เหตุการณ์ “คนร้าย” ใช้อาวุธปืนก่อความรุนแรง มุ่งประสงค์ต่อชีวิตบุคคลอื่น มีลักษณะแนวโน้มเกิดถี่มาก ต้นเหตุหนึ่ง ผู้ครอบครองอาวุธปืน โดยถูกกฎหมาย และ…ผู้เป็นเจ้าของครอบครองแบบไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้น ทำให้บ่อยครั้ง…มีเหตุใช้ “ปืนแก้ปัญหา”…ก่อเหตุอาชญากรรม “ฆ่ากันตายรายวัน” และยังใช้เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ความเครียด แม้แต่ปัญหาเล็กน้อย…ข้อพิพาทขับรถปาดหน้ากัน ก็ใช้ปืนออกมาข่มขู่ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะนับแต่เหตุบุกกราดยิง ร้านทอง จ.ลพบุรี หรือเหตุทหารคลั่งสังหารยิงผู้บริสุทธิ์ ใน อ.เมืองนครราชสีมา จนมีหนุ่มเครียดระบายอารมณ์ยิงปืน 40 นัด ซอยจุฬา 10 กทม. กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่น่าวิตกกังวลมากขึ้น
สาเหตุลักษณะการนำปืนก่อเหตุนี้ “ทีมข่าวสกู๊ปหน้า 1” ได้พูดคุยกับ ครูสอนยิงปืน สนามยิงปืนสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เล่าว่า การขออนุญาตมีปืนมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่หนึ่ง…ข้าราชการทหาร ตำรวจ ได้รับรองโดย ผู้บังคับบัญชา ในตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติ เหตุผลจำเป็นที่ขออนุญาตออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
ในการใช้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ ทำให้ทหาร ตำรวจ ขอได้ง่ายกว่าพลเรือน แต่ไม่ใช่ว่า…ทุกคนจะสมหวังเสมอไป เพราะผู้ออกใบอนุญาตอาจมองถึงหลักความจำเป็นสำคัญ เช่น ขอมีปืนขนาด .45 ที่อานุภาพรุนแรง อาจไม่อนุญาตตามคำร้องขอนี้ แต่ให้เปลี่ยนขอมีปืนขนาด 9 มม. แทนก็ได้…
กลุ่มที่สอง…“ประชาชนทั่วไป” หรือผู้ประกอบอาชีพธุรกิจบริษัท ห้างหุ้นส่วน ร้านค้า หรือลูกจ้าง ที่ต้องได้รับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน จากผู้ที่มีอำนาจจัดการของกิจการนั้น หากไม่ได้มีอาชีพรับจ้าง ต้องมีหลักฐาน เอกสารอ้างอิงอื่น เช่น เงินฝากธนาคาร มาเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา…
และต้องมีเหตุผลความจำเป็นจากข้าราชการระดับ 6 ขึ้นไป มีหนังสือรับรองความประพฤติจากการพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบประวัติ และสืบสวนความประพฤติ ถ้าขออนุญาตเพื่อการกีฬา…ต้องใช้หลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน
คุณสมบัติ…บรรลุนิติภาวะ มีสภาพร่างกายปกติ ไม่พิการหรือทุพพลภาพ ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน และไม่เคยต้องโทษจำคุกคดีอาญา
เมื่อหลักฐานครบ…เริ่มจาก “ป.1” คือ คำร้องขอซื้ออาวุธปืน เพื่อขอออก “ใบ ป.3” คือ ใบอนุญาตให้ซื้อปืนได้ สามารถยื่นคำร้องตามภูมิลำเนา…ในพื้นที่กรุงเทพฯ แผนกอาวุธปืน กรมการปกครอง วังไชยา ในพื้นที่ต่างจังหวัด ให้ยื่นที่อำเภอ มีนายอำเภอในการพิจารณาตามหลักความจำเป็น ที่ไม่ได้อนุญาตให้ทุกราย
