เมื่อข่าวกรอง (Intelligence) ถูกทำให้เป็นการเมือง (Politicizing): อันตรายของประเทศ
https://www.npr.org/2020/07/01/885909588/trump-calls-bounty-report-a-hoax-despite-administration-s-briefing-of-congress Written by Kim รัฐบาลของประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯมีมาตรฐานการปฏิบัติต่อรายงานใด ๆ ที่เผยให้เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ประจบประแจงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ด้วยการตีตราว่ารายงานนั้นเป็น “ข่าวปลอม” การทำให้รายงานประมาณการข่าวกรองแห่งชาติ (national intelligence assessments) และการวิเคราะห์จากประชาคมข่าวกรองเป็น “การเมือง” (politicizing) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลทางลบอย่างมหาศาลและก่อให้เกิดความจริงทางเลือก (alternative facts) ที่ขัดแย้งไม่สำคัญทางการเมืองรวมทั้งการวิเคราะห์ฝ่ายเดียว ทั้งนี้ มีหน่วยงานพลเรือนของรัฐบาลกลางเพียงไม่กี่แห่งที่ไม่ถูกประธานาธิบดีทรัมป์และผู้จงรักภักดีทางการเมือง ป้ายสีว่าลำเอียงเข้าข้าง ทรยศหรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐพันลึก (Deep State)[1] ระหว่างการนำสหรัฐฯเข้าสู่หายนะของการรุกรานอิรักในปี 2003 รัฐบาลของประธานาธิบดีบุชประสบความสำเร็จอยู่บ้างในการคัดเลือกเฉพาะข่าวกรองที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง (casus belli) เพื่อเข้าทำสงคราม จากนั้นรองประธานาธิบดี Dick Cheney ได้แทรกแซงและจุ้นจ้านกับการวิเคราะห์ของสำนักงานข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency – CIA) โดยใช้การเมืองกดดันหน่วยข่าวกรองมืออาชีพฝ่ายพลเรือน โดยผลพวงของความขัดแย้งดังกล่าวยังคงรู้สึกได้จนถึงทุกวันนี้ รัฐบาลสหรัฐฯมักจัดลำดับความสำคัญและออกคำสั่งข่าวกรองแห่งชาติ (national intelligence directives) มอบหมายภารกิจให้หน่วยงานข่าวกรองรวบรวม วิเคราะห์ ประมาณการและแจกจ่ายรายงานข่าวกรองตามลำดับความสำคัญและวัตถุประสงค์ เมื่อใดที่รัฐบาลพยายามแสวงหาข่าวกรอง เพื่อสนับสนุนข้อกำหนดที่มีอยู่ก่อน (pre-existing preference) หรือความเชื่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผลที่เกิดขึ้นตามมาย่อมเลวร้ายเสมอ นี่คือแนวโน้มความแตกแยกที่ถูกตรวจสอบโดยข้าราชการพลเรือนที่ทำหน้าที่รับใช้ฝ่ายบริหารทุกระดับของรัฐบาล…