รถไฟใต้ดินโอซากา ทดสอบระบบสแกนใบหน้าแทนการใช้ตั๋ว

Loading

โอซากา เมโทร ผู้ให้บริการรถไฟใต้ดินในนครโอซากา ได้ทดสอบระบบประตูอัตโนมัติที่ใช้การจดจำใบหน้า แทนการใช้ตั๋วแบบปกติ โดยตั้งเป้าจะใช้งานจริงก่อนงานเวิร์ล เอ็กซ์โป 2025 การทดสอบครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นพนักงานของโอซากา เมโทร ราว 1,200 คน โดยเป็นการทดสอบระบบสแกนใบหน้าเพื่อชำระค่าโดยสารเป็นครั้งแรกของรถไฟในประเทศญี่ปุ่น หลังจากนี้ จะมีการติดตั้งระบบสแกนใบหน้าเพื่อทดลองใช้งานจริงจนถึงเดือนกันยายน ปีหน้า ใน 4 สถานีสำคัญคือ โดเมมาเอะ ชิโยซากิ, โมริโนมิยะ, โดบุตสึเอ็น มาเอะ และ ไดโคคุโจ แต่ละสถานีจะมีประตูที่ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทที่แตกต่างกัน 4 บริษัท เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน การใช้งานระบบชำระค่าโดยสารโดนสแกนใบหน้า จะต้องลงทะเบียนใบหน้าไว้ล่วงหน้า เมื่อเดินผ่านประตูที่สถานี ระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าผู้โดยสารกับข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ ถ้าข้อมูลตรงกันประตูก็จะเปิดให้ผ่านเข้าสถานีได้ ระบบสแกนใบหน้า นอกจากจะช่วยให้ผู้โดยสารผ่านเข้าสถานีได้เร็วขึ้น ลดความแออัดแล้ว บังอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุและผู้พิการ ซึ่งจะผ่านประตูได้โดยไม่ต้องแตะบัตรโดยสาร บริษัท 4 แห่งที่ร่วมทดสอบระบบสแกนใบหน้าของรถไฟใต้ดินของโอซากา ประกอบด้วย บริษัท ออมรอน โซเชียล เทคโนโลยี, บริษัท ทากามิซาวะ ไซเบอร์เนติค, บริษัท โตชิบา…

เทคโนโลยีจดจำใบหน้าไหลบ่าท่วมจีน กับกระแสวิตกความปลอดภัยข้อมูลใบหน้า

Loading

ใบหน้าของผู้เข้าชมงานนิทรรศการดิจิตัล ไชน่า ในฝูโจว ปรากฏบนจอภาพของเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ภาพเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2019 (แฟ้มภาพ รอยเตอร์ส) ระบบการจดจำใบหน้า (facial recognition) กำลังหลั่งบ่าสู่ชีวิตชาวจีนในมิติต่างๆมากขึ้นทุกวันในขณะที่ยังไร้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล ระบบระบุอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้ก่อความเคลือบแคลงวิตกกังวลให้กับบางกลุ่มเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิส่วนตัวและการนำไปในในทางมิดีมิร้ายต่าง ๆ ที่น่าสะพรึงอย่างไม่อาจจิตนาการ หลังจากที่จีนออกกฎข้อบังคับใหม่ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องสแกนใบหน้าเมื่อลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ ก็อาจกล่าวได้ว่าขณะนี้แทบไม่มีชาวจีนคนไหนรอดพ้นจากการแวะข้องกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้ากันแล้ว กระทรวงสารสนเทศและเทคโนโลยีแห่งจีนซึ่งประกาศกฎข้อบังคับนี้มาตั้งแต่เดือนก.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ออกโรงอธิบายมาตรการใหม่นี้จะช่วยป้องกันการขายต่อซิมการ์ดและป้องกันพวกมือมืดหรือมิจฉาชีพลงทะเบียนในเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในกรณีที่บัตรประชาชนถูกขโมย สื่อโซเชียลมีเดียและบริการออนไลน์หลายรายในจีนได้เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์เพื่อที่จะสามารถติดตามผู้ใช้ได้ แอพลิเคชั่นเชิงพาณิชย์และหน่วยงานตำรวจก็ใช้ระบบรู้จำใบหน้ากับคึกคัก เครือข่ายสถานีรถไฟใต้ดินปักกิ่งเป็นรายล่าสุดที่นำระบบรู้จำใบหน้ามาใช้ในปลายเดือนที่ผ่านมา(28 พ.ย.) ขณะที่สถานีรถไฟใต้ดินในหลายๆเมืองในจีนได้ใช้ระบบฯนี้กันไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน จีนได้ทะยานขึ้นเป็นจ้าวเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) ชั้นนำของโลก และกำลังนำเอไอมาใช้ในทุกมิติชีวิต ตามสถานที่สาธารณะเริ่มทยอยติดตั้งกล้องวงจรปิดเทคโนโลยีจดจำใบหน้าทั้งเพื่อการต่างๆ ทั้งการจับขโมย นักล้วงกระเป๋า ไปยันการขโมยกระดาษชำระในห้องน้ำ มีการเปิดเผยอย่างกว้างขวางระบุว่าจำนวนกล้องวงจรปิดที่ใช้ในจีน ราว 200 ล้านตัว และกำลังจะเพิ่มมากขึ้นถึง 626 ล้านตัว ไล่เรียงดูแล้วแทบจะพูดได้ว่าเทคโนโลยีจดจำใบหน้าแพร่ระบาดไปทั่วหย่อมหญ้าจีน แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันชาวจีนจนกลายเป็นความปกติธรรมดาไปแล้ว สำหรับผู้ที่มองโลกในแง่ดีบอกว่ามาตรการใหม่ที่ให้สแกนใบหน้าเพื่อลงทะเบียนเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือนี้จะช่วยลดคดีฉ้อฉลในด้านโทรคมนาคม และการหลอกลวงเกี่ยวกับโทรศัพท์ มหาวิทยาลัยหลายแห่งคุยว่าการใช้ระบบจดจำใบหน้ามาเช็คชื่อผู้เข้าเรียนช่วยให้อัตราการเข้าห้องเรียนของนักศึกษาสูงขึ้น เป็นต้น ทว่า ในอีกด้านหนึ่งกลุ่มเคลือบแคลงสงสัยต่อระบบจดจำใบหน้าได้ชี้ถึงผลพวงอันไม่พึงประสงค์ของปัจเจกชน บ้างกล่าวว่ามันเป็นอีกตัวอย่างของการขยายการติดตามพลเมือง บ้างชี้ว่ามันเป็นการละเมิดและอาจจะถูกนำไปใช้ในการฉ้อฉลอย่างน่าสะพรึง…

