การประมาณการและพยากรณ์ในงานข่าวกรอง: แยกแยะ “สัญญาณ” และ “สิ่งรบกวน” (ตอนที่ 3)

Loading

  ที่มาภาพ: https://www.nytimes.com/2012/10/24/books/nate-silvers-signal-and-the-noise-examines-predictions.html Written by Kim  ข้อเสนอประการที่สาม หนึ่งในความสำคัญลำดับต้น ๆ คือ การมุ่งเน้นความพยายามในการรวบรวมข่าวกรอง (intelligence collection effort) ควรได้รับการเน้นย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า หากช่องว่างระหว่างการวิเคราะห์บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือ ทันสมัย แม่นยำและการประมาณการบนพื้นฐานของการคาดคะเน (speculation) ด้วยข้อมูลที่อาจไม่น่าเชื่อถือน้อยลงเท่าใด ความเป็นไปได้ของการคาดการณ์จะมีความแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่เป็นไปได้ควรวางภาระไว้ที่ผู้รวบรวม (บุคคลากรที่ทำงานในระบบรวบรวม) ซึ่งจัดเตรียมข้อมูลดิบที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์เพื่อปิดช่องว่าง           แน่นอนว่ามีอันตรายแอบแฝงจำนวนมาก ระบบ (ปฏิบัติการ) รวบรวมมีความสามารถเพียงเล็กน้อยในการจำแนกความแตกต่างระหว่าง “ข้อมูลที่ตรงประเด็นและไม่ตรงประเด็น (relevant and not-relevant data)” ระหว่าง “เสียงรบกวน (noise)” และ “สัญญาณ (signal)”[1] การกรองข้อมูลที่เข้ามายังคงเป็นความรับผิดชอบนักวิเคราะห์ข่าวกรองเสมอ ภาพแคปจากไทยรัฐออนไลน์ ตัวอย่างการวิเคราะห์ข่าวกรองหรือการประมาณการข่าวกรองด้วยการแยกแยะ “สัญญาณ” และ “สิ่งรบกวน” ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในไทย คือ พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (ฉบับออนไลน์) เมื่อ 3 กันยายน 2563 เรื่อง จับสัญญาณ “ปฏิวัติ” ปฏิบัติการ “ลับ” ทบ.เคลื่อนพลฝึกซ้อม-พร้อมรบ เพื่อเรียความสนใจของ “ผู้บริโภค” ข่าวสาร[2] แต่ในฐานะนักวิเคราะห์มีความจำเป็นที่จะต้องแยกแยะสองสิ่งดังกล่าวซึ่งมีผลต่อการประมาณการที่ถูกต้อง แม่นยำ          ประการที่สี่หนทางปฏิบัติสุดท้าย ควรทำให้ระบบการรวบรวมข่าวกรองและนักวิเคราะห์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด (close ties…

การประมาณการและพยากรณ์ในงานข่าวกรอง: เด็กชายจากโคเปนเฮเกน (ตอนที่ 2)

