ผู้ต้องหาคดีกราดยิงมัสยิดในไครสต์เชิร์ช ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 51 ราย ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย
เดิมทีผู้ก่อเหตุ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 51 คดี และข้อหาพยายามฆ่าอีก 40 คดี อยู่ก่อนแล้ว ทั้งนี้ ทางนิวซีแลนด์เรียกร้องไม่ให้เอ่ยชื่อถึงชื่อผู้ก่อเหตุเนื่องจากไม่ต้องการให้เขาได้รับความสนใจจากสังคม
“ข้อหานี้จะสื่อเป็นนัยว่าเกิดการก่อการร้ายขึ้นในไครสต์เชิร์ช” กรมตำรวจนิวซีแลนด์ ระบุในแถลงการณ์
จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีประเทศนิวซีแลนด์ ได้ชี้มาก่อนแล้วว่าเหตุกราดยิงมัสยิดนั้น เป็นการก่อการร้ายซึ่งมีการวางแผนมาอย่างดี อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติปราบปรามการก่อการร้ายในนิวซีแลนด์ เพิ่งบังคับใช้เมื่อปี 2002 และยังไม่เคยมีการใช้งานในศาลมาก่อน
ทางตำรวจชี้ว่าการตัดสินใจตั้งข้อหาก่อการร้ายนั้น กระทำภายหลังการหารือกับบรรดาอัยการและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของรัฐบาลแล้ว
ขณะนี้ ผู้ต้องหาคนดังกล่าว ซึ่งนิยามตัวเองว่าเป็นผู้นิยมแนวคิดคนผิวขาวเป็นใหญ่ กำลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำความมั่นคงสูง และอยู่ระหว่างการทดสอบว่ามีสภาวะทางจิตเหมาะสมที่จะเข้ารับการพิจารณาคดีในศาลหรือไม่ โดยกำหนดการขึ้นให้การครั้งต่อไปของเขาคือวันที่ 14 มิถุนายนปีนี้
ทางตำรวจนิวซีแลนด์ยังชี้แจงอีกว่า ได้เข้าพบผู้รอดชีวิตและครอบครัวของเหยื่อ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม เพื่ออธิบายถึงข้อห้างที่มีการตั้งเพิ่มเติมแล้ว
“ตำรวจมีหน้าที่ที่จะต้องให้ความช่วยที่จำเป็นในทุกๆ ด้าน สำหรับการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีในศาล ซึ่งจะทั้งท้าทายและสะเทือนอารมณ์ต่อครอบครัวของเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิง” ทางกรมตำรวจระบุ
อย่างไรก็ตาม ไฮเวล กริฟฟิธ ผู้สื่อข่าวบีบีซีในซิดนีย์ ชี้ว่ามีข้อถกเถียงกันในนิวซีแลนด์ถึงข้อดีข้อเสียของการพิจารณาคดีนี้ด้วยพ.ร.บ. การก่อการร้าย เนื่องจากอาจทำให้การพิจารณาคดียาวนานขึ้น และอาจทำให้ผู้ก่อเหตุแล้วคิดสุดโต่งคนนี้ได้พื้นที่สื่อมากขึ้น
———————————————————-
ที่มา : VoiceTV / May 21, 2019
Link : https://voicetv.co.th/read/Uwy1ILapR