นายกเทศมนตรีทั่วประเทศในอเมริกา ร่วมลงนามไม่จ่ายค่าไถ่ให้กับแฮกเกอร์

Loading

นายกเทศมนตรีกว่า 225 รายทั่วสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนให้มีการลงมติเพื่อไม่จ่ายค่าไถ่ให้กับแฮกเกอร์ เพราะเป็นสาเหตุให้ปัญหานี้ไม่มีทางหมด โดยมตินี้มาจากการประชุมประจำปีของนายกเทศมนตรีสหรัฐที่จัดขึ้นที่โฮโนลูลูตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ตามคำแถลง จะต้องมีอย่างน้อย 170 เขตเมืองหรือระบบของรัฐได้รับการกำหนดเป้าหมายป้องกันการโจมตี ransomware ตั้งแต่ปี 2013 โดยการโจมตีเหล่านี้ใช้โปรแกรมมัลแวร์ที่ทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้ และแฮกเกอร์มักจะเรียกร้องการชำระเงินในรูปแบบต่าง ๆ (ส่วนใหญ่จะเป็นบิทคอยน์) เพื่อแลกกับการใช้งานระบบเหมือนเดิม ในอีกมุมหนึ่ง มตินี้เกิดขึ้นจากมืองในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งถูกโจมตีโดย ransomware การโจมตีในปีนี้รวมถึง Lake City, Florida ซึ่งแต่ละครั้ง แฮกเกอร์จะให้จ่ายเงินจำนวน 43 bitcoins เพื่อแลกกับการเข้าถึงระบบโทรศัพท์และอีเมลได้อีกครั้ง นอจากนั้นยังมีการโจมตีระดับสูงอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ โดยเกิดขึ้นในบัลติมอร์ในเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นการปิดระบบเมืองสำคัญผ่านอีเมลฟิชชิง แฮ็กเกอร์เรียกร้องให้หน่วยงานจ่ายเงินจำนวน 13 bitcoins (ประมาณ $ 76,280 ในเวลานั้นและตอนนี้ประมาณที่ $ 151,599) แต่ Sheryl Goldstein ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของนายกเทศมนตรีได้รับคำแนะนำจาก FBI ให้ไม่จ่ายค่าไถ่เพราะ ถ้าจ่ายครั้งนี้ เราก็ยิ่งต้องจ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ  โดยประมาณว่าการโจมตีมีค่าใช้จ่ายในเมืองอย่างน้อย 18…

บริษัทคู่สัญญาหน่วยข่าวกรองรัสเซียถูกแฮ็กฉกข้อมูลลับเปิดเผยสู่สาธารณะ

Loading

มีรายงานการเปิดเผยถึงเหตุการณ์บริษัทคู่สัญญาของหน่วยข่าวกรองรัสเซีย (FSB) ที่ชื่อ ‘SyTech’ ได้ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์มือดีนามแฝงว่า ov1ru$ เจาะเข้าไปขโมยข้อมูลสำคัญไปได้ว่า 7.5TB ทั้งนี้ ในเวลาต่อมาก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลของโครงการลับหลายโปรเจ็คสู่สาธารณะ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมาโดยฝีมือของกลุ่ม ov1ru$ ซึ่งได้เจาะเข้าไปถึงเซิร์ฟเวอร์ AD ของ SyTech ทำให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายทั้งหมดได้และขโมยข้อมูลไปได้กว่า 7.5 TB นอกจากนี้แฮ็กเกอร์ยังได้เปลี่ยนรูปเว็บไซต์บริษัทด้วย ‘Yoba face’ ซึ่งฮิตกันในหมู่ผู้ใช้งานรัสเซียออกแนวเกรียน (Trolling) อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นยังได้แชร์ข้อมูลที่ขโมยมาให้กับแฮ็กเกอร์อีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่อ Digital Revolution ซึ่งเป็นกลุ่มเบื้องหลังอีกเหตุการณ์แฮ็กบริษัทคู่สัญญา FSB ที่ชื่อ Quantum ในปีก่อน ถัดมาวันที่ 18 ก.ค กลุ่ม Digital Revolution จึงได้เปิดเผยข้อมูลให้แก่นักข่าวรัสเซียออกสู่สาธารณะ โดยโครงการของ SyTech ที่ถูกเปิดเผยออกมามีดังนี้ Nautilus – โปรเจ็คการเก็บสะสมข้อมูลของผู้ใช้งาน Social Media เช่น Facebook, Myspace และ LinkedIn Nautilus-S –…

