สหรัฐคุมเข้มวีซ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน จาก 10 ปี เหลือ 1 เดือน

Loading

แม้จะมีเวลาเพียงไม่มากที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพ้นจากตำแหน่ง แต่ความพยายามในการเล่นงานจีน ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกกฎควบคุมการเดินทางมายังสหรัฐของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวมถึงครอบครัว โดยมีการลดระยะเวลาการออกวีซ่าสำหรับนักธุรกิจนักท่องเที่ยวประเภท B1/B2 จาก 10 ปีลงเหลือเพียง 1 เดือนเท่านั้น แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสหรัฐจากอิทธิพลอันเป็นภัย พร้อมกับระบุว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามที่จะสร้างอิทธิพลในสหรัฐผ่านการโฆษณาชวนเชื่อ การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และการดำเนินกิจกรรมอันชั่วร้าย กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังระบุด้วยว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 90 ล้านคนยังได้ส่งเจ้าหน้าที่รัฐมายังสหรัฐ เพื่อทำการเฝ้าจับตา ข่มขู่คุกคาม รวมถึงรายงานการดำเนินการของคนจีน และกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายจีนอย่างปราศจากความละอาย ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนก็ประณามการดำเนินการของสหรัฐทันทีว่า เป็นที่ชัดเจนว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะขยายการเล่นงานจีนโดยกลุ่มต่อต้านจีนสุดโต่งในสหรัฐ ซึ่งดำเนินการทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานอคติทางความคิดและทัศนคติแบบช่วงสงครามเย็นที่ฝังรากลึก —————————————————- ที่มา : มติชนออนไลน์ / 4 ธันวาคม 2563 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2471383

โคตรเซียน “ไอโอ” คือไอโอรัสเซีย

Loading

ประเทศที่ทำไอโอมากที่สุดในโลกและสำเร็จมากที่สุด รัสเซียทำอย่างไรและกำลังมุ่งไปทางไหน กลยุทธ์การรบแบบสับขาหลอกของรัสเซีย (หรือสหภาพโซเวียตในขณะนั้นฉ ที่โด่งดังมากในช่วงสงครามเย็นคือสิ่งที่เรียกว่า “มาสกิรอฟสกา” (Maskirovka) ซึ่งแปลว่าการอำพราง แต่มันมีความหมายมากกว่านั้น สารานุกรมการทหารของสหภาพโซเวียตในปี 1944 นิยาม “มาสกิรอฟสกา” ว่าเป็นวิธีการรักษาที่มั่นในการปฏิบัติการรบโดยอาศัย “ความซับซ้อนของมาตรการเป็นการชี้นำให้ศัตรูเข้าใจผิด” โดยสรุปก็คือ “มาสกิรอฟสกา” คือการใช้กลยุทธ์อำพราง ซ่อนเร้น หรือแม้แต่การทำแบบเปิดเผยเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด หรือใช้ภาษาชาวบ้านทุกวันนี้ก็คือ “ปฏิบัติการไอโอ” (Information Operations) ในระยะหลัง “มาสกิรอฟสกา” ไม่ใช่แค่การอำพรางในสนามรบ แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การเมืองและการทูตรวมถึงการบิดเบือน “ข้อเท็จจริง” เกี่ยวกับสถานการณ์และการรับรู้ที่จะส่งผลกระทบต่อสื่อมวลชนและความคิดเห็นทั่วโลก เพื่อบรรลุหรืออำนวยความสะดวกในด้านยุทธวิธียุทธศาสตร์ระดับชาติและเป้าหมายระหว่างประเทศ ปฏิบัติการที่ทำให้สื่อและความเห็นสาธารณะเข้าใจผิดคือการปล่อย “ความเท็จ” เพื่อสร้าง “ความจริงใหม่” ทำให้อีกฝ่ายถูกหลอกด้วยข่าวปลอมที่คิดว่าเป็นความจริงจนกระทั่งกลายเป็นหมูในอวยของฝ่ายศัตรู หลังสิ้นสุดสงครามเย็นแล้ว “มาสกิรอฟสกา” หายเข้ากลีบเมฆไปเพราะรัสเซียอ่อนแอลงและโลกไม่ได้เป็นสนามชิงอำนาจของประเทศใหญ่ๆ อีก จนกระทั่งถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 2010 “มาสกิรอฟสกา” ก็เริ่มคืบคลานกลับเข้ามาอีก และมันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ รัสเซียกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้ภายใต้การบริหารของวลาดิมีร์ ปูติน ขณะเดียวกันชาติตะวันตกก็พยายามบีบรัสเซียด้วยการรุกคืบเข้าในเขตอิทธิพลเดิมของรัสเซียคือยุโรปตะวันออกและอดีตประเทศในเครือสหภาพโซเวียต เหตุการณ์ที่นำไปสู่การแตกหักคือความวุ่นวายในยูเครน กรณีนี้ทำให้ “กลยุทธ์ไอโอสับขาหลอก” กลับมาผงาดอีกครั้ง มาเรีย สเนโกวายา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำการวิเคราะห์การทำสงครามข้อมูลข่าวสารของปูตินในกรณียูเครนเอาไว้โดยบอกว่ารัสเซียใช้รูปแบบสงครามลูกผสมขั้นสูง (Hybrid warfare) ในยูเครนตั้งแต่ต้นปี 2014 โดยใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “การควบคุมแบบสะท้อนกลับ” “การควบคุมแบบสะท้อนกลับ” (Reflexive Control) คือวิธีการถ่ายทอดข้อมูลไปยังคู่ต่อสู้ โดยใช้ชุดข้อมูลเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อโน้มน้าวให้เขาตัดสินใจล่วงหน้าโดยสมัครใจตามที่ผู้ริเริ่มปฏิบัติการกระทำต้องการให้เป็นอย่างนั้น สรุปสั้นๆ…