Loading

ที่มาภาพ: captured at: https://www.youtube.com/watch?v=GBKXTx45yGE Written by Kim บทความตอนที่แล้วได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่าง “หมอดู” กับ “นักวิเคราะห์ข่าวกรอง” ในตอนนี้เราจะอภิปรายถึงการดำเนินหนทางปฏิบัติสำคัญ 4 แนวทาง เพื่อตอบสนองความต้องการที่จำเป็นของประชาคมข่าวกรองและผู้ที่พึ่งพาอาศัยการประมาณการให้ดียิ่งขึ้น ประการแรก ควรมีการจัดตั้งองค์การข่าวกรองที่ครอบคลุมเบ็ดเสร็จ (Comprehensive intelligence organizations) เพื่อบูรณาการการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการวิเคราะห์ ระบบแยกส่วนโดยมีหน่วยงานรับผิดชอบเฉพาะเรื่อง เช่น หน่วยงานหนึ่งจัดเตรียมประเด็นทางการเมืองเท่านั้น อีกหน่วยเตรียมการทางทหารและยังมีหน่วยวิเคราะห์ทางสังคม – เศรษฐกิจ จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการสังเคราะห์รายงานอย่างเป็นอิสระ ผลผลิตของระบบที่แยกจากกันเป็นการรวบรวมรายงานเป็นตอน ๆ อาจไม่มีการวางแผนหรือมุ่งเน้นแง่มุมด้านใดด้านหนึ่งมากเกินจริง[1] สถานการณ์อันตรายไม่แพ้กันที่ดำรงอยู่ เมื่อไม่มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่สังเคราะห์รายงานวิเคราะห์อิสระของสำนักงานต่าง ๆ ให้ดีเพียงฉบับเดียว แต่ละหน่วยงานต่างรายงานการคาดทำนายของตนไปยังผู้ตัดสินใจโดยตรง ปัญหาคือ อุปมาเหมือนคนป่วยไข้ไม่สบายแยกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เช่น ประสาทวิทยา หัวใจ กระดูก แพทย์แต่ละคนก็ตรวจรักษาและวินิจฉัยซึ่งทำให้ผู้ป่วยเกิดความงงงวย ในการตัดสินใจเลือกการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา ประการที่สอง คัดเลือกนักวิเคราะห์ข่าวกรองทุกระดับด้วยความรอบคอบ (very carefully selected at all echelon) เนื่องจากองค์ประกอบของความไม่แน่นอนสูง จึงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้นักวิเคราะห์ที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและเห็นคุณค่าความเป็นไปได้ที่มีนัยสำคัญของพัฒนาการใหม่ นักวิเคราะห์ข่าวกรองจะต้องสามารถเปลี่ยนการวิเคราะห์ครั้งก่อนอย่างรวดเร็วเมื่อข้อมูลบ่งชี้ถึงความจำเป็น หากปราศจากคุณภาพที่จำเป็นของความยืดหยุ่นในการวิเคราะห์ ชะตากรรมของนักวิเคราะห์จะถูกชี้ด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเป็นคำถามของเวลาและโอกาส…

การประมาณการและพยากรณ์ในงานข่าวกรอง: “หมอดู” กับ “นักวิเคราะห์ข่าวกรอง” (ตอนที่ 1)

Loading

ที่มาภาพ: https://www.bangkokpost.com/life/social-and-lifestyle/1823259/your-horoscope-for-27-dec-2-jan Written by Kim ในอดีตกาลที่ผ่านมา “กษัตริย์” และ “นายพล” มักจะไปหารือขอคำแนะนำจากนักดาราศาสตร์หรือโหราจารย์ (หมอดู) ก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญ เช่น การทำสงครามหรือออกรบ ซึ่งเป็นความพยายามแก้ไขปัญหาแบบเก่าภายใต้เงื่อนไขความไม่แน่นอน แม้พวกเราหลายคนยังคงอ่านคำพยากรณ์รายวันเพื่อความสนุกและบันเทิงหรือไปหาหมอดู (ดูหมอ) แต่รัฐบาลในยุคสมัยใหม่แทบจะไม่ต้องพึ่งพาวิธีการ “ปรึกษา” แบบโบราณ           ปัจจุบันผู้มีอาชีพเกี่ยวกับการข่าวกรองได้สืบทอดบทบาทของบุคคลลึกลับเหล่านั้น ยกเว้นผู้ที่ถูกเรียกว่า นายทหารฝ่ายเสนาธิการ (staff officers) หรือข้าราชการพลเรือน (civil servants) แม้พวกเขาทำหน้าที่เป็นมือขวาของผู้มีอำนาจตัดสินใจ ทั้งนี้ ความพยายามใด ๆ ที่จะบรรยายรายละเอียดเชิงเปรียบเทียบระหว่าง “นักวิเคราะห์” และ “หมอดู” จะเปิดเผยให้เห็นมนุษย์สองจำพวกที่แตกต่างกัน           ผู้มีอาชีพด้านการข่าวกรองไม่เคยอ้างตนว่าสามารถทำนายอนาคตได้ แม้จะมีความลับรายล้อมอยู่รอบตัวอย่างสม่ำเสมอ งานข่าวกรองเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมาแบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งตอบสนองความจำเป็นที่แตกต่างในการวิเคราะห์ งานข่าวกรองมีขีดความสามารถและความได้เปรียบอันเป็นที่เข้าใจและใช้ประโยชน์ได้ ขณะเดียวกันควรตระหนักถึงข้อจำกัด ผู้มีอำนาจตัดสินใจทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ต้องแบ่งปันความรับผิดชอบกับนักวิเคราะห์ข่าวกรองในกรณีที่ตัดสินใจแย่ ๆ บนพื้นฐานของการประมาณการแบบคาดเดา           บทความนี้[1]จะพูดถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างข่าวกรองกับ “ลูกค้า (clients)” หรือ “ผู้ตัดสินใจ” ที่อาจนำไปสู่การทำงานที่มีการบูรณาการเป็นอย่างดีและความพึงพอใจมากขึ้น ลักษณะพิเศษของนักวิเคราะห์ข่าวกรอง (The Special Traits of…