ตร.สนามบินโรมาเนียล็อคตัว-ลากผู้โดยสารอียิปต์ลงจากเครื่อง

Loading

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินบูคาเรสต์ ลากผู้โดยสารอียิปต์ลงจากเครื่อง ท่ามกลางความตกใจของผู้โดยสารทั้งลำ เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นที่สนามบินบูคาเรสต์ บนเครื่องบินสายการบิน ทารอม   ของโรมาเนีย ที่เดินทางจากปารีส แวะจอดสนามบิน Henri Coandă เมืองหลวงโรมาเนีย ก่อนมุ่งหน้ากรุงไคโร  ประเทศอียิปต์ คลิปแสดงให้เห็นนาทีการทะเลาะวุ่นวาย ระหว่างผู้โดยสารชาวอียิปต์ กับลูกเรือ ที่พยายามขัดขืนการจับกุม ต่อมา ตำรวจสนามบินเข้าแทรกแซง ใช้กำลังบังคับผู้โดยสารคนนั้นลงจากเครื่องแบบถูลู่ถูกังและสวมกุญแจมือ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของภรรยาและลูกชาย และเสียงโหวกเหวกของผู้โดยสารบนเครื่อง ที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ Viorica Hagagg ผู้โดยสารที่แชร์เรื่องนี้บนเฟซบุ๊ก เล่าเหตุการณ์ว่า สตรีคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ นั่งติดกับทางออกฉุกเฉิน แต่ไม่เข้าใจระเบียบทางออกฉุกเฉิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงให้ครอบครัวนี้ย้ายไปด้านหลัง ไม่กี่นาทีหลังย้ายไปแล้ว  ตำรวจขอให้สตรีคนดังกล่าวมอบหนังสือเดินทาง และสั่งให้ลงจากเครื่องบินทั้งครอบครัวตามคำร้องขอของกัปตัน แต่ผู้โดยสารหญิงท่านนั้นและครอบครัวยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการให้ทำอะไร ผู้โดยสารคนอื่น ขอให้รปภ.หรือลูกเรือจัดหาล่าม แต่ตำรวจบอกว่าไม่จำเป็น  และแสดงท่าที่ไม่เป็นมิตรตลอดเวลา คลิปแสดงให้เห็นหน่วยแพทย์รุดดูอาการของภรรยา หลังจากสามีถูกลากลงจากเครื่อง มีรายงานว่าเธอเป็นเบาหวานและเป็นลม ต้องได้รับยาปรับระดับน้ำตาล ต่อมา ลูกเรือแจ้งผู้โดยสารว่า สตรีคนดังกล่าวถ่มน้ำลายใส่พนักงานต้อนรับ สายการบินเข้าไปตอบโพสต์ของ Viorica Hagagg บนเฟซบุ๊กว่า เสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่อาจเพิกเฉยหรือยอมให้ผู้โดยสาร ละเมิดกฎและคุกคามความปลอดภัยของผู้โดยสารคนอื่น ลูกเรือปฏิบัติตามขั้นตอนสำหรับเหตุการณ์ลักษณะนี้ เมื่อผู้โดยสารไม่ยอมย้ายที่นั่ง จึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ…

อิหร่านทลายเครือข่ายทรยศชาติ สมคบCIAแทรกซึมในประเทศ

Loading

สำนักข่าว AFP รายงานว่า อิหร่านได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัย 17 คนและตัดสินประหารชีวิตคนเหล่านี้ไปบางส่วน หลังจากประสบความสำเร็จในการทลายเครือข่ายสายลับ CIA ข่าวนี้ได้รับการเปิดเผยในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐซึ่งเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของอิหร่าน รวมถึงการเผชิญหน้าระหว่างอิหร่านกับอังกฤษ หลังจากอังกฤษยึดเรืออิหร่านที่ช่องแคบยิบรอลต้า ทำให้อิหร่านยึดเรือของอังกฤษที่ช่องแคบฮอร์มุซเป็นการตอบโต้ หน่วยงานความมั่นคงของอิหร่านประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการทลายเครือข่ายสายลับ CIA ระหว่างเดือนมีนาคม 2018 – มีนาคม 2019 โดยหัวหน้าหน่วยต่อต้านข่าวกรองของกระทรวงสืบราชการลับอิหร่านยังประกาศว่า “คนที่ทรยศต่อประเทศอย่างจงใจ ถูกส่งตัวไปรับการพิจารณาคดีแล้ว … บางคนถูกตัดสินประหารชีวิตและรับโทษจำคุกหลายปี” หัวหน้าหน่วยต่อต้านข่าวกรองของอิหร่านเผยว่า จากการติดตามเบาะแสเกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองอเมริกันเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า มีสมาชิกใหม่ที่สหรัฐทำการว่าจ้างเพื่อทำจารกรรมอิหร่าน จึงทำการทำลายเครือข่ายนี้โดยได้ดำเนินการร่วมกับ “พันธมิตรต่างประเทศ” แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นประเทศใด ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวอิหร่านและทำงานเป็นอิสระจากกัน โดยแฝงตัวอยู่ในหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงและระดับประเทศหน่วยงานต่างๆ รวมถึงภาคเอกชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกัน บางคนถูกว่าจ้างให้ทำงานให้สหรัฐ โดยใช้วีซ่าเข้าสหรัฐมาล่อ โดยบางคนถูกทาบทามเมื่อยื่นขอวีซ่าในขณะที่บางคนเคยมีวีซ่ามาก่อน แต่ถูกกดดันจาก CIA ให้ร่วมมือด้วย เพื่อที่จะต่ออายุวีซ่าได้ ภารกิจของจารชนเหล่านี้ คือการรวบรวมข้อมูลที่เป็นความลับและปฏิบัติการด้านเทคนิคและงานข่าวกรองที่หน่วยงานสำคัญของอิหร่านซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงซึ่งใช้อุปกรณ์ทันสมัย โดยสมาชิกเครือข่ายทั้งหมด 17 คนได้รับการฝึกการติดต่อสื่อสารเป็นการลับโดยเจ้าหน้าที่ของ CIA และสั่งให้จารชนเหล่านี้ทำลายเอกสารทั้งหมดหากถูกเปิดเผยความลับ และให้เดินทางไปยัง “ทางออกฉุกเฉิน” ตามเมืองชายแดนของอิหร่าน หากรู้สึกไม่ปลอดภัย ————————————————–…