ประกาศงาน 27 อาชีพห้ามต่างด้าวทำเด็ดขาด

Loading

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ งาน 27 อาชีพ ห้ามต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรคหนึ่งแห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 กำหนดให้งานตามที่ระบุไว้ในบัญชีหนึ่งท้ายประกาศนี้ หรืองานที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องมีสัญชาติไทย เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ข้อ 3 กำหนดให้งานตามที่ระบุไว้ในบัญชีสองท้ายประกาศนี้เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ ในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรโดยมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวทำงาน ได้ตามข้อตกลงระหว่างประเทศหรือพันธกรณีที่ประเทศไทยมีความผูกพันภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย ข้อ 4 กำหนดให้งานตามที่ระบุไว้ในบัญชีสามท้ายประกาศนี้เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำในทุกท้องที่ในราชอาณาจักร โดยมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวทำงานฝีมือหรือกึ่งฝีมือนั้นได้ก็แต่เฉพาะงานที่มีนายจ้าง ข้อ 5 กำหนดให้งานตามที่ระบุไว้ในบัญชีสี่ท้ายประกาศนี้เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรโดยมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวทำงานนั้นได้ก็แต่เฉพาะงานที่มีนายจ้างและได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกับนายจ้าง ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามเงื่อนไขตามที่อธิบดีกรมการจัดหางานประกาศกำหนด ข้อ 6 ในกรณีเป็นงานที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองคนต่างด้าวจะขอรับใบอนุญาตทำงานได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองตามกฎหมายนั้นแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2563 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน…

โลกเรามาถึงจุดที่ “อแดปเตอร์ชาร์จไฟ” ก็สามารถถูกแฮกได้แล้ว!

Loading

By Watcharakul Pattanaprateep Xiaomi เปิดตัว Mi 10 พร้อมกับอแดปเตอร์ utilized gallium nitride technology หรือ GaN ที่สามารถจ่ายไฟได้มากถึง 65W แต่เบื้องต้นมีรายงานว่าอแดปเตอร์ดังกล่าวไม่รองรับหลายแพลตฟอร์ม แถมยังมีช่องโหว่ที่ทำให้ถูกแฮกได้ด้วย สื่อต่างประเทศรายงานว่า Xiaomi ได้รับการเตือนจากบริษัทด้านความปลอดภัย โดยทีมรักษาความปลอดภัยแจ้งกับ Xiaomi ว่า อแดปเตอร์ชนิด GaN ของ Xiaomi นั้นใช้ใช้ชิป eFlash / MTP ในการจัดการระบบการจ่ายไฟของตัวอแดปเตอร์ และยังสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ชิป eFlash ที่ Xiaomi นำมาใช้นั้นเป็นแบบเขียนข้อมูลซ้ำลงไปได้ หรือ Rewrite แถม Xiaomi ไม่ได้เข้ารหัสเอาไว้ มันจึงเป็นข่องโหว่ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดัดแปลงอแดปเตอร์ชาร์จได้นั่นเอง แฮกอแดปเตอร์ได้แล้วยังไง? อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่ออแดปเตอร์หรือที่ชาร์จไฟบ้านไม่มีข้อมูลอะไรที่สำคัญ แฮกไปแล้วจะยังไงต่อ? การแฮกเข้าชิป eFlash นั่นหมายถึงสามารถควบคุมการทำงานของอแดปเตอร์ได้ เมื่อควบคุมการทำงานได้ แฮกเกอร์อาจสั่งให้อแดปเตอร์จ่ายไฟเกินกว่าที่ระบบตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรก อันทำให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งานรวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาใช้ชาร์จด้วย…