ซึ่งอยู่ที่ “ดุลพินิจ” ผู้อนุญาต ส่วนใหญ่พลเรือนมีไว้เพื่อการกีฬา มักได้รับอนุญาตมากกว่ามีเอาไว้เพื่อใช้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน แม้ว่ากฎหมายใช้คำว่า…“ดุลพินิจ” มีลักษณะให้อำนาจดุลพินิจเป็นอำนาจเปิดช่องให้ฝ่ายปกครองสามารถเลือกตัดสินใจ แต่ก็ไม่ได้อนุมัติให้มีอาวุธปืนทุกรายเสมอ
หากบุคคลใด…มีใบ ป.3 ก็นำใบนี้ไปหาซื้อปืนที่ร้านขายปืน ก็จะดำเนินการตัดโอนปืนออกจากโควตาร้าน เป็นใบคู่มือปืนแล้วนำไปขึ้นเป็นใบ ป.4 คือใบทะเบียนปืนที่ระบุชื่อผู้ซื้อเป็นเจ้าของ…
การขออนุญาตมีปืน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ “ปืนพกสั้น”…ปืนแบบรีวอลเวอร์ หรือปืนลูกโม่ ปืนแบบออโตเมติก “ปืนยาว”…ปืนลูกซอง ปืนลูกกรด ปืนไรเฟิล สามารถขอได้ครั้งละ 1 กระบอก แต่ไม่ใช่มีปืนแล้วจะขอเพิ่มอีกไม่ได้…ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพิจารณาอนุญาตครั้งต่อไปด้วย
หากเปรียบเทียบกับ “พลเมืองสหรัฐอเมริกา” สามารถขออนุญาต มีอาวุธปืนได้แทบทุกคน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่มีเงื่อนไขใกล้เคียงกับประเทศไทย…คือ ต้องบรรลุนิติภาวะ มีสภาพร่างกายปกติ ไม่พิการ หรือทุพพลภาพ ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ วิกลจริต และจิตฟั่นเฟือน
และมีการตรวจสอบประวัติอาชญากร และสืบสวนความประพฤติ แต่ขั้นตอนนี้ทันสมัยมาก เพราะสามารถตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ผ่านระบบออนไลน์ของประวัติทางอาชญากรทั้งหมดได้ทันที จากระบบฐานข้อมูลพลเรือนเดียวกันทั่วประเทศ
ทว่า…สำหรับบุคคลผ่านการเรียนอบรมยิงปืน จะได้รับอนุญาตง่ายมาก เพราะถือว่าเป็นคนผ่านการฝึกใช้อาวุธมาอย่างดีแล้ว แต่มักไม่อนุญาตให้มีปืนสั้นขนาดเล็กซุกซ่อนง่ายเท่านั้น ส่วนประเทศไทยไม่ค่อยอนุญาตปืนใหญ่อานุภาพรุนแรง ซึ่งขั้นตอนตรวจสอบประวัติยังคงพิมพ์ลายนิ้วมือ เทียบเคียงกับประวัติอาชญากร
“บางคนตรวจสอบไม่พบประวัติอาชญากร ก็ไม่ได้หมายความว่า… บุคคลนั้นไม่เคยกระทำความผิด แต่อาจยังไม่ถูกจับดำเนินคดีเท่านั้น ทำให้มีช่องโหว่ ทำให้คนไม่ดีมีอาวุธไว้ในการครอบครอง”
ปัจจุบัน…ปืนถูกกฎหมาย มีการเก็บตัวอย่างหัวกระสุนและปลอกกระสุน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพราะกระสุนปืนถูกยิงออกไปแต่ละกระบอก มีตำหนิ หรือรอยบนกระสุนเฉพาะแตกต่างกัน ฉะนั้นหากมีการก่อเหตุ มีปลอกกระสุน หรือหัวกระสุนตกในที่เกิดเหตุ จะสามารถตรวจเทียบเคียงการครอบครองปืนได้ทันที
“การตรวจสอบครอบครองปืนรัดกุมกว่าอดีตมาก และการเข้าถึงของการอนุญาตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ดูเหมือนว่า…ผู้ครอบครองมาก มีสาเหตุจากจำนวนประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ปืนถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ได้มีเยอะขึ้น เพราะจำนวนร้านขายปืนเท่าเดิม และถูกจำกัดขายปืนสั้นได้ปีละไม่เกิน 30 กระบอก ปืนยาว 50 กระบอกเท่านั้น”
