สถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงโตเกียว (ที่มา:วิกิพีเดีย)
สถานทูตเกาหลีใต้ในญี่ปุ่นได้รับจดหมายที่มีข้อความ “ไล่ล่าชาวเกาหลี” และมี “ปืนไรเฟิลหลายกระบอก” ในซองมีกระสุนปืนใส่ไว้ ยังหาตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้ อาจเป็นเพราะเรื่องความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นรอบล่าสุด สื่อแทบลอยด์บางแห่งในญี่ปุ่นกระตุ้นเร้าความเกลียดชังผ่านบทความจนนักเขียนและนักปรัชญาแห่กันบอยคอตต์
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมาสื่อ Hankyoreh จากเกาหลีใต้รายงานว่ามีคนข่มขู่คุกคามสถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ในแขวงมินาโตะ ด้วยการส่งจดหมายที่มีข้อความขู่และมีลูกกระสุนหนึ่งลูกบรรจุอยู่ด้วย โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากความไม่พอใจความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นรอบล่าสุด
สถานทูตเกาหลีใต้ในญี่ปุ่นเปิดเผยว่ามีผู้ส่งจดหมายข่มขู่ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ในจดหมายฉบับดังกล่าวมีข้อความระบุว่าผู้ส่งกำลัง “ล่าชาวเกาหลี” และอ้างว่าเขามี “ปืนไรเฟิลหลายกระบอก” รวมถึงไล่ให้ชาวเกาหลีใต้ออกไปจากประเทศ จดหมายฉบับดังกล่าวไม่มีการลงชื่อผู้ส่งไว้ สถานทูตเกาหลีใต้ระบุอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บกระสุนที่เป็นหลักฐานเอาไว้แล้วแต่ก็ยังไม่มีการจับกุมตัวผู้ส่งจดหมายฉบับนี้
จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขามีความไม่พอใจอะไรกับเกาหลีใต้ สื่อ Hankyoreh ประเมินว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในระยะนี้ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องหญิงบำเรอและการบังคับใช้แรงงานในช่วงที่ญี่ปุ่นยึดอาณานิคมเกาหลีในสงครามโลกครั้ง 2
ในวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมายังมีคนอายุราว 60 ปีจากกลุ่มฝ่ายขวาของญี่ปุ่นสร้างความเสียหายต่อกล่องไปรษณีย์ของสถานทูตและถูกจับกุมจากตำรวจญี่ปุ่นที่กำลังปฏิบัติหน้าที่โดยทันที กล่องไปรษณีย์ของสถานทูตเคยถูกทำลายมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน มี.ค. โดยคนญี่ปุ่นอายุ 20 ปี และได้รับการซ่อมแซมใหม่
ความไม่ลงรอยกันระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้เมื่อปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมามีการยกเลิกต่อสัญญาข้อตกลงด้านความมั่นคงและข่าวกรองการทหารทั่วไป (GSOMIA) ระหว่างสองประเทศซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการตรวจจับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อทั้งสองชาติ ซึ่งการไม่ต่ออายุสัญญาข้อตกลงดังกล่าวเป็นการโต้ตอบที่ญี่ปุ่นมีมาตรการปิดกั้นทางการค้ากับเกาหลีใต้ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันเกาหลีใต้เองได้ประกาศว่าจะถอนญี่ปุ่นออกจาก “บัญชีขาว” (whitelist) จากการควบคุมการส่งออกเช่นกันซึ่งถือเป็นการถอนสิทธิพิเศษของญี่ปุ่นออกจากการเป็นประเทศคู่ค้าที่เกาหลีใต้ให้ความสำคัญ โดยที่ทางการเกาหลีใต้ประกาศเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่ากำลังมีการสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในเรื่องนี้
Hankyoreh ยังรายงานเรื่องที่สื่อแทบลอยด์ในญี่ปุ่นนำเสนอเรื่องราวในเชิงต่อต้านเกาหลีใต้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากความขัดแย้งล่าสุด เช่น สื่อแทบลอยด์ชูกังโพสต์ที่มีบทความพิเศษชื่อว่า “ลาก่อนเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ พวกเราไม่ต้องการเกาหลี” ในบทความดังกล่าวมีเนื้อหาเชิงยุยงปลุกปั่นให้คนเกลียดเกาหลีใต้เช่นข้อความว่า “ชาวเกาหลีมีโรค พวกเขาไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองไว้ได้”
อย่างไรก็ตามมีชาวญี่ปุ่นบางคนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงการต่อต้านสื่อยุยงให้เกิดความเกลียดชังระหว่างชาติเหล่านี้ เช่น อุชิโอะ ฟุกาซาวะ นักเขียนนิยายประกาศว่าเธอจะหยุดเขียนบทความให้กับสื่อแทบลอยด์ชูกังโพสต์และวิจารณ์ว่าบทความพิเศษในสื่อฉบับนี้เป็น “การผรุสวาทมากกว่าจะเป็นการวิจารณ์” นักปรัชญา ทาซารุ อุจิดะ ก็ประท้วงด้วยการประกาศว่าเขาจะเลิกทำงานให้กับสำนักพิมพ์โชงากุคัง ซึ่งเป็นเจ้าของชูกังโพสต์
หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ กองบรรณาธิการชองชูกังโพสต์ก็แถลงขอโทษในวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าพวกเขาขอโทษต่อใคร ในถ้อยแถลงระบุว่า นอกจากสื่อฉบับนี้แล้วยังมีสื่อนิตยสารแห่งอื่นๆ ในญี่ปุ่นที่นำเสนอบทความเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านเกาหลีในระยะนี้
—————————————————-
ที่มา : ประชาไท / 6 กันยายน 2562
Link : https://prachatai.com/journal/2019/09/84188