นายกฯแดนเบียร์ อังเกลา แมร์เคิล ร่วมขบวนกระตุ้นให้จีนโปร่งใสเรื่องต้นตอโควิด-19

Loading

นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล แถลงกับสื่อเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 20 เม.ย. (ภาพ รอยเตอร์ส) สื่อในฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงาน (21 เม.ย.) นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิลออกมาร่วมขบวนเรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ตอกย้ำถึงความไม่สบายใจของผู้นำยุโรปที่สนิทกับจีนและไปเยือนจีนบ่อยที่สุดท่านนี้เกี่ยวกับความโปร่งใสของจีนเรื่องเปิดเผยข้อมูลต้นตอโควิด-19 ขณะนี้หลายชาติกำลังกดดันจีนเรื่องการเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับต้นตอการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้านจีนยืนกรานไม่ยอมให้สหรัฐฯส่งผู้แทนมาเยือนห้องทดลองไวรัสในอู่ฮั่น สองบิ๊กชาติยุโรป ฝรั่งเศสและเยอรมนี เรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากขึ้นแต่ก็ไม่ได้เออออห่อหมกเห็นตามผู้นำมะกันที่ออกมาชี้ถึงความเป็นไปได้ระหว่างไวรัสฯและห้องทดลองไวรัสในอู่ฮั่น ด้านจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาฯของผู้นำสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ แพทย์พยาบาลกำลังรักษาผู้ป่วยจากโควิด-19 ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลในกรุงเบอร์ลิน ภาพเมื่อวันที่ 20 เม.ย. (ภาพ รอยเตอร์ส) ผู้นำหญิงเหล็กเมืองเบียร์ แมร์เคิล พูดในวันจันทร์(20 เม.ย.) กล่าวความเชื่อของตนว่า “ยิ่งจีนมีความโปร่งใสเกี่ยวกับต้นตอไวรัสมากเท่าไหร่ ทุกคนในโลกก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสตัวนี้กันได้ดีขึ้น” นอกจากนี้ นายกฯแมร์เคิลตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามกรณีรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งเยอรมนี นาย เกิร์ด มูลเลอร์ (Gerd Mueller) กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “จีนต้องเปิดเผยอย่างหมดเปลือกเกี่ยวกับวิกฤตที่โลกกำลังเผชิญอยู่โดยเฉพาะต้นตอไวรัส” ส่วนข้อกล่าวหาของสหรัฐฯที่หาว่าจีนปิดบังข้อมูลต้นตอของไวรัส นาย มูลเลอร์ กล่าวว่า “จีนควรเปิดตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยแลกเปลี่ยนกับนานาชาติเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสในอู่ฮั่นอย่างรวดเร็ว”…

ทะเลจีนใต้ระอุ เวียดนามประท้วงปักกิ่ง จัดตั้งเขตปกครองบนหมู่เกาะพิพาท

Loading

ทะเลจีนใต้ระอุ – วันที่ 20 เม.ย. วีโอวี รายงานว่า นางเล ถิ ทู หั่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามแถลงกรณีที่รัฐบาลจีนประกาศจัดตั้ง เขตซีซา บน หมู่พาราเซล หรือ หมู่เกาะหว่างซา ของเวียดนาม และ เขตหนานซา บน หมู่เกาะสแปรตลีย์ หรือหมู่เกาะ หมู่เกาะเจื่องซา ของเวียดนาม เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เป็นการละเมิดอธิปไตยเวียดนามอย่างอุกอาจ ไร้คุณค่า และไม่เป็นที่ยอมรับ ส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ สร้างความวุ่นวายมากขึ้นต่อสถานการณ์ทะเลตะวันออก เวียดนามเรียกร้องให้จีนเคารพอธิปไตยเวียดนาม ยุติการตัดสินใจผิดพลาดต่างๆ และไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลัง ซีจีทีเอ็น โทรทัศน์ทางการจีน รายงานจากกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนว่า สภาประชาชนจีนอนุมัติการจัดตั้งสำนักงานเขตซีซา บนเกาะฟู้เลิม ของหมู่เกาะพาราเซล และสำนักงานเขตหนานซา บนโขดหินจื๋อเถิบ ของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ทั้งสองสำนักงานเขตอยู่ภายใต้การปกครองของมณฑลไห่หนานของจีน วีโอวีระบุว่า โขดหินจื๋อเถิบเป็นหนึ่งในโครงสร้างกายภาพ 7 แห่ง ของหมู่เกาะเจื่องซาของเวียดนาม ที่ถูกจีนใช้กำลังอาวุธยึดครองอย่างผิดกฎหมายเพื่อปรับปรุงเป็นเกาะเทียมหวังเข้าควบคุมทะเลตะวันออกเพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าจีนประกาศไม่มีการเคลื่อนไหวทางทหารในทะเลตะวันออก แต่การกระทำของจีนกลับสวนทางกับคำพูดของจีน ——————————————————— ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ / 20 เมษายน 2563 Link : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_3986500