ศาล รธน.สั่งห้ามคนไม่เกี่ยวข้อง เข้าฟังคำตัดสินคดี ‘บิ๊กตู่’

Loading

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้าฟังคำตัดสินคดี “บิ๊กตู่” เปิดช่องยูทูบให้ติดตามแทน พร้อมประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัยเต็มพื้นที่อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ เมื่อวันนี้ 1 ธ.ค. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ในวันพุธที่ 2 ธ.ค. เวลา 15.00 น. นั้น เพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณที่ทำการศาลและเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้รับมอบฉันทะ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นอยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาล และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีช่องทางการรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสื่อมวลชน รวมทั้งออกประกาศศาลรัฐธรรมนูญเรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย 2563…

คาร์บอมบ์โจมตีภาคกลางอัฟกานิสถาน เจ้าหน้าที่ดับ 30

Loading

รอยเตอร์ – เกิดเหตุคาร์บอมบ์โจมตีจังหวัดกาซนี( Ghazni) ภาคกลางของอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ 30 นาย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 ราย ยังไม่มีผู้ใดออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ รอยเตอร์รายงานวันนี้(29 พ.ย)ว่า นายแพทย์ บาซ โมฮัมหมัด เฮหมัด ( Baz Mohammad Hemat) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัดกาซนี(Ghazni) ภาคกลางของอัฟกานิสถาน กล่าวให้ข้อมูลว่า มีร่างผู้เสียชีวิต 30 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 คน ได้ถูกส่งตัวเข้ามาที่นี่ และชี้ว่า “เหยื่อทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคง” ทั้งนี้พบว่าการระเบิดมีเป้าหมายที่ตั้งของกองกำลังปกป้องสาธารณะซึ่งเป็นปีกของกองกำลังความมั่นคงอัฟกัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผย การโจมตีสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนพลเรือนโดยรอบที่ตั้งกองกำลังปกป้องสาธารณะ พวกเขายังชี้ว่า อาจจะมีตัวเลขสูญเสียที่นั่นเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานได้ออกมายืนยันเหตุโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดออกมา อย่างไรก็ตามในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ รอยเตอร์รายงานว่า ซาบิฮุลลาห์ มูจาฮิด( Zabihullah Mujahid) โฆษกกลุ่มตอลิบานไม่ได้กล่าวยอมรับหรือปฎิเสธในความรับผิดชอบเมื่อถูกถามทางโทรศัพท์ นอกจากนี้ในวันอาทิตย์(29)ยังเกิดเหตุระเบิดอีกที่ในจังหวัดซาบูล( Zabul)ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน โดยมีเป้าหมายไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำจังหวัด แต่ทว่าการโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 1 คน และบาดเจ็บอีก…

ออสเตรเลียปะทะจีน กรณีโพสต์ปลอมประเด็นอาชญากรรมสงคราม

Loading

Scott Morrison headshot, as Australia Prime Minister, graphic element on gray ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและจีนตึงเครียดขึ้น หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งทวีตข้อความพร้อมภาพที่กล่าวหาว่าอีกฝ่ายก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย เรียกร้องให้รัฐบาลจีนลบทวีตและภาพที่ถูกตัดต่อให้ดูเหมือนว่า นายทหารออสเตรเลียรายหนึ่งทำการฆาตกรรมเด็กคนหนึ่งในอัฟกานิสถาน หลังจากที่มีรายงานออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กองกำลังพิเศษของออสเตรเลียได้ทำการสังหารผู้คนไปอย่างน้อย 39 รายในประเทศตะวันออกกลางนี้อย่างผิดกฎหมาย รายงานข่าวระบุว่า จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าวพร้อมข้อความที่ระบุว่า “ไม่ต้องกลัว เรามาเพื่อมอบสันติให้ท่าน” สื่อออสเตรเลียรายงานว่า ข้อความและภาพที่ทวีตออกมานี้เป็นการอ้างอิงมาจากข่าวลือที่ไม่มูลและกล่าวหาว่า กองกำลังทหารของออสเตรเลียใช้มีดสังหารวัยรุ่นชาวอัฟกัน 2 ราย ขณะที่ การสอบสวนกรณีนี้ไม่พบหลักฐานว่าเกิดเหตุเช่นนั้นเลย อย่างไรก็ดี การสอบสวนชี้ว่า มี “หลักฐานที่เชื่อถือได้” ว่า กองกำลังออสเตรเลียทำการสังหารผู้คนอย่างผิดกฎหมายจริงในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2005 และ 2016 Chinese Foreign Ministry spokesman Zhao Lijian attends a news…