ญี่ปุ่นฉุนทหารสหรัฐฯ ท้ามฤตยู อ่านหนังสือ-เซลฟีพร้อมขับเครื่องบิน

Loading

ชาวญี่ปุ่นและทางการเมืองอิวากูนิ จังหวัดยามางูจิ ประท้วงทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการในพื้นที่ หลังจากปรากฏภาพที่ทหารสหรัฐฯ ท้าทายกฎความปลอดภัยยามขับเครื่องบิน สร้างความหวาดหวั่นให้ชาวบ้าน ภาพถ่ายของทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการ ณ ฐานทัพอากาศอิวากูนิ แสดงให้เห็นนักบินหลายคนมีพฤติกรรมท้าทายกฎความปลอดภัยในยามซ้อมขับเครื่องบินรบ ทั้งอ่านหนังสือไปพร้อมกับขับเครื่องบิน, โกนหนวดขณะขับเครื่องบิน, ถ่ายภาพเซลฟีโดยปล่อยมือทั้งสองข้างจากคันบังคับเครื่องบิน และถอดหน้ากากออกซิเจนออก เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการเล่นสนุกสนานของบรรดานักบินกองทัพสหรัฐฯ แต่ละเมิดกฎความปลอดภัย และสร้างความวิตกกังวลให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก นายสึงูมาซะ มูราโอกะ ผู้ว่าการจังหวัดยามางูจิ ได้แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อพฤติกรรมดังกล่าว และได้ยื่นประท้วงต่อฐานทัพสหรัฐฯ อิวากูนิ และกระทรวงการป้องกันประเทศของญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นมีฐานทัพสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ ที่ใหญ่ที่สุดคือเกาะโอกินาวา ซึ่งสร้างความไม่พอใจกับชาวบ้านในพื้นที่มาต่อเนื่องยาวนาน ทั้งจากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ และเรื่องความปลอดภัย โดยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เคยเกิดเหตุเครื่องบินรบสหรัฐฯ ชนกับเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก พฤติกรรมท้ามฤตยูของทหารสหรัฐฯ ยิ่งทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจฐานทัพสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้นว่าไม่ใส่ในเรื่องความปลอดภัย และไม่เคารพชาวญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ——————————————– ที่มา : MGR Online / 8 พฤศจิกายน 2562 Link : https://mgronline.com/japan/detail/9620000107215

ศาลเข้ม!รักษาความปลอดภัย เพิ่ม’คอร์ทมาแชล’จาก 35 เป็น 300 กำชับทุกศาลตรวจวงจรปิด-สแกนอาวุธ

Loading

“สราวุธ” เลขาฯ ศาลยุติธรรม ระบุเตรียมเพิ่มกำลัง คอร์ทมาแชล จาก 35 เป็น 300 คน แก้ปัญหากำลังรักษาความปลอดภัยในศาล พร้อมประเมินความเสี่ยงแต่ละพื้นที่จัดกำลังหมุนเวียน กำชับทุกศาลตรวจวงจรปิด-เครื่องตรวจอาวุธพร้อมใช้ จากกรณีที่เกิดเหตุผู้ต้องขังคดียาเสพติด 3 คน ได้หนีจากห้องควบคุมในศาลจังหวัดพัทยา โดยใช้อาวุธปืน-มีดที่ลักลอบเข้าไป ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในศาลได้รับบาดเจ็บ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา จนล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) ที่ผ่านมามีผู้ก่อเหตุยิงคู่ความในคดีเจ้าหน้าที่ศาล และทนายความ ภายในห้องพิจารณาของศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระหว่างรอกระบวนพิจารณาคดีพิพาทมรดกที่ดิน โดยมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตด้วย 2 คนเป็นทนายความ และผู้ถูกยิงบาดเจ็บ 3 คนรวมผู้ก่อเหตุด้วยซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงสกัดได้รับบาดเจ็บหลังก่อเหตุดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้กล่าวถึงการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยรัดกุมบริเวณศาลว่า จากเหตุที่เกิดที่ผ่านมา เรากำลังตรวจสอบให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง เพื่อมาตรการความเข้มงวดรักษาความปลอดภัยและความเรียบร้อยบริเวณศาลที่รัดกุม โดยการดูแลความเรียบร้อยในศาลมีด้วยกัน 3 ส่วน ส่วนผู้ต้องขังจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จากกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมดูแลความปลอดภัยบริเวณศาล และในส่วนของศาลเองมีเจ้าหน้าที่…

