ใครสร้างภาพ? VS ใครพยายามแก้ปัญหา?

Loading

Written by Kim ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเสื่อมทรามลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) ซึ่งเปลี่ยนพื้นฐานทางภูมิศาสตร์การเมือง เศรษฐกิจและสังคมอย่างชัดเจน นักการทูตจีนได้เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theories) ข่าวลือเท็จและข้อมูลบิดเบือน (disinformation) โดยเจตนากล่าวหาสหรัฐฯว่าเป็นผู้รับผิดชอบการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของจีนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อควบคุมการเล่าเรื่อง เบี่ยงเบนการกล่าวโทษเรื่องไวรัส ขณะที่พยายามสร้างภาพให้จีนเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ช่วยเหลือประเทศอื่นที่ประสบปัญหา โดยกำหนดกรอบการตอบสนอง COVID-19 ในฐานะตัวแบบรัฐอำนาจนิยมซึ่งตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยแบบตะวันตกที่ล้มเหลวในการสกัดการแพร่กระจายของไวรัส[1]           รัฐบาลจีนประกาศเมื่อ 17 มีนาคม 2020 ว่าจะขับผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันทั้งหมดที่ทำงานให้กับ The New York Times, The Washington Post,  และ The Wall Street Journal กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสารนิเทศได้ออกคำสั่งให้ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับคืนใบรับรองการทำงานภายใน 10 วัน และพวกเขาก็ไม่สามารถทำงานในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าด้วย[2] การขับไล่นักข่าวชาวอเมริกันจากประเทศจีนไม่เพียงเป็นการคิดสั้น แต่ยังเป็นอันตราย การขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับปัญหาไวรัสโคโรนาจะทำให้สถานการณ์ในจีนแย่ลง ตลอดทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและที่อื่น ๆ หลายเดือนที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) พยายามทำให้ความรุนแรงของ COVID-19 ดูสำคัญน้อยลง และยับยั้งข่าวสารเชิงลบเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัสและความตาย           เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐฯรวมทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ  ไมค์ ปอมเปโอ เรียกไวรัสโคโรนาว่า “ไวรัสจีน” และ “ไวรัสอู่ฮั่น” ตามลำดับ ขณะที่องค์การอนามัยโลกอ้อนวอนผู้นำโลกให้งดเว้นการเชื่อมโยงเชื้อโรคดังกล่าวกับประเทศหรือกลุ่มชาติพันธุ์ เพราะเกรงว่าจะทำให้อาชญากรรมของความเกลียดชังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกและเกิดการต่อต้านชาวเอเชีย ขณะเดียวกันนักการทูตจีนได้เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด…