ทำความรู้จัก “พาสปอร์ตไทย” รุ่นที่ 3 ผ่านชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล ที่จะมาเล่าถึงพาสปอร์ตไทยรุ่นใหม่ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ เอกลักษณ์เฉพาะตัวแสดงความเป็นไทย ที่ผสานกับเทคโนโลยีและความปลอดภัย
หนังสือเดินทางใหม่หรือพาสปอร์ต รุ่นที่ 3 ซึ่งกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุด สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์แสดงถึงความเป็นไทย ตอกย้ำความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทุกคน
ชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เล่าว่า กระทรวงปฏิวัติการให้บริการเน้นเข้าถึงประชาชน และอำนวยความสะดวกกับประชาชน รับกับแนวนโยบายกระทรวงการต่างประเทศ ในการพัฒนางานกงสุลสู่ “Smart and Best Service” ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการบริการหนังสือเดินทางในโครงการ e-Passport ระยะที่ 3 ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาทิ การลดระยะเวลาที่ใช้ในการผลิตเล่มหนังสือเดินทางจาก 2 วัน เป็น 1 วัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับเล่มหนังสือเดินทางเร็วขึ้น
“สำหรับหนังสือเดินทางที่ได้การขยายอายุจาก 5 ปี เป็น 10 ปี และพาสปอร์ตสำหรับผู้บรรลุนิติภาวะที่ทุกคนรอคอยนั้น ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการแก้ไขระเบียบให้รองรับ และคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงปลายเดือน ส.ค.หรือ ก.ย.นี้” ชาตรี ระบุ
กระทรวงได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากรและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างสรรค์ออกแบบพาสปอร์ตใหม่ หวังพลิกโฉมทั้งในแง่ของคุณลักษณะด้านความปลอดภัยของหนังสือเดินทาง และความสวยงามด้วยอัตลักษณ์ของประเทศไทย โดยมีการพิมพ์ภาพสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย เปรียบได้เหมือนกับเป็นการเดินทางจากอดีตไปสู่ปัจจุบัน โดยภายในพาสปอร์ตมีภาพสถานที่สำคัญของในแต่ละยุคสมัย นับตั้งแต่ยุคสุโขทัยไปยังกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงยุคสมัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ส่วนรายละเอียดใหม่ๆ ที่มีเพิ่มขึ้นขึ้นในพาสปอร์ตใหม่ ประกอบด้วยหน้าแรกที่แสดงข้อมูลผู้ถือพาสปอร์ต ได้แก่ 1.ภาพใบหน้าผู้ถือพาสปอร์ตมีอยู่ 3 จุด 2.ลายเซ็นนูนสูง 3.ลายประจำยามศิลปะลวดลายไทยเป็นพื้นฐานภายในเล่มตั้งแต่หน้าแรกจนสุดท้าย เป็นภาพช้างน้อยไชโย ช้างน้อยชูงวงทักทายที่อยู่มุมซ้ายของกระดาษ เมื่อกรีดกระดาษเปิดหน้าพาสปอร์ตแบบเร็วจะปรากฏภาพช้างน้อยเคลื่อนไหวชูงวงและยกขาขึ้น
ขณะที่ด้านในพาสปอร์ตมีเฉดสีน้ำตาลเข้ม มีภาพประกอบสะท้อนความเป็นไทย ตั้งแต่หน้าแรกปกในพาสปอร์ตเป็นรูปวัดอรุณ จนถึงหน้าสุดท้ายปกหลังด้านในเป็นรูปยักษ์วัดแจ้ง และมีตราบัวแก้วอยู่ตรงกลางของกระดาษทุกหน้าของพาสปอร์ต
พาสปอร์ตไทยได้มาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) แม้จะมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น กระทรวงก็ไม่ได้ละเลยเรื่องความปลอดภัย โดยให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล ตามมาตรฐานสากล ISO27001 จึงขอให้มั่นใจว่าข้อมูลของประชาชนไทยได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ตามมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
พาสปอร์ตนี้จัดทำขึ้นเพื่อคนไทยทุกคน สำหรับผู้พิการทางสายตาจะติดแผ่นใสพิมพ์อักษรเบรลล์ในพาสปอร์ตแก่ผู้สูญเสียการมองเห็น อยู่ด้านในปกพาสปอร์ตอีกด้วย
กระทรวงยังเพิ่มทางเลือกในการชำระค่าธรรมเนียมด้วย QR code บัตรเครดิตและเดบิต ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในปัจจุบัน อีกทั้งมีแผนจะติดตั้งเครื่องรับคำร้องหนังสือเดินทางด้วยตนเองเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในช่วงหลังเวลาราชการ
ส่วนบริการประชาชน กระทรวงมุ่งมั่นจะขยายการบริการหนังสือเดินทางและงานกงสุลอื่นๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทรวงมีสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้ง 4 สาขา ได้แก่ ปิ่นเกล้า บางนา ศูนย์บริการการไปทำงานต่างประเทศ (กระทรวงแรงงาน) ศูนย์ราชการอาคารเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร B) และต่างจังหวัดทั้ง 14 สาขา ได้แก่ เชียงใหม่ สงขลา ขอนแก่น อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ยะลา พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี ภูเก็ต จันทบุรี เชียงราย และพัทยา
ในปีนี้ กระทรวงมีแผนจะเปิดสำนักงานหนังสือเดินทางอีก 7 แห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักงานหนังสือเดินทางฯ ปทุมวัน ซึ่ง ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นประธานเปิดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ตั้งอยู่ชั้น 5 ศูนย์การค้ามาบุญครอง (MBK Center) โดยตัดสินใจให้กิจการค้าร่วม DGM ติดตั้งจุดรับคำร้องถึง 50 บูธ รองรับจำนวนผู้รับบริการได้สูงสุดถึงวันละ 1,500 คน และเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังได้เปิดสำนักงานหนังสือเดินทางฯ บางใหญ่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ชั้น G โซนสีเขียว
นอกจากนี้ ภายในปลายปีนี้กระทรวงจะติดตั้งเครื่องรับคำร้องหนังสือเดินทางด้วยตนเองเพิ่มเติม และมีแผนงานจะเปิดให้บริการรับรองนิติกรณ์เอกสารด้วย ในลักษณะการให้บริการครบวงจร
ในตอนท้าย อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า ในภาพรวมการให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และประชาชนให้ความสนใจและเดินทางมายื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางอย่างต่อเนื่องทุกสำนักงาน แม้ว่าช่วงนี้ยังมีข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศก็ตาม คาดว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง และการเดินทางระหว่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ ความต้องการในการทำหนังสือเดินทางจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงและกิจการค้าร่วม DGM ก็พร้อมที่จะให้บริการและผลิตหนังสือเดินทางอย่างเต็มศักยภาพต่อไป
——————————————————
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / 8 สิงหาคม 2563
Link : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/892804