10 ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่มีผลต่อบริษัท

Loading

ช่วงไม่กี่ปีนี้ บุคคลากรด้านไอทีอย่างพวกเรามักจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับข้อมูลรั่วไหลของบริษัทต่างๆ กันอยู่ตลอด แม้แต่ในไทยเองก็ตาม จะเห็นว่าการเก็บรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยนั้นนับเป็นเรื่องยากและการป้องกันระวังรักษาข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปัจจุบันก็ยากยิ่งกว่า แต่ก็เป็นเรื่องที่องค์กรหลีกเลี่ยงไม่ได้และหลายๆ แห่งก็มีความตื่นตัวในการหาโซลูชันส์ เพื่อมาช่วยป้องกันข้อมูลซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรอันมีค่าในแง่ของธุรกิจของตน และเพื่อตอบสนองกับพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและพรบ.ไซเบอร์ฉบับปี 2562 ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ โดยระบุไว้ว่าให้เวลาหน่วยงานต่างๆ เตรียมความพร้อมระบบและบุคลากรเป็นเวลา 1 ปี ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจึงถือเป็นประเด็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกๆบริษัทสำหรับการมุ่งหน้าสู่ปี 2020 อย่างไรก็ดีภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นก็มีหลากหลายประเภทซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงมากน้อยต่างกัน บริษัทสามารถดำเนินการเสริมความเข้มแข็งด้านความปลอดภัยของระบบได้หลากหลายรูปแบบ แต่นี่คือความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคลสิบข้อที่อาจเป็นอุปสรรคต่อหน่วยงานของคุณในปี 2020 1. การเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ จริงอยู่ที่อาชญากรไซเบอร์อาจเป็นจำเลยหลักที่เข้ามาขโมยข้อมูล แต่จากข่าวที่เกี่ยวกับข้อมูลรั่วไหลหลายๆครั้งกลับเกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานในองค์กรเองที่ส่งข้อมูลออกไปภายนอก 2. ทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำงานหนักเกินไป การมีบุคลากรจำกัด หรือความรู้ความสามารถที่จำกัดทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่หรือหนักเกินไป ไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆได้ทันท่วงที 3. การโจรกรรมข้อมูลโดยพนักงาน คล้ายกับข้อแรกที่กล่าวมาแล้ว รายงานการคุกคามภายในของ Verizon ปี 2019 พบว่า 57% ของการที่ข้อมูลรั่วไหลมาจากคนใน และ61% ของพนักงานเหล่านั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไป ทว่ายังถือเป็นโชคดีที่มีโซลูชันส์สำหรับป้องกันข้อมูลรั่วไหลซึ่งบริษัทสามารถจัดหามาได้ 4. Ransomware การโจมตีเหล่านี้ยังคงอยู่และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (SMB) มักตกเป็นเหยื่อของการเรียกค่าไถ่(คืน)ข้อมูลสำคัญ การโจมตีผ่าน ransomware ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ระดับพนักงาน จากการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง 5. การตั้งรหัสผ่านไม่ปลอดภัยพอ เมื่อเร็วๆนี้ทางกูเกิ้ลได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลการล็อกอิน และสรุปว่ารหัสผ่านสำหรับการล็อกอินในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นจุดอ่อนที่จะนำไปสู่การขโมยข้อมูลในองค์กร…

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ แพ้คดีการค้นและยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีข้อสงสัย, หลังจากนี้ต้องแสดงเหตุอันสมควร

