แม้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ไม่ให้เป็นสาธารณะหรือ public แล้ว แต่เพื่อนก็เห็น แน่ใจเหรอ ว่าคุมได้ และแม้คนจะไลก์ไม่กี่คน คนหลายร้อยก็เห็นโพสต์นั้น และมันก็จะค้นหาได้ง่ายขึ้นเมื่อออนไลน์ไปแล้ว อะไรเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยของเราเอง และนี่คือ 18 สิ่งที่ควรจะเลี่ยง
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิด, ที่อยู่, เบอร์โทร., บัตรประชาชน, หมายเลขบัตรเครดิต ฯลฯ เพราะข้อมูลพวกนี้ผู้ไม่ประสงค์ดี สามารถใช้ขโมยตัวตนของเรา เพื่อไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกรรมทางออนไลน์หรือสิ่งมิดีมิร้ายอื่น ๆ ได้
- สิ่งที่ชี้การเข้าถึงพาสเวิร์ด เช่น เมืองที่เกิด, ชื่อสัตว์ตัวโปรด, แฟนคนแรก ฯลฯ หลีกเลี่ยงการบอกข้อมูลที่อาจเผยพาสเวิร์ดของเรา ถ้าเราได้ใช้คำถามและคำตอบเหล่านี้เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในการเข้าถีงบริการต่าง ๆ เพราะแฮกเกอร์ที่ฉลาดจะรู้ไต๋เรา
- บอกโลเกชันที่ตั้งของเรา ยิ่งเราไม่ระวังเรื่องการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่เผยตำแหน่งโลเกชัน ทุกครั้งที่เราอัปโหลดรูปภาพหรือโพสต์อะไร การบอกตำแหน่งจะเผยความจริงบางอย่าง เช่น เราโพสต์จากสนามบินหรือจุดหมายปลายทางในวันหยุดยาว ขโมยก็ได้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่บ้านและอาจจะไม่อยู่หลายวัน
- โชว์แผนท่องเที่ยว รู้น่ะ ว่าอยากประกาศให้โลกรู้ ว่าจะไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ หรือล่องเรือสำราญรอบโลก แต่ก็รู้ไว้ด้วยว่า โจรกำลังหาที่ปล้นอยู่บนวงโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เราอยู่ มันสามารถกำหนดเป้าหมายได้ ยิ่งอวดยิ่งโชว์ว่ามีรถหรู มีกระเป๋าแบรนด์ดัง ก็ระวังไว้เถอะ
- อวดแบบถ่อมตน เป็นคนแบบไหนกัน เช่น “โง่อย่างเรายังเข้าจุฬาฯ ได้” “เบื่อจัง นายใช้งานเราอยู่คนเดียว” การโอ้อวดความโชคดีแบบนี้ที่ฝรั่งเรียกว่า “Humblebrag” มันไม่ได้ทำให้ใครชื่นชมเราหรอกนะ จงแสดงความจริงใจออกมาดีกว่า เช่น บอกว่า เราต้องพยายามเตรียมตัวยังไงบ้างถึงสอบเข้าจุฬาฯ ได้
- โพสต์ล่อเป้า เรียกร้องความสนใจ ทำเป็นคลุมเครือเพื่อให้คนอยากรู้ต่อว่า มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเรา ข่าวดีของเราคืออะไร ไม่มีใครชื่นชมโพสต์แบบนี้หรอก แบบประกาศว่า “วันที่แย่ที่สุด” “ชั้นตัดสินใจแล้วหละ” “ปลื้มปริ่มที่สุด” อย่าปล่อยให้เพื่อนงง ลองคิดดูว่า สิ่งที่ทำอยู่ มันควรค่าแก่การแชร์กับเพื่อนหรือไม่
- แชร์ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ไม่ว่าจะทะเลาะแตกหักกับแฟนคนล่าสุด ข่าวร้ายจากหมอ หรือผิดหวังกับการที่เพื่อนเบี้ยวนัดอย่างไร ให้ลองคิดถึงใจเพื่อนหรือคนที่เห็น หรือแม้แต่เจ้านายของเราอาจจะเห็นได้ด้วย หากไม่อยากให้โลกรู้จงอย่าโพสต์
- รูปถ่ายน่าอับอายของเราหรือคนอื่น แบบภาพสแนปช็อตจากบาร์ที่ไปเมื่อสุดสัปดาห์ ภาพขำ ๆ แบบนี้ง่ายมากที่จะเป็นไวรัล แต่พอเวลาผ่านไป เราก็อาจจะตระหนักได้ว่ามันไม่ขำแล้ว ยิ่งในซีนนั้นมีคนอื่นอยู่ เราไม่รู้หรอกว่า เขาขำด้วยกับเราหรือเปล่า