สงครามเทคโนโลยี จุดเปลี่ยนเกม ‘หยวน-ดอลลาร์’

Loading

ภายหลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากจากพิษไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐติดลบอย่างหนัก ก็เริ่มมีการพูดกันว่า ดอลลาร์สหรัฐกำลังสูญเสียความเป็นเจ้าแห่งทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกนิยมซื้อเข้าเก็บเป็นทุนสำรองต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ในเวลานี้ยังไม่มีเงินสกุลอื่นเป็นทางเลือกมาทดแทนดอลลาร์สหรัฐ” เพราะคู่แข่งขันที่ใกล้เคียงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น “หยวน” ของจีน หรือ “ยูโร” ก็ยังห่างชั้นจากดอลลาร์สหรัฐมาก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเงินหยวนของจีนกำลังมีความสำคัญเพิ่มขึ้นทั้งในการค้าโลก และในทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะอิทธิพลเศรษฐกิจจีนกำลังเพิ่มขึ้นนั่นเอง ธนาคารดีบีเอสของสิงคโปร์ระบุว่า ปัจจุบันเงินหยวนอยู่อันดับ 6 ในฐานะสกุลเงินที่ทั่วโลกนิยมใช้ชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศ ขณะที่จีนใช้เงินหยวนชำระประมาณ 20% ของการค้าทั้งหมดของจีน ทั้งนี้ กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ก็เป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของจีน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้จีนเพิ่มการใช้เงินหยวนข้ามแดน “ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐที่ลามไปถึงภาคเทคโนโลยีและการเงิน จุดประกายรอบใหม่ให้จีนผลักดันเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสากล” ดีบีเอสระบุ ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) “เงินหยวน” มีส่วนแบ่งในทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1% ในปี ค.ศ. 2016 เป็น 2% ในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน เงินหยวนก็แข็งค่าอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น วันอังคารที่ 1 กันยายน เงินหยวนออนชอร์แข็งค่ามากสุดในรอบเกือบ 16 เดือน ไปอยู่ที่…

‘อินเดีย’ ปิดประตูยักษ์เทคจีน ขยายปมพิพาท ‘พรมแดน’

