด้วย หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมกับลำเลียงผู้บาดเจ็บทั้ง 17 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวแอฟริกาใต้ ส่งโรงพยาบาล เคราะห์ดีที่ทุกคนได้รับบาดเจ็บไม่มาก แต่ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอดูการให้แน่ใจว่าปลอดภัยดี จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลัง เหตุที่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอียิปต์อย่างมาก เพราะเมื่อ 6 เดือนก่อนก็เพิ่งเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 3 คน พร้อมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดในลักษณะเดียวกัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ก็เคยเกิดเหตุประท้วงรุนแรง ตามมาด้วยอุบัติเหตุบอลลูนยักษ์ที่นำนักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพทางอากาศตก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตไปหลายคน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นบริเวณมหาพีระมิดแห่งกีซา ซึ่งเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ———————————————————- ที่มา : PPTV / 20 พฤษภาคม 2562 Link : https://www.pptvhd36.com/news/103271