ระวังภัย พบมัลแวร์เรียกค่าไถ่แพร่กระจายผ่านอีเมลโดยอ้างชื่อไวรัสโคโรน่า

Loading

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ประสงค์ร้ายมักจะฉวยโอกาสนำเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น ข่าวอุบัติเหตุ หรือข่าวโรคระบาด มาใช้ในการหลอกลวงขโมยข้อมูลหรือแพร่กระจายมัลแวร์ เมื่อปลายเดือนมกราคม 2563 มีรายงานการแพร่กระจายมัลแวร์เรียกค่าไถ่ Emotet โดยใช้วิธีส่งอีเมลเรื่องไวรัสโคโรน่า พร้อมกับแนบไฟล์ที่มีมัลแวร์มาด้วย ผู้ใช้ในประเทศญี่ปุ่นแจ้งว่าได้รับอีเมลที่อ้างว่าส่งมาจากกระทรวงสาธารณสุข มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า โดยอีเมลฉบับดังกล่าวแนบไฟล์ Microsoft Word มาด้วย หากเปิดไฟล์แนบจะพบว่ามีสคริปต์ macro ซึ่งหากอนุญาตให้รันสคริปต์ดังกล่าว มัลแวร์เรียกค่าไถ่ Emotet จะถูกดาวน์โหลดมาติดตั้งลงในเครื่องทันที และยังถูกใช้ส่งอีเมลแพร่กระจายมัลแวร์ต่อไปยังเครื่องอื่นๆ ด้วย เทคนิคการโจมตีในลักษณะนี้จะมีมาอยู่เรื่อยๆ ผู้ใช้ควรระมัดระวังการเปิดไฟล์แนบหรือคลิกลิงก์จากอีเมลที่น่าสงสัย ไม่ควรเปิดใช้งาน macro ใน Microsoft Office หากไม่สามารถยืนยันความน่าเชื่อถือของไฟล์ดังกล่าว ไม่ควรล็อกอินด้วยสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ สำรองข้อมูลสำคัญ อัปเดตแอนติไวรัสและแพตช์ของระบบปฏิบัติการ รวมถึงหมั่นติดตามข่าวสารด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ ————————————————- ที่มา : ThaiCERT / 30 มกราคม 2563 Link : https://www.thaicert.or.th/newsbite/2020-01-30-02.html?fbclid=IwAR2MElzcGqOwQqmHPUa_xXmo82gCztbVq2rKS0sQxgIS5PdCHuLO_tQ7cu4#2020-01-30-02

เอกสารหลุดเผย Avast Free Antivirus เก็บข้อมูลผู้ใช้ขายให้บริษัทโฆษณา เสี่ยงละเมิดความเป็นส่วนตัว

Loading

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 สำนักข่าว Motherboard ร่วมกับ PCMag ได้เผยแพร่รายงานผลการสืบสวนกรณีโปรแกรมแอนติไวรัสของบริษัท Avast เก็บข้อมูลของผู้ใช้แล้วนำไปขายต่อให้กับบริษัทอื่น ข้อมูลหลายอย่างที่ถูกเก็บไปขาย (เช่น ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์หรือประวัติการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต) อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทาง Motherboard และ PCMag พบเอกสารหลุดที่ระบุว่า Avast มีบริษัทลูกชื่อ Jumpshot เพื่อขายข้อมูลผู้ใช้ให้กับบริษัทขนาดใหญ่หลายราย ถึงแม้ในเอกสารจะระบุว่าทาง Avast นั้นเก็บเฉพาะข้อมูลจากผู้ใช้ที่เลือก opt-in (ยินยอมให้เก็บข้อมูลการใช้งานได้) แต่ผู้ใช้จำนวนหนึ่งก็บอกว่าไม่เคยทราบว่ามีการแจ้งขอความยินยอมในเรื่องนี้ จากรายงาน ตัวอย่างข้อมูลที่ถูกเก็บไปขาย เช่น ประวัติการค้นหาใน Google และ Google Maps, คลิปที่เข้าชมผ่าน YouTube, รวมถึงประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งในกรณีหลังนั้นมีการเก็บประวัติข้อความที่ค้นหาและประเภทวิดีโอที่รับชมด้วย ถึงแม้ในบรรดาข้อมูลที่ถูกเก็บไปนั้นจะถูกทำให้เป็นนิรนาม (anonymization) เช่น ไม่มีข้อมูลที่สามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญก็วิเคราะห์ว่าทาง Jumpshot ยังจัดการกับข้อมูลได้ไม่ดีพอ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบย้อนกลับเพื่อระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลดังกล่าวได้ ไทยเซิร์ตได้ทดลองติดตั้งโปรแกรม Avast Free Antivirus เวอร์ชัน…