- รูปถ่ายของลูก ๆ หรือลูก ๆ ของเพื่อน รวมทั้งข้อมูลของเด็ก ๆ เด็ก ๆ หลายคนโตมากับแฮชแท็กและอัลบัมนับสิบนับร้อยอัลบัมในเฟซบุ๊ก ที่บันทึกภาพการเติบโตของพวกเขา ซึ่งผู้ปกครองก็จะมีปัญหาในการพิจารณาว่า สิ่งนั้นควรจะเป็นส่วนตัวหรือเป็นสาธารณะ แต่จริง ๆ แล้วเชื่อเหอะ สุดท้ายมันก็คือสาธารณะนั่นแหละ ดังนั้น จำไว้ว่า ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองคนอื่นก่อนถ้าจะโพสต์รูปลูกของเขา และถ้าจะโพสต์รูปของเรา ก็หลีกเลี่ยงข้อมูลที่บ่งชี้สถานที่ที่ลูกอยู่ ซ่อนที่ตั้งโรงเรียน และไม่เผยชื่อนามสกุลจริงของลูกเด็ดขาด
- ภาพลับส่วนตัว ถ้าต้องการเก็บไว้เป็นส่วนตัว เช่น ภาพนู้ด ภาพโป๊เปลือย คนทั่วไปคงมีสามัญสำนึกที่จะไม่โพสต์บนเฟซบุ๊กอยู่แล้ว และก็เช่นกัน หากไม่ต้องการให้เป็นรูปหลุดออนไลน์ ก็ไม่ควรส่งไปให้ใครทางออนไลน์หรืออัปโหลดไว้ที่ไหนสักแห่ง
- บ่นเรื่องงาน แม้ในวันแย่ที่สุดก็ไม่ควรบ่น ทั้งเรื่องออฟฟิศหรือภาระอันหนักหนาของเราบนโลกออนไลน์ เพราะคนที่อ่านจะคิดว่า เราไม่ปลื้มกับสิ่งที่ทำอยู่ และถ้านายจ้างเราเห็น เราก็อาจสะดุดคว่ำกับโพสต์ของเราเองได้ง่ายมาก
- ข้อมูลของงานที่ทำอยู่ ขืนแชร์รายละเอียดของโครงการที่กำลังทำอยู่ หรือเดดไลน์ที่เราเพิ่งพลาดไป คนในย่อมไม่พอใจกับการโพสต์เหล่านี้แน่ และคู่แข่งก็ได้ข้อมูล ซึ่งควรจะเก็บไว้เป็นความลับของบริษัทอีก
- ข่าวของคนอื่น เช่น เพื่อนสนิทจะแต่ง, น้องสอบติด ม.ดัง, ญาติท้อง ก็รอให้เขาประกาศเอง ไม่ต้องชิงเป็นคนแรกที่บอกคนอื่นก่อน มันเสียมารยาท
- คอมเมนต์การเมืองแรง ๆ หรือเรื่องขัดแย้งระหว่างศาสนาซึ่งละเอียดอ่อน ถ้าหากนำข่าวหรือคลิปมาแชร์เพื่อแลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์ในกลุ่มเพื่อนก็โอเค แต่ก็ต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนอยู่ดี ยิ่งในสถานการณ์ร้อนแรงว่าควรโพสต์ดีไหม โพสต์ไปเราอาจเสียเพื่อนที่คิดในขั้วตรงข้าม หรืออาจเสียใจ เมื่อเวลาผ่านไปแล้วบริบททางการเมืองหรือขั้วที่เราเคยชื่นชอบเปลี่ยนไปแล้ว
- ตลกหยาบคาย สัปดน น่ารังเกียจ อาจจะได้ใจเพื่อนคอเดียวกัน และดูตลกในสถานการณ์เวลานั้น แต่ก็ไม่คุ้มกับความเสี่ยงต่อสมาชิกในครอบครัว เพื่อนกลุ่มอื่น หรือเจ้านายเรา ที่เราอาจจะลืมว่าเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วย
- นินทาว่าร้ายเขา จะเพื่อนร่วมงานที่เขม่นกัน หรือเพื่อนที่ทรยศหักหลัง ไม่ควรระบายความหงุดหงิดลงไปบนโพสต์ แม้จะไม่เอ่ยชื่อเขาตรง ๆ นอกจากเป็นการตัดสัมพันธ์กับคนที่เอ่ยถึงแล้ว เพื่อนที่เห็นโพสต์เรานินทาว่าร้ายคนอื่นก็จะหยุดไว้วางใจเราด้วย
- โพสต์หลอกลวงบนเฟซบุ๊ก ที่อยู่ในวังวนเพื่อน ๆ และมักกลับมาหลอกให้เรารีโพสต์ต่อ โดยลืมที่จะเช็กข้อเท็จจริงจากแหล่งอื่นก่อน
- ข้อมูลทางการแพทย์ผิด ๆ ถ้าเราไม่ใช่หมอหรือผู้เชี่ยวชาญ อย่าเที่ยวไปแนะนำยา หรือสุดยอดอาหารเสริมให้แก่ใคร เพราะเราจะกลายเป็นคน copy-and-paste แม้แต่การพูดถึงอาการป่วยทางจิตหรือการรักษามะเร็งในแบบไม่จริงจังหรือเป็นเรื่องขำขัน เพราะจะทำให้เรากลายเป็นคนน่ารังเกียจไปทันที
—————————————-
ที่มา : https://www.facebook.com/ETDA.Thailand