เรืออากาศตรี โมฮัมเหม็ด ซาอีด อัลชามรานี วัย 21 ปี นายทหารซาอุฯ ซึ่งลุกขึ้นมาก่อเหตุกราดยิงภายในฐานทัพเรือเพนซาโคลา รัฐฟลอริดา
นับเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความตกตะลึงเมื่อทหารอากาศซาอุฯ นายหนึ่งลงมือกราดยิงคนตาย 3 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ภายในฐานทัพเรือเพนซาโคลาที่รัฐฟลอริดาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นำมาสู่คำสั่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้ระงับการฝึกของทหารจากซาอุดีอาระเบียทั้งหมด ขณะเดียวกันก็จุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารระหว่างวอชิงตันและริยาด รวมถึงมาตรการคัดกรองทหารต่างชาติที่จะเข้ารับการฝึกฝนในอเมริกา
มาตรการ ‘safety stand down’ นี้จะส่งผลต่อนักเรียนการบินทหารซาอุฯ กว่า 300 นาย ตลอดจนทหารราบ (infantry personnel) และปฏิบัติการฝึกอื่นๆ ทั้งหมดของทหารซาอุฯ ยกเว้นแต่การเรียนภายในห้องเรียน เช่น วิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งจะยังมีการเรียนการสอนตามปกติ
เจ้าหน้าที่อาวุโสของเพนตากอนระบุว่า มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้กระทรวงฯ ได้พิจารณาทบทวนมาตรการด้านความปลอดภัย ซึ่งท้ายที่สุดจะถูกนำไปใช้กับนักศึกษาทหารต่างชาติทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งมีอยู่ราวๆ 5,000 นาย
เรือโทหญิงแอนเดรียนา เจนูอัลดี โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ยืนยันว่า คำสั่งระงับปฏิบัติการฝึกของนักเรียนการบินทหารซาอุฯ ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันจันทร์ (9) จะครอบคลุมศูนย์ฝึก 3 แห่ง ได้แก่ สถานีการบินของกองทัพเรือเพนซาโคลา, สถานีการบินของกองทัพเรือวิตทิงฟิลด์ และสถานีการบินของกองทัพเรือเมย์พอร์ต ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในรัฐฟลอริดา
“หลังจากเกิดเหตุสะเทือนใจขึ้น เราคิดว่าควรจะให้นักเรียนทหารจากกองทัพอากาศซาอุฯ หยุดพักการฝึกบินสักระยะหนึ่งจะดีที่สุด” โฆษกหญิงกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุ
สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุคือ เรืออากาศตรี โมฮัมเหม็ด ซาอีด อัลชามรานี (Mohammed Saeed Alshamrani) วัย 21 ปี กระทำการเพียงคนเดียว ขณะที่ชักปืนออกมากราดยิงภายในห้องเรียนของฐานทัพเรือเพนซาโคลาเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. ก่อนที่ตัวเขาเองจะถูกรองผู้ปกครองเทศมณฑลวิสามัญฯ เสียชีวิต ขณะที่เพนตากอนยอมรับว่า “ยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าจะมีเครือข่ายที่กว้างขวาง หรือแผนสมคบคิดที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านี้
อัลชามรานี เป็นหนึ่งในทหารซาอุฯ ที่เข้าโครงการฝึกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือกับชาติพันธมิตร เขาเริ่มเข้ารับการฝึกในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2017 และใช้ชีวิตอยู่ที่ฐานทัพเรือเพนซาโคลาตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา
ศูนย์ SITE ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย ระบุว่า อัลชามรานี เคยโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ที่เข้าไปทำสงครามในประเทศมุสลิม และยังอ้างอิงคำพูดของ อุซามะห์ บินลาดิน อดีตผู้นำสูงสุดเครือข่ายอัลกออิดะห์ลงในทวิตเตอร์ เพียง 2 ชั่วโมงก่อนจะลงมือกราดยิง รวมถึงเปิดดูคลิปเหตุการณ์สังหารหมู่ในสหรัฐฯ ระหว่างปาร์ตี้มื้อค่ำในคืนก่อนก่อเหตุ