สะเทือนขวัญแคนาดา กราดยิงข้ามคืนดับกว่า 10 ศพ

Loading

ประเทศที่เงียบสงบอย่างแคนาดาต้องตื่นตกใจกับเหตุการณ์กราดยิงที่คร่าชีวิตผุ็คนไปมากมาย เกิดเหตุกราดยิงยาวนานข้ามคืนในชนบทในมณฑลโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา เหตุครั้งนี้เริ่มขึ้นที่เมืองพอร์ตาพิค (Portapique) เมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น (หรือคืนวันอาทิตย์ตามเวลาประเทศไทย) และยืดเยื้อนานถึง  12 ชั่วโมงต่อมา จนกระทั่งมือปืนเสียชีวิตที่สถานีบริการน้ำมันห่างจากเมืองเอนฟีลด์ (Enfield) ประมาณ 22 ไมล์ ตำรวจไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของมือปืน แต่พยานบอกกับสถานีข่าวท้องถิ่นว่าได้ยินเสียงปืนก่อนที่คนร้ายจะเสียชีวิต เบื้องต้นทราบว่ามือปืนรายนี้ตือ เกเบรียล เวิร์ทแมน (Gabriel Wortman) วัย 51 ปี มีอาชีพเป็นทันตแพทย์และมีความสัมพันธ์กับเหยื่อกราดยิงคนหนึ่ง ส่วนแรงจูงใจในการลงมือก็ยังไม่ชัดเจนเช่นกัน ตำรวจบอกว่าในตอนแรกเป็นการยิงแบบตั้งใจ จนกระทั่งคนร้ายเริ่มยิงไม่เลือกเมื่อเหตุการณ์บานปลาย คริส เลเธอร์ (Chris Leather) เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการสืบสวนคดีอาชญากรรมของตำรวจม้าแคนาดา ประจำมณฑลโนวาสโกเชียกล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นในคืนวันเสาร์เมื่อมีผู้แจ้งตำรวจส่าเกิดเหตุที่บ้านหลังหนึ่งเมื่อเดินทางถึงก็พบศพภายในและภายนอกบ้านพัก แต่ไม่มีพบผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามตัวคนร้ายซึ่งคาดว่าแต่งตัวอำพรางเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกำลังขับรถหลบหนีโดยเปบี่ยนรถยนต์ระหว่างทางด้วย แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุมคนร้ายก็ลงมือไม่หยุด โดยพบร่างผู้เสียชีวิตหลายพื้นที่และยังมีการวางเพลิงอาคารหลายแห่งด้วย จนกระทั่งคนร้ายไปจนมุมตำรวจที่สถานีบริการน้ำมันดังกล่าว หลังจากมือปืนเสียชีวิตแล้วมีการประเมินคร่าวๆ พบว่าผู้เสียชีวิตจากน้ำมือของชายคนนี้อาจมีมากว่า 10 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตัวเลขอาจสูงกกวา่นี้ “เรายังไม่ได้นับรอบสุดท้าย ยอด (คนตาย) เกิน 10 ราย ค่อนข้างจะแน่นอนมากกว่า 10 ราย” คริส เวเธอร์ โฆษกตำรวจกล่าวระหวา่งการแถลงข่าว ——————————————————…

ทำไมฟิลิปปินส์ถึงจับมือกับเวียดนามคัดง้างจีนในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้?