สหรัฐฯ ทดสอบยิงขีปนาวุธนำวิถีข้ามแปซิฟิก!

Loading

This U.S. Air Force handout photo shows an unarmed Minuteman III intercontinental ballistic missile launching during an operational test at 1:13 a.m. Pacific Time, at Vandenberg Air Force Base, California. กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน เปิดเผยการทดสอบยิงขีปนาวุธนำวิถีแบบข้ามทวีป จากฐานทัพอากาศในรัฐแคลิฟอร์เนียทางภาคตะวันตก ไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างออกไปกว่า 500 ไมล์ หรือกว่า 800 กม. เพนตากอนปฏิเสธที่จะเผยรายละเอียดของการทดสอบในวันพฤหัสบดี โดยระบุแต่เพียงว่าเป็นการยิงจากฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ขีปนาวุธที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้คือ Minuteman III แบบไม่ได้ติดหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่ถูกสั่งห้ามยิงมาเป็นเวลานานหลายสิบปีภายใต้สนธิสัญญาควบคุมหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลางที่สหรัฐฯ ทำไว้กับรัสเซีย แต่ทั้งสองประเทศละเลยที่จะปฏิบัติตามสนธิสัญญาดังกล่าวตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา เพนตากอนมิได้ระบุถึงระยะทำการสูงสุดของขีปนาวุธรุ่นนี้ แต่คาดว่าอยู่ระหว่าง 3,000…

ประท้วงร่างกม.สถานะพลเมืองอินเดียลุกลามในหลายรัฐ-ทางการส่งทหารเข้าควบคุม

Loading

Protesters hold torches as they shout slogans against the government’s Citizenship Amendment Bill during a demonstration in New Delhi, Dec. 11, 2019. เจ้าหน้าที่ในรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ขอให้รัฐบาลกลางส่งกำลังทหารไปช่วยในการควบคุมผู้ประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายสถานะพลเมืองฉบับใหม่ที่คาดว่าจะผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาอินเดียเร็ว ๆ นี้ นายทหารระดับสูงของอินเดียผู้หนึ่งระบุว่า เวลานี้ได้มีการส่งทหารส่วนหนึ่งไปยังรัฐตรีปุระแล้ว และยังคงรอคำสั่งที่จะเข้าไปในรัฐอัสสัมด้วย ในขณะที่การประท้วงในรัฐเหล่านั้นกำลังลุกลามไปเป็นความรุนแรง ที่รัฐอัสสัม ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ประท้วงหลายพันคนที่พยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของเมืองทิสปุระ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐอัสสัม ขณะที่ทางการรัฐตรีปุระได้สั่งตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ร่างกฎหมายสถานะพลเมืองฉบับใหม่ของอินเดีย หรือ Citizenship Amendment Bill (CAB) อนุญาตให้ชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาต่าง ๆ ซึ่งอพยพมาจากประเทศเพื่อนบ้านของอินเดียสามประเทศ คือ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน และบังกลาเทศ สามารถได้รับสถานะพลเมืองของอินเดียได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ยกเว้นผู้อพยพที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยให้เหตุผลว่าชาวมุสลิมมิได้เผชิญกับการกดขี่และเลือกปฏิบัติในประเทศเพื่อนบ้านทั้งสามนั้น โดยร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของสภาล่างอินเดียเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา บรรดาองค์กรอิสลาม กลุ่มสิทธิมนุษยชน และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน…