ดาบสองคมของเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

Loading

จิตรทัศน์ ฝักเจริญผล เรื่อง ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ โลกอัตโนมัติในฝันกับโลกจริงอันโหดร้ายอาจใกล้กันอย่างคาดไม่ถึง นึกถึงร้านค้าที่เราสามารถเดินเข้าไปเลือกสินค้าและหยิบของที่ต้องการออกไปได้โดยไม่ต้องคอยชำระเงิน แต่ราคาสินค้าทั้งหมดจะถูกหักจากบัญชีโดยอัตโนมัติ  นอกจากนี้ เมื่อเดินเข้าร้าน ข้อมูลสินค้าแนะนำที่เราชื่นชอบก็จะแสดงขึ้นมาโดยทันที สำหรับลูกค้าขาประจำเมื่อเดินเข้าร้านก็จะพบกับสินค้าที่ร้านคาดว่าน่าจะซื้อใส่ตะกร้าเตรียมให้เรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเมื่อวันก่อนเราได้เปรยกับเพื่อนในเครือข่ายสังคมว่าอยากซื้อแปรงสีฟันและน้ำยาบ้วนปากใหม่ ของทั้งสองชิ้นที่เคยปรากฏบนโฆษณาที่ได้กดไลก์เอาไว้ก็ถูกรวมอยู่ในตะกร้าแล้วเช่นกัน การเชื่อมโยงข้อมูลจากหลากหลายแหล่งเพื่อนำมาใช้ทำนายพฤติกรรมในด้านต่างๆ เป็นสวรรค์ของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ออนไลน์ เช่น Google หรือ Facebook ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในด้านนี้ นั่นคือความสามารถที่จะขุด ‘เพชร’ ล้ำค่าที่อยู่ในข้อมูลต่างๆ ที่เก็บจากผู้ใช้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่บริษัทมีนั้นก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตผู้ใช้เท่านั้น ชีวิตออนไลน์ไม่ว่าจะทิ้งร่องรอยไว้สำหรับขุดค้นมากเพียงใด ในปัจจุบันก็ยังมีช่องว่างระหว่างชีวิตออนไลน์กับชีวิตในโลกความจริงอยู่ กุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อโลกของข้อมูลเข้ากับโลกความจริงที่ผู้ใช้กำลังเลือกหยิบสินค้า ก็คือเทคโนโลยีที่จะติดตามผู้ใช้ไปทุกแห่ง ทั้งบนโลกออนไลน์และบนโลกแห่งความจริงนั่นเอง เมื่อลองนึกถึงโอกาสทางธุรกิจก้อนโตในการเสนอสินค้าและบริการ (โฆษณา) ในจุดที่เรากำลังเลือกหยิบสินค้า หรือเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ระหว่างวัน ใครๆ ก็ย่อมพยายามมองหาวิธีพัฒนาเทคโนโลยีที่จะปิดช่องว่างระหว่างโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์นี้ เมื่อ Google ได้เริ่มปล่อยฝูงรถยนต์เก็บภาพข้างถนนและนำภาพเหล่านั้นมาแสดงประกอบบน Google Maps ผ่านทางบริการ Street View ในปี 2007 หลายคนรีบเข้าไปดูความมหัศจรรย์ของข้อมูลเหล่านี้ ก่อนจะพบภาพตนเองขณะแอบยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ร้านขายของใกล้บ้าน ไม่นานนัก Google…

แอปฯ แอนดรอยด์แอบเก็บข้อมูล แม้ผู้ใช้ไม่อนุญาต

Loading

รายงานล่าสุดระบุว่า แอปพลิเคชันในแอนดรอยด์แอบเก็บข้อมูลส่วนตัว แม้ผู้ใช้จะไม่อนุญาตให้เก็บข้อมูลก็ตาม โดยมีการประเมินว่ามีผู้ใช้ได้รับผลกระทบหลายร้อยล้านคน ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า แอปพลิเคชันยอดนิยมหลายแอปฯ บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ผู้ใช้โหลดจากกูเกิลเพลย์สโตร์แอบเก็บข้อมูลส่วนตัวจากโทรศัพท์ของผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปฏิเสธไม่ให้แอปเก็บข้อมูลแล้วก็ตาม โดยแอปฯ เหล่านี้ใช้ “ช่องทางข้างเคียง” หรือ “เปลี่ยนช่องทาง” ในการเก็บข้อมูล เช่น เก็บข้อมูลจากแอปฯ อื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ การศึกษานี้จัดทำขึ้นโดยสถาบันวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ระหว่างประเทศ ศูนย์วิจัยไม่แสวงหาผลกำไร ร่วมกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์คลีย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร รวมถึงโครงการวิทยาศาสตร์ความมั่นคงของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ และมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ ทีมวิจัยครั้งนี้ได้ติดตั้งแอปฯ ยอดนิยมในแต่ละหมวดบนกูเกิลเพลย์สโตร์ รวมทั้งหมด 88,000 แอปฯ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ การศึกษาพบว่า มีแอปฯ ในแอนดรอยด์ประมาณ 60 แอปฯ ที่ใช้วิธีนี้ในการเก็บข้อมูลแล้ว และมีอีกหลายแอปฯ ที่เขียนโค้ดให้ใช้วิธีดังกล่าวในการเก็บข้อมูล โดยนักวิจัยประเมินว่า น่าจะมีผู้ใช้แอนดรอยด์ได้รับผลกระทบหลายร้อยล้านคน ในบางกรณี แอปฯ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์จะเก็บข้อมูลไว้ใน SD card ของโทรศัพท์ ซึ่งทำให้แอปฯ ที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้จาก SD card อีกทีหนึ่ง ส่วนอีกหลายกรณี ผู้ใช้อาจอนุญาตให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลโดยไม่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าตัวเองยอมรับเงื่อนไขอะไรไปบ้าง…

ออสเตรเลียตั้งคณะทำงานปกป้อง “มหาวิทยาลัย” ไม่ให้ถูกต่างชาติแทรกแซง

Loading

เอเอฟพี – ออสเตรเลียพยายามตอบโต้การแทรกแซงจากต่างชาติในมหาวิทยาลัยในประเทศวันนี้ (28) โดยได้ก่อตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจเพื่อช่วยปกป้องการวิจัยที่อ่อนไหว ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเสรีภาพในการพูด ด้วยความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของจีนเหนือสถาบันศึกษาต่างๆ ในแดนจิงโจ้ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ แดน เตฮาน ประกาศการปรึกษาหารือเพิ่มเติมระหว่างสถาบันศึกษาและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงหน่วยงานข่าวกรองต่างๆ  กลุ่มๆ นี้จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการทำให้แน่ใจว่าการร่วมงานกับบุคคลหรือองค์กรต่างชาติจะไม่ทำลายผลประโยชน์แห่งชาติของออสเตรเลีย  เตฮานเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างความสมดุลระหว่าง “ผลประโยชน์แห่งชาติและเสรีภาพของมหาวิทยาลัยในการทำวิจัยและการร่วมมือที่ขยายขอบเขตความรู้ของเราและนำไปนวัตกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต” ความสมดุลดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยเนื่องจากการแฮก การบริจาคอันเป็นที่ถกเถียง และกรณีการข่มขู่สถาบันศึกษาที่เกี่ยวข้องกับปักกิ่ง การรั่วไหลของข้อมูลที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้วทำให้ข้อมูลอ่อนไหวของพนักงานและนักศึกษาย้อนกลับไป 20 ปีถูกเปิดโปง มหาวิทยาลัยออสเตรเลียหลายแห่งได้รับเงินหลายสิบล้านดอลลาร์จากปักกิ่งเพื่อก่อตั้ง “สถาบันขงจื้อ” ที่หลบเลี่ยงประเด็นต่างๆ ที่สร้างความเสียหายต่อพรรครัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีน มหาวิทยาลัยเหล่านี้คัดค้านเสียงเรียกร้องให้ขึ้นทะเบียนสถาบันขงจื้อภายใต้กฎหมายการแทรกแซงจากต่างชาติฉบับใหม่ ความไม่สงบในฮ่องกงก็ถูกสะท้อนให้เห็นในสถาบันศึกษาหลายแห่งทั่วออสเตรเลีย มีนักศึกษาโปรประชาธิปไตยหลายคนถูกกลุ่มนักศึกษาจีนโปรปักกิ่งข่มขู่ และถูกปล่อยข้อมูลส่วนตัวบนอินเตอร์เน็ต “การทดสอบข้อผูกมัดของเราต่อเสรีภาพในการพูดคือเราจะมีความตั้งใจอดทนต่อการพูดของผู้อื่นหรือไม่ โดยเฉพาะจากกลุ่มคนที่เราไม่เห้นด้วยอย่างที่สุด” เตฮาน กล่าว ——————————————————— ที่มา : MGR Online / 28 สิงหาคม 2562 Link : https://mgronline.com/around/detail/9620000082509

อินโดฯ “จำกัด” การให้ชาวต่างชาติท่องเที่ยวในปาปัว

Loading

รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศมาตรการ “ควบคุม” การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางไปยังภูมิภาคปาปัว ที่อยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ ซึ่งกำลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบครั้งใหม่ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ว่านายวิรันโต รัฐมนตรีด้านการประสานงานกิจการการเมือง กฎหมายและความมั่นคงของอินโดนีเซีย แถลงเมื่อวันอังคาร ว่ารัฐบาลจาการ์ตาได้ออกมาตรการ “จำกัด” การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากประสงค์เข้าไปยังภูมิภาคปาปัวที่อยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการเป็นหนึ่งในชายหาดสวยงามที่สุดของอินโดนีเซีย และระบบนิเวศที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ใช่การ “ห้ามอย่างเด็ดขาด” หรือไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าสู่พื้นที่ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาคำร้องเป็นรายกรณี โดยประเมินจากช่วงเวลาเป็นสำคัญ และเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม วิรันโตปฏิเสธกล่าวว่า มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าสู่ภูมิภาคปาปัวครอบคลุมผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติด้วยหรือไม่ จากการที่ภูมิภาคแห่งนี้ซึ่งแบ่งเป็นจังหวัดปาปัวและปาปัวตะวันตก เผชิญกับเหตุรุนแรงตั้งแต่วันชาติอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา และฝ่ายความมั่นคงเสริมกำลังทหารและตำรวจเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง “เพื่อจัดการและฟื้นฟูความสงบ” พร้อมทั้งย้ำว่า รัฐบาลจาการ์ตาไม่มีนโยบายเจรจากับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในปาปัว เรื่อง “ความเป็นอิสระ” ของภูมิภาค สำหรับการออกมาตรการควบคุมการเข้าสู่ภูมิภาคปาปัวของอินโดนีเซีย เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังมีรายงานว่ารัฐบาลจาการ์ตาขับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 4 คน ซึ่งเดินทางเข้าสู่พื้นที่ “โดยไม่ได้รับอนุญาต” นอกจากนั้น เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานตำรวจจังหวัดปาปัวประกาศห้ามการเดินขบวนประท้วง และจัดกิจกรรมทางการเมืองทุกรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมถึงการปราศรัยแสดงความคิดเห็นในสถานที่สาธารณะ ซึ่งอาจนำไปสู่การปลุกระดมแนวคิดแบ่งแยกดินแดนให้รุนแรงมากขึ้น เครดิตภาพ…