Loading

EFF และ ACLU สององค์กรไม่หวังผลกำไรด้านสิทธิการแสดงออกชนะคดีที่ฟ้องร้องกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) พร้อมกับหน่วยงานดูแลชายแดน CBP (U.S. Customs and Border Protection) และ ICE (U.S. Immigration and Customs Enforcement) จากการตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้เดินทางเข้าประเทศจำนวน 11 รายโดยไม่สามารถแจ้งเหตุผลอันสมควรได้ การตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ๊ก มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐฯ โดยปี 2018 ที่ผ่านมามีการตรวจค้นกว่า 33,000 ครั้ง เพิ่มขึ้นสี่เท่าตัวในห่วงสามปี การตรวจค้นครั้งหนึ่งที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้คือ Ismail B. Ajjawi นักศึกษาปีหนึ่งของฮาวาร์ดที่ถูก CBP คุมตัวขณะเดินทางเข้าประเทศ เมื่อตรวจค้นโทรศัพท์และโน้ตบุ๊ก เจ้าหน้าที่พบโพสต่อต้านสหรัฐฯ จากเพื่อนของ Ismail แม้ตัว Ismail ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโพสนั้น เขาก็ถูกยกเลิกวีซ่าและส่งตัวกลับเลบานอน ———————————————- ที่มา : Blognone / 13 November 2019…

สถานทูตเตือนคนไทยในออสเตรเลีย เกาะติดข่าวสถานการณ์ไฟป่าอย่างใกล้ชิด

Loading

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา ขอเรียนว่า ตามที่ได้มีรายงานข่าวสถานการณ์ไฟป่าในบางพื้นที่ของออสเตรเลียโดยเฉพาะที่รัฐ New South Wales และรัฐ Queensland ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. 2562 พบว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน สูญหายและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จากภาพถ่ายทางดาวเทียมแสดงให้เห็นควันไฟป่าที่มีระยะทางกว่า 4,000 กม. จาก Tasman Sea ไปจนถึง South Island ของนิวซีแลนด์ ในขณะที่ทางการออสเตรเลียได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองและรักษาชีวิต รวมทั้งบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแจ้ง เตือนว่าสถานการณ์ไฟป่ามีแนวโน้มว่าอาจมีความรุนแรงยิ่งขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวรวมทั้งรัฐ Western Australia เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ทิศทางและความแรงของลมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ความชื้นปริมาณต่ำ และปริมาณฝนที่คาดว่าจะมีไม่มากในช่วงเดือน ธ.ค. นี้ จนถึงต้นปีหน้า ในรัฐ New South Wales พบว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นถึง 64 จุด โดย…

ไอเอสดึงแม่บ้านอาเซียน เข้ากลุ่ม เลือกคนมีปัญหาเป็นสายก่อการร้าย

Loading

ไอเอสดึงแม่บ้านอาเซียน – ซีเอ็นเอ็น รายงานการเปิดข้อมูลกระทรวงกิจการภายในของสิงคโปร์ที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายในภูมิภาคอาเซียน พบว่า กองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส เพ่งเล็งเป้าหมายสตรีผู้รับจ้างทำงานแม่บ้านและสาวใช้ ซึ่งเผชิญความโดดเดี่ยว มีปัญหาหนี้สินและปัญหาครอบครัว เข้าเป็นสมาชิกใหม่ สิงคโปร์จับกุม แม่บ้านชาวอินโดนีเซีย 3 คนที่รับจ้างทำงานบ้านในสิงคโปร์ เมื่อเดือน ก.ย. ฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคง ทั้งตกเป็นผู้ต้องหาสนับสนุนทางการเงินให้กลุ่มก่อการร้าย  และใช้เวลาว่างทำกิจกรรมสนับสนุนกลุ่มไอเอสทางออนไลน์  ทำให้ทั้ง 3 คนอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และถูกปรับ 500,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 11,300,000 บาท ตำรวจอินโดนีเซียตรวจพบระเบิด 3 ก.ก. ในบ้านพักเมืองเบกาซี ชวาตะวันตก เมื่อปี 2559 พบ 1 ใน 4 คนร้ายทำงานเป็นแม่บ้านรับจ้างที่สิงคโปร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายเผยว่าผู้หญิง 3 คนนี้ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่เคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในสิงคโปร์และฮ่องกง เนื่องจากมีแนวร่วมกระจายอยู่ในเอเชีย หลังจากไอเอสในตะวันออกกลางอ่อนกำลังลง นาวา นูรานิยาห์ นักวิจัยสถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้งของอินโดนีเซีย หรือ IPAC บอกว่ากลุ่มผู้หญิงเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มไอเอสและถูกใช้ให้สร้างรายได้แก่ไอเอส ระหว่างปี 2558-2559 มีผู้หญิงชาวอินโดนีเซียอย่างน้อย 50…