จด•หมายเหตุ: การล่าแม่มดในสถานการณ์โควิด 19

Loading

บทความโดย นคร เสรีรักษ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Privacy Thailand 1. โลกวันนี้ทำให้แทบทุกแพลตฟอร์มของการดำรงชีวิตเข้ามาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ ด้วยความรวดเร็วของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในสังคมการเมืองที่โซเซียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมืองอย่างกว้างขวาง 2. การปะทะกันระหว่างความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันก็มาปรากฏบนโลกออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ทั้งการแลกเปลี่ยนหรือโต้แย้งกันอย่างสุภาพสันติและการโจมตีกล่าวหากันด้วยวาจาหรือถ้อยคำที่หยาบคาย การด่าทอ ดูถูกเหยียดหยาม เสียดสี นำมาซึ่งการสร้างความเกลียดชัง เยาะเย้ย ถากถาง ขณะเดียวกันกิจกรรมการล่าแม่มดก็ออกมามีบทบาทในสื่อสังคมออนไลน์ด้วยเช่นกัน 3. ในสถานการณ์โรคระบาดจากไวรัสโควิด 19 ที่กำลังเป็นวิกฤตของประเทศในปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้กำลังเคลื่อนไหวถ่ายทอดกันในสังคมมากมาย ทั้งข้อมูลสถิติการป่วยไข้และการรักษา คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ในข้อมูลจำนวนมหาศาลมีทั้งข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จ ข้อมูลแท้ ข้อมูลปลอม ที่น่าเป็นห่วงคือการใช้วิธีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเครื่องมือในการล่าแม่มด 4. จากการที่มีผู้นำข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่อาศัยของแรงงานนอกระบบที่เดินทางกลับจากเกาหลีมาเผยแพร่ในลักษณะชักชวนคนในชุมชนให้รังเกียจ กีดกัน และขับไล่บรรดาแรงงานจากเกาหลี มาจนถึงล่าสุดคือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศและไม่เข้าสู่กระบวนการกักตัวตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีการเปิดเผยชื่อ ที่อยู่ หมายเลขหนังสือเดินทาง ข้อมูลแพร่กระจายกว้างขวางอย่างน่าเป็นห่วงทั้งทางเฟสบุ๊ค ไลน์ และทวิตเตอร์ ทั้งสองเรื่องมีการประณาม ประจาน และแสดงความรู้สึกเกลียดชังในลักษณะการ “ล่าแม่มด” อย่างชัดเจน 5. มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการนำข้อมูลส่วนบุคคลของแรงงานที่กลับจากเกาหลีหรือผู้โดยสารสายการบินมาเปิดเผยในการล่าแม่มดน่าจะเป็นการผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอันที่จริงแล้ว พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 เป็นกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายนี้พูดถึงหน้าที่และกระบวนการในการเก็บรวบรวม…

ปากีฯจับกุมแพทย์กว่า50คน ชุมนุมประท้วงขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันสู้โควิด-19