Loading

ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการระบาดของ COVID-19 แต่ความขัดแย้งพื้นที่ทะเลจีนใต้ก็ยังคุกรุ่นในหมู่ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และจีน โดยที่ฟิลิปปินส์ได้แสดงท่าทีเป็นแนวร่วมกับเวียดนามในข้อพิพาทครั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลจีนจับเรือหาปลาของเวียดนาม ทำให้นักวิจัยด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเอเชียวิเคราะห์ท่าทีของฟิลิปปินส์ที่ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากจีนเกี่ยวกับการต้านโรคระบาด ลูซิโอ บลังโก พิตโล ที่ 3 นักวิจัยด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเอเชียผู้ได้รับทุนจากมูลนิธิเอเชียแปซิฟิกพาร์ธเวย์ทูโปรเกรส วิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ข้อพิพาทพื้นที่ทะเลจีนใต้ระหว่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ กับจีน โดยระบุว่า ในขณะที่สถานการณ์โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้เกิดโรค COVID-19 จะทำให้เวียดนามพลาดท่าในการแสดงออกว่าคนเป็นเจ้าของเหนือทะเลจีนใต้ได้ในฐานะประธานประชาคมอาเซียนปีนี้ แต่ทว่าการที่ฟิลิปปินส์แสดงท่าทีเป็นพวกเดียวกับประชาคมอาเซียนและเปิดทางให้เวียดนามก็ดูมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าจะมีกรณี COVID-19 แต่กองทัพคุ้มกันชายฝั่งของจีนก็ก่อเหตุให้เกิดข้อพิพาทกรณีทะเลจีนใต้ปะทุอีกครั้งด้วยการจมเรือหาปลาของเวียดนามเมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้หลังจากนั้นทางฟิลิปปินส์ก็ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเวียดนามในฐานะเพื่อนบ้านเอเชียอาคเนย์ รวมถึงระบุว่าทางการฟิลิปปินส์จะใช้ความระมัดระวังในสถานการณ์เกี่ยวกับเรือประมงต่างชาติ แสดงออกว่าพวกเขาต้องการลดความสำคัญเรื่องการควบคุมพื้นที่น่านน้ำจากเรือหาปลาน้อยลง เวียดนามในปีนี้ได้รับผลกระทบจากการที่เดิมทีแล้วพวกเขามีแผนการจะอาศัยความเป็นประธานอาเซียนในปี 2563 เพื่อผลักดันวาระความเป็นเจ้าของพื้นที่น่านน้ำทะเลจีนใต้ และใช้อิทธิพลคัดง้างกับจีนซึ่งมักจะแทรกแซงการประมงและกิจการด้านพลังงานในพื้นที่พิพาทแห่งนี้ แต่การระบาดของ COVID-19 ก็ทำให้แผนการจัดงานต่างๆ ต้องถูกเลื่อนออกไป แต่ทว่าสถานการณ์การประมงน่านน้ำและการโต้ตอบจากจีนที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าความคุกรุ่นของความขัดแย้งทะเลจีนใต้นี้ยังคงอยู่แม้ในช่วงโรคระบาด ทั้งนี้ทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์ก็มีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับทะเลจีนตะวันออกมานานแล้ว เช่น ในกรณีปีที่ผ่านมาก็มีการจัดประชุมที่กรุงมะนิลา ที่ทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์ต่างก็เน้นย้ำความสำคัญของการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ, เสถียรภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงในการเดินทางทางเรือ รวมถึงเน้นย้ำเรื่องการแก้ไขข้อพิพาทจะต้องเป็นไปอย่างสันติโดยอาศัยกระบวนการทางการทูตและทางกฎหมาย ตามหลักการของกฎหมายนานาชาติต่างๆ โดยในการประชุมครั้งนั้นมีผู้นำระดับสูงหลายคนจากทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามเข้าร่วม ฟิลิปปินส์ยังส่งสัญญาณเป็นมิตรกับเวียดนามในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งจากการที่ส่งตัวแทนกระทรวงกลาโหมของตัวเองไปพบปะหารือกับฝ่ายกลาโหมของเวียดนามเพื่อหารือเรื่องเรือหาปลาจากเวียดนาม โดยบอกว่าพวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากับเรือหาปลาของเวียดนามอีกต่อไปแต่จะแนะนำให้เคลื่อนออกไปจากน่านน้ำของฟิลิปปินส์แทน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการท่าเรือของทั้งสองฝ่ายก็ทำการพบปะหารือกันหลายครั้งในช่วงปี 2562 และจะมีการพบปะกันอีกเป็นครั้งที่ 7…