ภายใต้การนำของอาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State–IS) ที่นิยมใช้ความรุนแรงแบบสุดโต่ง ได้พัฒนาจากกลุ่มก่อความไม่สงบ กลายเป็นกลุ่มติดอาวุธที่น่าหวาดกลัวและยากที่จะกำราบมากที่สุดในโลก ไอเอส ได้ขยายอิทธิพลข้ามทวีปจากแอฟริกาไปจนถึงออสเตรเลีย แต่หลังจากการเสียชีวิตของหัวหน้ากลุ่ม ไอเอส จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร
รีบหาผู้สืบทอดตำแหน่ง
ผู้นำไอเอสคนอื่น ๆ คงคิดไว้นานแล้วว่า วันนี้จะมาถึง
ทางกลุ่มคงต้องการแสดงให้เห็นถึงพลังของตัวเอง และส่งสัญญาณต่อบรรดาสาวกว่า “ไอเอสยังอยู่” แม้ว่า เสียศูนย์ไปบ้างจากการสูญเสียผู้นำคนสำคัญ
คณะกรรมการชูรา ซึ่งประกอบด้วยผู้นำอาวุโสที่เป็นผู้ชายทั้งหมด คงพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมจำนวนหนึ่งไว้แล้ว
คุณสมบัติแรกที่ผู้นำกลุ่มไอเอสจะต้องมีก็คือ การภักดีต่อไอเอสอย่างไร้ข้อสงสัย มีความสามารถในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว มีประวัติทางด้านศาสนาที่สมบูรณ์แบบ มีประสบการณ์ในการสู้รบมาบ้าง และบางทีอาจจะเป็นที่เลื่องลือในการสั่งลงโทษที่โหดเหี้ยมด้วย
ไอเอสเกิดจากการรวมตัวกันที่แปลกประหลาดระหว่างนักรบญิฮาดที่สุดโต่ง กับอดีตสมาชิกกองทัพและหน่วยข่าวกรองที่รู้จักกันในชื่อ บาทิสต์ส (Baathists) ของนายซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรัก
บาทิสต์สรับผิดชอบเรื่องการจัดหาอาวุธ วัตถุระเบิด สนับสนุนงานด้านข่าวกรองและการวางแผน เพราะไม่มีใครรู้จักอิรักดีไปกว่าพวกเขา ขณะที่บรรดานักรบญิฮาดจะก่อเหตุที่บ้าคลั่งและจัดหาอาสาสมัครมือระเบิดฆ่าตัวตาย
ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากบักห์ดาดี น่าจะเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทั้งสองข้างของสมการนี้
ไอเอสน่าจะรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียบักห์ดาดีไปสักพักหนึ่ง ตอนที่นักรบญิฮาดทั่วโลกประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอส ก็ถือว่าพวกเขาสวามิภักดิ์ต่อบักห์ดาดีด้วย และเรียกเขาว่า “กาหลิบอิบราฮิม” (Caliph Ibrahim)
แม้บักห์ดาดีจะปรากฏตัวทางวิดีโอเพียง 2 ครั้ง แต่ก็สามารถทำให้คนมองเขาเป็นผู้มีอำนาจทางศาสนาได้
เขาอ้างว่าตัวเองเป็นผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากชนเผ่าคูเรชิ (Quraishi) ของศาสดาโมฮัมหมัด และประกาศ “รัฐอิสลาม” จากภายในมหามัสยิดในเมืองโมซูล ซึ่งเขาเองเป็นผู้สั่งให้ระเบิดทำลายมัสยิดแห่งนี้ในเวลาต่อมา
กรณีที่นายบักห์ดาดีข่มขืนกระทำชำเราเคย์ลา มิลเลอร์ เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ชาวอเมริกัน และการที่เขาสั่งให้กักตัวผู้หญิงชาวยาซิดี (Yazidi) และเด็กหญิงที่ยังเป็นผู้เยาว์จำนวนมากไว้เป็นทาส ดูเหมือนจะไม่ได้สั่นคลอนศรัทธาที่เหล่าสาวกมีต่อเขา
โจมตีกลับ
อาจจะมีการโจมตีกลับจากกลุ่มไอเอส
เป้าหมายที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดน่าจะอยู่ในอิรักและซีเรีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่หาอาวุธ วัตถุระเบิด และอาสาสมัครที่พร้อมจะฆ่าตัวตายได้ง่ายที่สุด
แต่นับตั้งแต่ไอเอสสูญเสียดินแดนแห่งสุดท้ายที่บากูซ (Baghuz) ในซีเรียไป ไอเอสก็ประกาศว่า จะก่อเหตุโจมตีต่อไปในปฏิบัติการที่พวกเขาเรียกว่า “สงครามแห่งการล้างผลาญ” (war of attrition)
ประเทศในแถบยุโรป สหรัฐฯ แอฟริกาเหนือ ภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียและเอเชีย ต่างถูกหมายตาโดยไอเอส
อาจจะมีกระทั่งการโจมตีที่เรียกว่า “ฉายเดี่ยว” (lone wolf) โดยคนในแถบตะวันออกกลางและคนที่มีแนวคิดสุดโต่งในอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการสังหารบักห์ดาดี