Loading

เอเอฟพี – แพทย์มากกว่า 50 คนถูกจับกุมที่เมืองเกตตา ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานในวันจันทร์(6เม.ย.) หลังร่วมชุมนุมประท้วงต่อกรณีขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันสำหรับต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) การจับกุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านการรแพทย์มากกว่า 100 คนเดินขบวนใกล้โรงพยาบาลหลักของเมืองเกตตา จากนั้นก็ย้ายไปประท้วงบริเวณด้านหน้าบ้านพักของมุขมนตรีแห่งรัฐ ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี ตำรวจใช้ตะบองเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากพวกเขาพยายามเข้าไปในเขตบ้านพักของมุขมนตรี ผลก็คือเกิดเหตุตะลุมบอนกระทบกระทั่งกันระหว่างสองฝ่าย “เรามีแพทย์ 53 คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวฐานละเมิดกฎหมาย” อับดุล ราซซัก ชีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสบอกกับเอเอฟพีหลังจากเกิดเหตุ พร้อมเผยว่าตำรวจควบคุมตัวแพทย์เหล่านั้นไว้นานหลายชั่วโมง ก่อนมีคำสั่งจากรัฐบาลท้องถิ่นให้ปล่อยตัวพวกเขา โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นบาลูจิสถาน เปิดเผยกับเอเอฟพีว่าแพทย์เหล่านั้นประท้วงต่อปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล(PPE)อย่างเช่นหน้ากากอนามัยและแว่นตานิรภัย “เราให้คำรับประกันว่าจะจัดหา PPE ให้พวกเขาเร็วๆนี้ แต่พวกเขาได้เริ่มประท้วงกันไปแล้ว” โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นกล่าว พร้อมบอกว่าเข้าหน้าที่กำลังวางแผนแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันให้แก่คณะแพทย์ หลังได้รับจัดมอบมาจากรัฐบาลกลางก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (6เม.ย.) เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทั่วปากีสถานคร่ำครวญมานานหลายสัปดาห์เกี่ยวกับปัญหาอุปกรณ์ป้องกันขาดแคลนอย่างรุนแรงตามโรงพยาบาลต่างๆ ในขณะที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มันสำหรับรักษาคนไข้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ บาซีร์ อาชาไซ ประธานสมาคมแพทย์เกตตาระบุว่ารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ในการปกป้องแพทย์และคนงานด้านสาธารณสุขอื่นๆ “พวกเขาบีบให้เราต้องประท้วงเพื่อสิทธิของพวกเราเอง” ปากีสถานพบผู้ติดเชื้อแล้ว 3,277 คน ในนั้นเสียชีวิต 50 คน อย่างไรก็ตามตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้หลายเท่า เนื่องจากชุดตรวจมีอยู่อย่างจำกัดในชาติยากจนซึ่งมีประชากรมากกว่า 215 คน เมื่อเดือนที่แล้ว แพทย์คนหนึ่งและพยาบาลอีกคนในปากีสถานเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นอกจากนี้แล้วยังมีเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์อีกหลายสิบคนที่มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก…

ครั้งแรก! สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำกลุ่มคลั่งคนขาวเป็นองค์กร “ก่อการร้าย”

Loading

รอยเตอร์ – สหรัฐฯ กำหนดให้พวกชาตินิยมรัสเซียกลุ่มหนึ่ง นามว่า “รัสเซีย อิมพีเรียล มูฟเมนต์ (Russian Imperial Movement)” เป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ถือเป็นครั้งแรกที่อเมริกาขึ้นบัญชีดำพวก White Supremacist หรือกลุ่มที่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์คนผิวขาวนั้นมีฐานะสูงส่งและเป็นเลิศกว่ากลุ่มเผ่าพันธุ์อื่นๆ “การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” นาธาน เซลส์ ทูตต่อต้านก่อการร้ายสหรัฐฯระบุในถ้อยแถลง มาตรการดังกล่าวมีออกมาหลังจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานประจำปีด้านก่อการร้ายฉบับล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งระบุว่า การก่อการร้ายที่มีแรงขับเคลื่อนด้านเชื้อชาติแลผิวสีเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวลในปี 2018 ทั้งในสหรัฐฯและทั่วโลก ทั้งนี้ พวกรัสเซีย อิมพีเรียล มูฟเมนต์ ซึ่งเรียกตัวเองว่า กลุ่มชาตินิยม “รัสเซียน ออร์ธอด็อกซ์” อยากให้ฟื้นฟูระบอบกษัตริย์และให้สิทธิพิเศษแก่ชนเชื้อสายรัสเซีย, ยูเครน และเบลารุส โดยทั่วไปแล้วการกำหนดลักษณะนี้ ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะอายัดทรัพย์สินใดๆ ในสหรัฐฯของกลุ่มหรือตัวบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำ รวมถึงห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับกลุ่มหรือบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การกำหนดลักษณะนี้ก็เสี่ยงเป็นเพียงความเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น หากว่ากลุ่มที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านี้มีธุรกรรมทางการเงินแค่เล็กๆ น้อยๆ ในสหรัฐฯ เซลส์บอกว่า เลือดผู้บริสุทธิ์เปื้อนมือพวกรัสเซีย อิมพีเรียล มูฟเมนต์…