เอเจนซีส์ – วังเครมลินระบุในวันพุธ (3 ก.ค.) ว่าไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆ ได้เนื่องจากถือเป็นข้อมูลความลับของชาติ หลังจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคาร (2) ว่า มีลูกเรือเสียชีวิตไป 14 คนจากเหตุไฟไหม้เรือดำน้ำวิจัยใต้น้ำลึก ซึ่งกำลังสำรวจพื้นทะเลใกล้ๆ แถบอาร์กติก ขณะสื่อท้องถิ่นรายงานว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่า บนเรือลำนั้นมีนายทหารอาวุโสซึ่งอาจบ่งชี้ว่า ภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่น่าใช่ภารกิจธรรมดา
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวันอังคาร (2) ว่า ลูกเรือ 14 คนเสียชีวิตตั้งแต่วันจันทร์ (1) จากการสูดดมควันพิษหลังเกิดไฟไหม้บนเรือดำน้ำแบบดำน้ำลึกเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ขณะทำการศึกษาสภาพแวดล้อมของพื้นผิวทะเลในนามกองทัพเรือรัสเซีย ที่บริเวณน่านน้ำของรัสเซียในภาคเหนือไกลสุดของประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุประเภทของเรือลำนี้
ขณะที่สื่อท้องถิ่นอย่าง สำนักข่าวอาร์บีซี อ้างแหล่งข่าวทางทหารที่ไม่ระบุชื่อกล่าวว่า เรือดำน้ำลำนี้เป็นเรือพลังงานนิวเคลียร์ ส่วนหนังสือพิมพ์โนวายา กาเซตา ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ให้เอ่ยนามว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบนเรือดำน้ำขนาดเล็ก เอเอส-12 ที่สามารถดำลงในระดับลึกมาก
ต่อมา รัฐมนตรีกลาโหม เซียเก ชอยกู ออกมากล่าวในวันพุธ (3) ว่ามีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุคราวนี้ โดยไม่ระบุว่ามีจำนวนเท่าใด
เขาบอกว่า เรือลำดังกล่าวกำลังทำการ “วิจัยสำคัญว่าด้วยอุทกภาค (ส่วนที่เป็นพื้นน้ำทั้งหมด) ของโลก” ในทะเลแบเร็นต์ส และผู้ที่อยู่ในเรือเป็น “พวกผู้ชำนาญพิเศษของฝ่ายทหารซึ่งมีความสามารถเฉพาะ”
ชอยกูกล่าวด้วยว่า พลเรือนผู้หนึ่งซึ่งเป็น “ตัวแทนของภาคอุตสาหกรรม” ได้รับการช่วยเหลืออพยพออกมาจากเรือโดยลูกเรือซึ่งปฏิบัติการ “อย่างกล้าหาญ”
ลูกเรือใช้ความพยายามอยางยิ่งจนนำพลเรือนผู้นั้นออกไปได้สำเร็จ ต่อจากนั้นพวกเขาก็ปิดช่องทางออกจากเรือดังกล่าว เพื่อดับเปลวเพลิงที่กำลังแผ่ลามออกไป
“พวกเขาต่อสู้เพื่อให้เรือลำนี้อยู่รอดจวบจนถึงวาระสุดท้าย” รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าว พร้อมเสริมว่าลูกเรือทั้งหมดจะได้รับเหรียญรางวัลจากรัฐ
ด้านโฆษกวังเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ แถลงวันพุธเช่นกันว่า ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนทั้งหมดได้ เนื่องจากถูกจัดชั้นเป็นความลับของชาติ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายของรัสเซีย
ในอีกด้านหนึ่ง เปอร์ สแตรนด์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันรังสีของนอร์เวย์ เผยว่า ได้รับแจ้งจากทางการรัสเซียว่า เกิดเหตุแก๊สระเบิดบนเรือดำน้ำ และกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมว่า เรือลำดังกล่าวมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หรือไม่
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า ไม่ได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับอุปกรณ์วิจัยวิทยาศาสตร์ใต้ทะเลลึกต่อนอร์เวย์
สำหรับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ซึ่งถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของกองทัพเรือและกองทัพรัสเซีย เขากล่าวเช่นนี้ในการประชุมหารือกับชอยกูในวันอังคาร (2) โดยที่มีการถ่ายทอดออกอากาศทางทีวีด้วย
นอกจากนั้นปูตินยังบอกชอยกูให้เดินทางไปเมืองเซเวโรมอร์สก์ ฐานทัพเรือของรัสเซียในทะเลแบเร็นต์ส ซึ่งเรือดำน้ำที่ประสบเหตุถูกนำไปที่นั่นในเวลานี้ เพื่อหารายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ จากนั้นก็รายงานให้เขาทราบ
ปูตินเสริมว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตมี 7 คนที่เป็นนายทหารยศนาวาเอก และ 2 คนได้รับเครื่องราชอิสริยารณ์ “วีรชนของรัสเซีย” ซึ่งเป็นรางวัลทางทหารสูงสุดของแดนหมีขาวในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารผู้หนึ่งที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ โต้แย้งคำกล่าวอ้างว่า เกิดไฟไหม้ขณะทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยบอกว่า มอสโกมักอ้างการดำเนินการดังกล่าวเพื่อปกปิดภารกิจต่างๆ ใต้ทะเลลึก เช่น การวางสายเคเบิล
โนวายา กาเซตายังรายงานว่า เรือดำน้ำที่ไฟไหม้คือ เรือเอเอส-12 หรือ “โลชาริก” ซึ่งเป็นชื่อตัวการ์ตูนยุคโซเวียต แต่มีรายละเอียดน้อยมากเกี่ยวกับเรือดำน้ำรุ่นนี้ นอกจากว่า เปิดตัวในปี 2003 และได้รับมอบหมายภารกิจในการค้นคว้า กู้ภัย และปฏิบัติการพิเศษทางทหาร
อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำรัสเซียนับจากเดือนสิงหาคม 2000 ที่เรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ คูร์สก์ จมใต้ทะเลบาเรนต์ส หลังเกิดระเบิด 2 ครั้ง ทำให้ลูกเรือทั้ง 118 คนเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นปูตินที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากยังคงพักผ่อนต่ออีกหลายวันหลังโศกนาฏกรรมดังกล่าว นอกจากนั้นมอสโกยังปฏิเสธความช่วยเหลือในการกู้ภัยของต่างชาติ
กระนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มอสโกให้ความสนใจมากขึ้นกับสถานะของกองทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถูกละเลยและได้รับงบประมาณไม่เพียงพอหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย นับจากนั้นปูตินสั่งเพิ่มงบประมาณการทหารมหาศาลเพื่อปรับปรุงยุทโธปกรณ์และการฝึก รวมทั้งขวัญและกำลังใจของทหาร
อย่างไรก็ดี ยังคงเกิดอุบัติเหตุในกองทัพรัสเซียเรื่อยมา อาทิ เดือนธันวาคม 2016 เครื่องบินทหารที่มีผู้โดยสารและลูกเรือ 92 คน รวมถึงคณะนักร้องประสานเสียง เรด อาร์มี ไควเออร์ ตกทะเลดำระหว่างมุ่งหน้าไปซีเรีย และไม่มีผู้รอดชีวิต
ขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซียกำลังพัฒนาเรือดำน้ำใหม่อันเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันในระดับกว้างขึ้นสำหรับยุทโธปกรณ์ใหม่ของปูติน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและเรือไร้คนขับ
สื่ออเมริกันรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในเพนตากอนว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับเรือดำน้ำและเรือสอดแนมรัสเซียที่เข้าไปป้วนเปี้ยนมากขึ้นในมหาสมุทรนอกชายฝั่งอเมริกา
———————————————————————
ที่มา : MGR Online / 3 กรกฎาคม 2562
Link : https://mgronline.com/around/detail/9620000063437