กรณีศึกษา บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ถูกแฮก ข้อมูลรั่วหลายพันรายการ คาดถูกเจาะผ่านช่องโหว่ของโปรแกรมแอนติไวรัส

Loading

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค สาขาใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ว่าระบบถูกแฮกตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2562 โดยจากการตรวจสอบพบว่าผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายภายในและได้ขโมยข้อมูลออกไปด้วย ตัวอย่างข้อมูลที่หลุดออกไป เช่น เอกสารสมัครงาน ข้อมูลพนักงาน รวมถึงข้อมูลความลับทางการค้า โดยทางบริษัทฯ พบไฟล์ต้องสงสัยบนเซิร์ฟเวอร์เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2562 จึงได้ดำเนินการตรวจสอบและได้ผลสรุปดังกล่าว มีรายงานเพิ่มเติมจากสำนักข่าวในประเทศญี่ปุ่นว่าบริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค นั้นถูกแฮกจากสาขาในประเทศจีนก่อน จากนั้นค่อยขยายการโจมตีมายังเครือข่ายของสาขาอื่นๆ อีก 14 แห่ง ในรายงานอ้างว่าผู้ประสงค์ร้ายโจมตีผ่านช่องโหว่ของโปรแกรมแอนติไวรัส Trend Micro OfficeScan ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ส่งผลให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถอัปโหลดไฟล์ใดๆ เข้ามาในระบบเพื่อสั่งรันโค้ดอันตรายบนเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อได้ (ช่องโหว่รหัส CVE-2019-18187) ทั้งนี้ ทาง Trend Micro ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่นี้เมื่อเดือนตุลาคม 2562 โดยระบุว่าพบการใช้ช่องโหว่นี้โจมตีจริงแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักข่าวฯ ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Tick (หรือ Bronze Butler) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของบางประเทศอาจอยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อมูล log หลายส่วนถูกลบไปแล้วจึงอาจไม่สามารถยืนยันความชัดเจนในเรื่องนี้ได้…

อังกฤษผลักดันกฎหมายความปลอดภัย IoT: ห้ามใช้รหัสผ่านเริ่มต้นเหมือนกันทุกเครื่อง, แจ้งระยะเวลาซัพพอร์ต

Loading

รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมผลักดันกฎหมายควบคุมความมั่นคงปลอดภัยอุปกรณ์ IoT โดยผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรม ETSI TS 103 645 ให้มีสภาพบังคับ แต่ยังอาศัยกระบวนการรับรองตัวเอง (self assess) ETSI TS 103 645 ระบุมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้อุปกรณ์ทุกตัวไม่ใช้รหัสผ่านตรงกันแม้จะรีเซ็ตเครื่องแล้ว ส่วนผู้ผลิตเองก็ต้องมีจุดรับแจ้งปัญหาความมั่นคงปลอดภัยอย่างชัดเจน, มีกระบวนการอัพเดตและแก้ไขที่รวดเร็ว, ประกาศระยะเวลาซัพพอร์ตสินค้าอย่างชัดเจน, ห้ามใช้รหัสผ่านแบบฮาร์ดโค้ดไว้ในเครื่อง, เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์โดยเข้ารหัส, ตรวจสอบความถูกต้องของซอฟต์แวร์, และยังต้องออกแบบให้ระบบทนทานเมื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้ ก่อนหน้านี้สหราชอาณาจักรมีแนวปฎิบัติเพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยอุปกรณ์ IoT (Code of Practice for Consumer IoT Security) ที่เป็นคำแนะนำผู้ผลิตโดยไม่มีสภาพบังคับ แต่เนื้อหาโดยรวมคล้ายกับมาตรฐาน ETSI TS 103 645 รัฐแคลิฟอร์เนียร์เคยผ่านกฎหมายคล้ายกันในปี 2018 และเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ————————————– ที่มา : Blognone / 28 มกราคม 2563 Link : https://www.blognone.com/node/114356