ประเด็นมีการใช้อาวุธปืนก่อเหตุนี้…ต้องดูลักษณะปืนนั้น ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตอนนี้กระบวนการผลิตปืนผิดกฎหมายง่ายขึ้นมาก เพราะมีเครื่องจักรทันสมัย และหาชิ้นส่วนอุปกรณ์ผลิตได้ง่าย ในสมัยก่อน…ทำปืนไทยประดิษฐ์ได้เฉพาะปืนปากกา ปืนลูกซองเบอร์ 12 เบอร์ 20 หรือปืนชนิดลูกโดดยิงได้ครั้งละนัด
ปัจจุบันมีวิวัฒนาการล้ำหน้า…สามารถผลิตปืนแบบออโตเมติก…ด้วยการใช้เครื่องซีเอ็นซีผสมกับเทคโนโลยี ในการก๊อบปี้ปืนยี่ห้อดังหลายรุ่นได้ โดยเฉพาะการลักลอบดัดแปลงผลิตปืนมาจาก “ปืนแบลงค์กัน” ซึ่งเป็นปืนมีแต่เสียงเปล่า เพราะบางร้านไม่มีการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนก่อนซื้อกัน
ทำให้ถูกนำไปดัดแปลงใช้ยิงกระสุนจริง แต่ความคงทนเท่าเทียบไม่ได้กับปืนจริง เพราะมีโครงสร้างวัสดุรับแรงกระแทกได้น้อย สาเหตุมาจากบริษัทผู้ผลิตมีการคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่า…อาจต้องมีผู้นำไปดัดแปลง จึงออกแบบให้มีโครงสร้างเปราะบาง หากใช้ยิงกับลูกกระสุนจริง ก็คงได้ไม่กี่นัด จะทำให้ปืนแตกพังได้ง่าย
อีกทั้งยังมีปืนถูกต้องตามกฎหมาย และซื้อขายกันแบบผิดกฎหมาย ลักษณะการขายกันไม่ผ่านรูปแบบโอนกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องกับฝ่ายปกครอง ส่วนอาวุธปืนลักลอบซื้อขายกันตามแนวชายแดน ในการซื้อขายปืนสั้นมีน้อย ส่วนใหญ่ซื้อขายอาวุธสงครามกันมากกว่า…
กรณีซื้อขายอาวุธตามแนวชายแดนนี้ มีลักษณะตรงกันข้าม…ประเทศเพื่อนบ้านมักลักลอบสั่งซื้อปืนพกสั้น ส่วนพ่อค้าคนไทยกลับลักลอบสั่งซื้ออาวุธสงคราม ที่ผ่านมาการลักลอบขายปืนเถื่อนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปราบปรามเข้มงวด สามารถจับกุมดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องตลอด
จริงๆแล้ว…“คนร้ายก่ออาชญากรรม” ไม่ได้ใช้ปืนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ใช้ปืนที่เคยถูกกฎหมาย จากการ “ถูกขโมยปืน” ซึ่งมีบุคคลถูกขโมยปืนไปมากมาย และมีการขายต่อกันจนตกอยู่ในมือของคนไม่ดี นำไปใช้ก่อเหตุ เพราะปืนกลุ่มนี้มีคุณภาพดีมากกว่าปืนแบบไทยประดิษฐ์
ในประเด็นการใช้ปืนแก้ปัญหา…หรือใช้เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล หากคนผ่านการฝึกอบรมการยิงปืนอย่างถูกวิธีในสนามยิงปืนของภาครัฐ มักมีวุฒิภาวะควบคุมอารมณ์สูงในการใช้ปืน ในอนาคตบุคคลขออนุญาตมีปืน อาจต้องฝึกอบรมจากสนามยิงปืนหน่วยงานของรัฐก่อน เพื่อป้องกันเหตุร้ายด้วย
ไม่ใช่ว่า…มีเงินก็ซื้อได้ ในบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำ…ปืนซื้อมาใช้แบบไหน…หรือวิธียิงอย่างไรให้ปลอดภัย ทำให้บุคคลลักษณะนี้ก็ไม่สมควรซื้อปืนได้ เพราะอาจเป็นอันตราย อาจนำไปใช้สนองอารมณ์ตัวเอง ที่มีผลเป็นเหตุร้ายต่อคนอื่นได้
ขอย้ำว่า…ต้องรู้ก่อนว่า…“ปืน”…คือ อุปกรณ์ใช้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ฉะนั้นคนมีปืนต้องใจเย็น สุขุมรอบคอบ…ที่ต้องใช้เป็นทนทางสุดท้ายจริงๆ…ในการตกลงใจนำมาป้องกันตัวให้มีความปลอดภัย…
————————————————–
ที่มา : ไทยรัฐฉบับพิมพ์ คอลัมภ์ “สกู๊ปหน้า 1” / 22 กุมภาพันธ์ 2563
Link : https://www.thairath.co.th/news/crime/1776945