Loading

ไม่มีทีท่าจะยุติลงโดยง่าย สำหรับความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลอินเดียและจีน หลังจากที่เกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหาร 2 ฝ่ายในพื้นที่พิพาทแนวพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยมาเป็นระยะนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และหนึ่งในวิธีหรือมาตรการ ที่รัฐบาลอินเดียใช้ตอบโต้มหาอำนาจอย่างจีน คือ การแบนแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนที่กำลังขยายอิทธิพลอยู่ในอินเดีย รวมทั้งการออกกฎหมายควบคุมการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากจีนเพิ่มมากขึ้น ไฟแนนซ์เชียลไทมส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ประกาศห้ามการใช้งานและให้บริการแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนเพิ่มขึ้นรวมเป็น 118 แอปพลิเคชั่น โดยระบุว่า แอปพลิเคชั่นเหล่านั้นมีการขโมยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานชาวอินเดียไปยังเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็น “ภัยต่อความมั่นคงของชาติและการป้องกันประเทศของอินเดีย” คำสั่งแบนแอปพลิเคชั่นจีนครั้งนี้จะมีผลต่อแอปพลิเคชั่นชื่อดังที่ชาวอินเดียนิยมใช้งานหลายตัวเช่น แอปพลิเคชั่นเกมยอดนิยม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของวัยรุ่นอินเดียอย่าง “พับจี โมบาย” (PUBG Mobile) ของบริษัท เทนเซนต์ (Tecent) ไปจนถึงแอปพลิเคชั่นออกเดต “ถานถาน” (Tantan) ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นแอปฯทินเดอร์จีน รวมถึงแอปพลิเคชั่นแต่งภาพอย่าง “เหม่ยตู้” (Meitu) อินเดียนับว่าเป็นหนึ่งในตลาดผู้ใช้บริการขนาดใหญ่ของหลายแอปพลิเคชั่น จากจำนวนประชากรมหาศาลของอินเดีย โดยการประกาศแบนแอปพลิเคชั่น ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายแอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้บริการชาวอินเดียจำนวนมาก รวมถึง “อาลีเพย์” (Alipay) แอปพลิเคชั่นธุรกรรมทางการเงินของ “อาลีบาบา” และเสิร์ชเอนจิ้น “ไป่ตู้” (Baidu) ที่ได้รับนิยมอย่างสูงในอินเดีย การแบนแอปพลิเคชั่นจีนของรัฐบาลอินเดียครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างกองกำลังทหารของทั้ง 2 ประเทศบริเวณพื้นที่พรมแดนลาดักห์ ในวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอินเดียระบุว่า การเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารของจีนเป็นการยั่วยุและคุกคาม ขณะที่รัฐบาลจีนก็กล่าวหาว่า กองกำลังทหารของอินเดียได้เข้ายึดครองพื้นที่สูงซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจีนระบุว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดพื้นที่พิพาทในส่วนที่จีนอ้างสิทธิ์ และเรียกร้องให้อินเดียถอนกองกำลังทหารดังกล่าวออกจากพื้นที่ในทันที ทั้งนี้ การเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังทหาร 2 ชาติมีมาเป็นระยะ ต่อเนื่องมาตั้งแต่การปะทะกันครั้งแรกในรอบหลายสิบปีบริเวณหุบเขากัลวาน…

ภาพดาวเทียมเผย เกาหลีเหนือเตรียมยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ

Loading

สถาบันวิจัยสหรัฐเผยภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ในสหรัฐ เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณอู่ต่อเรือซินโปที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเรือหลายลำเทียบท่าอยู่ โดยหนึ่งในนั้นคล้ายกับเรือที่เกาหลีเหนือเคยใช้ลากเรือท้องแบนติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธลงทะเลก่อนหน้านี้ CSIS คาดว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธรุ่น พุกกุกซอง-3 (Pukguksong-3) ซึ่งยิงจากเรือดำน้ำ (SLBM) เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธพุกกุกซอง-3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขจัดภัยคุกคามจากภายนอก ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการยั่วยุที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เกาหลีเหนือเจรจายุติโครงการนิวเคลียร์กับสหรัฐในปี 2018 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อู่ต่อเรือซินโปเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการจัดพิธีสวนสนามในเดือนหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่ามีขึ้นเพื่อโชว์ขีปนาวุธใหม่อย่างที่เกาหลีเหนือเคยทำก่อนหน้านี้ อู่ต่อเรือซินโป อู่ต่อเรือซินโป เรือดำน้ำคลาสโรมิโอ 2 ลำ จอดในฐานทัพเรือมายางโด —————————————————- ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / 5 กันยายน 2563 Link : https://www.posttoday.com/world/632275