เขาทวีตข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า รู้สึกเกลียดชังชาวอเมริกันที่ “ก่ออาชญากรรมกับชาวมุสลิม และทำร้ายมวลมนุษยชาติ” และไม่พอใจที่สหรัฐฯ คอยหนุนหลังอิสราเอล
ราเชล โรแจส เจ้าหน้าที่เอฟบีไอซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีนี้ ระบุว่า อาวุธที่ อัลชามรานี ใช้ในการก่อเหตุคือปืนกล็อคขนาด 9 มม. ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับแมกกาซีนที่บรรจุกระสุน 33 นัด โดยปืนกระบอกนี้ถูกซื้อในรัฐฟลอริดาอย่างถูกกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ กฎหมายสหรัฐฯ อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือวีซ่าผู้อพยพสามารถซื้อปืนได้ในบางกรณี เช่น มีใบอนุญาตล่าสัตว์ เป็นต้น
โศกนาฏกรรมจากอาวุธปืนครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย ขณะที่สภาคองเกรสก็เพ่งเล็งพฤติกรรมของริยาดมากขึ้นจากการที่ซาอุฯ นำชาติพันธมิตรอาหรับทำสงครามขับไล่กบฏฮูตีในเยเมนจนมีพลเรือนเสียชีวิตนับหมื่น รวมไปถึงคดีฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เมื่อปลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารอเมริกันพยายามชี้แจงว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ‘ประเด็นท้องถิ่น’ ที่ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ซาอุฯ ในภาพรวม
มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าเหตุกราดยิงฐานทัพอาจจะทำให้เพนตากอนลังเลที่จะส่งทหารอเมริกันเข้าไปปฏิบัติภารกิจในซาอุฯ
“ซาอุดีอาระเบียเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคของเรามายาวนาน เรามีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงร่วมกัน” เขาให้สัมภาษณ์เมื่อสุดสัปดาห์ พร้อมย้ำว่าได้สั่งให้ทุกเหล่าทัพเร่งทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในฐานทัพ ตลอดจนกระบวนการคัดกรองทหารต่างชาติที่จะเข้ารับการฝึกในสหรัฐอเมริกา
สำหรับสถานีการบินฐานทัพเรือเพนซาโคลาเป็นศูนย์ฝึกอบรมทหารต่างชาติของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 สำหรับนักศึกษาซาอุฯ โดยเฉพาะ ก่อนจะขยายเปิดรับนักศึกษาจากชาติอื่นๆ
เหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซาอุฯ เพื่อเป็นตัวช่วยต้านทานอิทธิพลของอิหร่าน และยังทำลายความพยายามของริยาดที่จะลบล้างภาพรัฐที่สนับสนุนพวกสุดโต่งทางศาสนา หลังเหตุวินาศกรรม 9/11 ซึ่งผู้ก่อการร้ายที่จี้เครื่องบินพุ่งชนอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และตึกเพนตากอน 15 คน จากทั้งหมด 19 คน เป็นพลเมืองซาอุฯ
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หารือกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร แห่งซาอุฯ เกี่ยวกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในฐานทัพที่ฟลอริดา โดยต่างให้สัญญาว่าจะร่วมกันสืบสวนหาความจริง ขณะที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดตรัสย้ำว่าริยาดมีความมุ่งมั่นที่จะป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ด้านสำนักข่าว SPA ของรัฐบาลซาอุฯ รายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงโทรศัพท์ถึง ทรัมป์ เพื่อแสดงความเสียพระทัย และพร้อมจะพระราชทานความช่วยเหลือต่อครอบครัวของเหยื่อกราดยิง ตลอดจนให้ความร่วมมือกับทีมสืบสวนของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่
——————————————————–
ที่มา : MGR Online / 14 ธันวาคม 2562
Link : https://mgronline.com/around/detail/9620000119184