ญี่ปุ่นจัดตั้ง “หน่วยอวกาศ” รับมือภัยคุกคามจากเทคโนโลยีอวกาศ

Loading

An H-2A rocket carrying an intelligence-gathering satellite successfully takes off from the Tanegashima Space Center in Kagoshima Prefecture, Japan in this photo taken by Kyodo February 27, 2018. นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ ประกาศในวันจันทร์ว่า ญี่ปุ่นจะจัดตั้งหน่วยป้องกันทางอวกาศเพื่อปกป้องประเทศจากภัยคุกคามต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่ประเทศที่เป็นศัตรูกับญี่ปุ่นกำลังพัฒนาขีปนาวุธและเทคโนโลยีด้านอวกาศสมัยใหม่กันอย่างคึกคัก “หน่วยปฏิบัติการด้านอวกาศของญี่ปุ่น” หรือ Space Domain Mission Unit จะอยู่ในสังกัดของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ และจะเริ่มภารกิจตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป โดยจะทำงานใกล้ชิดกับกองบัญชาการอวกาศของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ และสำนักงานสำรวจอวกาศของญี่ปุ่น หรือ JAXA ด้วย รัฐบาลกรุงโตเกียวจะจัดสรรงบประมาณราว 51,000…

‘กม.ปกป้องความเป็นส่วนตัวดิจิทัล’ เข้มที่สุดของอเมริกามีผลบังคับใช้ในแคลิฟอร์เนียแล้ว

Loading

California Consumer Privacy Privacy Act (CCPA) หรือกฎหมายที่ส่งเสริมสิทธิความเป็นส่วนตัวและคุ้มครองผู้บริโภค สำหรับผู้อยู่อาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย กำหนดให้บริษัทธุรกิจต่าง ๆ แจ้งให้ผู้บริโภคทราบถึงวิธีการเก็บและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายดังกล่าวให้สิทธิแก่ผู้บริโภคในการแจ้งความประสงค์ห้ามบริษัทต่าง ๆ ขายหรือเผยแพร่ข้อมูลของตน นอกจากนี้ยังกำหนดให้ภาคธุรกิจทำลายข้อมูลที่มีอยู่หากลูกค้าขอให้ลบข้อมูลดังกล่าว กฎหมายนี้ยังครอบคลุมการขายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลเกือบทุกประเภทที่จะเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจได้ ซึ่งรวมไปถึงการแบ่งปันข้อมูลระหว่างบริษัท และการขายข้อมูลของบุคคลที่สาม ธุรกิจออนไลน์ขนาดใหญ่ เช่น Facebook และ Google ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้ เช่นเดียวกับบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ต่าง ๆ ด้วย ภายใต้กฎหมายนี้ ห้างค้าปลีกอย่าง Walmart, Home Depot และบริษัทอื่น ๆ ได้เพิ่มลิงก์ “Do Not Sell My Info” หรือ “ห้ามขายข้อมูลส่วนตัว” ในเว็บไซต์ของตนเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิของตนได้ง่ายขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลกล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่ากฎหมาย CCPA จะส่งผลกระทบต่อโฆษณาประเภทระบุเป้าหมายที่ใช้โดยบริษัทต่าง ๆ เช่น Facebook และ Google อย่างไรบ้าง Facebook เก็บข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากและใช้ข้อมูลดังกล่าวในการนำทางบรรดาโฆษณาไปไปยังบุคคลกลุ่มต่าง…