ฝรั่งเศสซึ่งเป็นเป้าหมายแรก ๆ ในยุโรปของไอเอสมาช้านาน ได้เตือนพลเมืองของตัวเองให้เพิ่มความระมัดระวังแล้ว
แม้ว่าไอเอสอยากจะก่อเหตุโจมตีที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและสร้างความน่าสะพรึงกลัว แต่บรรดาผู้นำก็รู้ดีว่า ยิ่งมีการวางแผนซับซ้อนมากขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงสืบทราบก่อนมากขึ้นด้วย
ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ไอเอสน่าจะเลือกใช้การโจมตีแบบธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และใช้เวลาเตรียมการไม่นาน
ฟื้นฟูและขยายตัว
ไอเอสเคยฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วหลังถูกปราบปราม
ภายใต้การนำของนายบักห์ดาดี และสายสัมพันธ์ที่เขาสร้างไว้กับนักรบญิฮาดคนอื่น ๆ ในช่วงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์กักกันตัว ค่ายบุกกา (Camp Bucca) ของสหรัฐฯ ไอเอสได้ขยายตัวขึ้นจากการรวบรวมสมาชิกกลุ่มอัลกออิดะห์ (al-Qaeda) ที่ถูกบดขยี้ในอิรัก
ไอเอสได้แยกตัวออกจากอัลกออิดะห์ในปี 2016
ทั้งสองกลุ่มมีความเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการใช้ความรุนแรงอย่างป่าเถื่อนและสุดขั้วของไอเอส ซึ่งอัลกออิดะห์เห็นว่า เป็นการขัดต่อความเห็นของชาวมุสลิมส่วนใหญ่
อัลกออิดะห์หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากชาวมุสลิมเหล่านั้น ขณะที่ไอเอสไม่ใส่ใจเรื่องนี้ พวกเขาใช้คนที่ไม่เหมาะสม คนโรคจิต คนที่ชอบร่วมเพศกับเด็ก และคนที่หันมาสนใจไอเอสเพราะความรุนแรงและความเหี้ยมโหด
ในทางภูมิศาสตร์ ไอเอสแผ่ขยายอิทธิพลไปแล้วทั่วโลก และมันจะไม่สูญหายไปชั่วข้ามคืนเพียงเพราะการจากไปของบักห์ดาดี
ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากบักห์ดาดีก็คงจะกำลังหาทางฟื้นฟูและแผ่ขยายอิทธิพลของไอเอสออกไป นอกเหนือจากในอิรักและซีเรีย ไอเอสได้มีเหล่าสาวกจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่เรียกว่า วิลายา (wilaya ซึ่งแปลว่า จังหวัด) ทั้งในอัฟกานิสถาน ลิเบีย แอฟริกาตะวันตก เอเชียใต้ ฟิลิปปินส์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไอเอสมักจะมีส่วนในการทำให้เกิดความคับข้องใจขึ้นในภูมิภาคหรือในประเทศต่าง ๆ แต่ในช่วงหลายปีที่ไอเอสยึดครองพื้นที่รัฐอิสลาม ทางกลุ่มสามารถดึงดูดผู้คนจากประเทศต่าง ๆ หลายสิบแห่ง วางรากฐานของเครือข่ายผู้ที่มีแนวคิดสุดโต่งที่กระจัดกระจายอยู่จนกระทั่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในปัจจุบัน
คำถามหนึ่งที่จะยังสร้างปัญหาให้แก่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทั่วโลกก็คือ ทำไมบักห์ดาดีจึงกบดานอยู่ในอิดลิบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งมีกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับอัลกออิดะห์อยู่หลายกลุ่ม (อัลกออิดะห์และไอเอสได้สู้รบกันอยู่ในซีเรีย)
เพียงเพราะเขาคิดว่านั่นจะเป็นที่สุดท้ายที่ศัตรูของเขาคิดว่าจะหาตัวเขาพบ หรือ อาจจะมีสิ่งที่น่ากังวลใจมากกว่านั้นคือ เขาหวังว่า จะชักชวนบรรดาคู่อริของเขาและก่อตั้งกลุ่มที่อันตรายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
คำตอบนี้อาจจะยังไม่ปรากฏออกมาในตอนนี้ แต่การที่เจ้าหน้าที่คอมมานโดของกองกำลังเดลตาของสหรัฐฯ (US Delta Force) ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเก็บกู้ข้อมูลข่าวกรองจากซากปรักหักพังของแหล่งกบดานสุดท้ายของบักห์ดาดี อาจจะทำให้ได้เบาะแสหลายอย่าง
—————————————–
ที่มา : BBC / 30 ตุลาคม 2562
Link : https://www.bbc.com/thai/international-50225555?ocid=socialflow_facebook&fbclid=IwAR1iBNKy7LRR3FY4x-Xz2QQYOuGkP4bKv1recmP9rTQ5WvjvvP6xlhod0m8