ศาลคุกพ่อลูกเวียดนามข้อหาก่อการร้ายวางระเบิดสถานีตำรวจนครโฮจิมินห์

Loading

เอเอฟพี – ศาลนครโฮจิมินห์ตัดสินจำคุกจำเลย 20 คน รวมทั้งพ่อลูกคู่หนึ่ง จากเหตุวางระเบิดสถานีตำรวจที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน สื่อทางการรายงานวันนี้ (22) เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหตุการณ์การโจมตีในเดือน มิ.ย.2561 ดำเนินการโดย ‘ผู้ก่อการร้าย’ ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มชาวเวียดนามในแคนาดาที่พยายามจะโค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เหวียน แค็งห์ ผู้ควบคุมการโจมตี ถูกตัดสินจำคุกนาน 24 ปี ในข้อหาก่อการร้ายต่อฝ่ายบริหารประชาชน และจากการผลิต จัดเก็บ และค้าวัตถุระเบิดอย่างผิดกฎหมาย เหวียน เติ่น แถ่ง ลูกชายของเหวียน แค็งห์ ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ในขณะที่ผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 18 คน ได้รับโทษจำคุกระหว่าง 2 ปี ถึง 18 ปี แค็งห์ถูกตั้งข้อหาให้วัตถุระเบิดกับผู้สมรู้ร่วมคิด 2 คน ที่จุดชนวนระเบิดบนรถจักรยานยนต์หน้าสถานีตำรวจชานนครโฮจิมินห์ โดยแรงระเบิดทำให้กระจกของอาคารแตกเสียหาย โดยอาคารหลังดังกล่าวอยู่ใกล้กับจุดที่มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายเศรษฐกิจเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย และพ่อครัวได้รับบาดเจ็บ การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นหลายจุดทั่วเวียดนามเพื่อต่อต้านร่างกฎหมายว่าด้วยเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะอนุญาตให้นักลงทุนเช่าที่ได้นานถึง…

ประกายไฟลุกพรึบ! เครื่องบินรอง ปธน.สหรัฐฯ มีเสียว ชนนกขณะเทกออฟ

Loading

เครื่องบินของรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (22 ก.ย.) เกิดชนนกระหว่างขึ้นบินจากท่าอากาศยานในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ส่งผลให้นักบินต้องพาเครื่องบินวนกลับมาลงจอดที่เดิมแบบที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว รายงานข่าวระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ เพนซ์ กำลังบินจากท่าอากาศยานภูมิภาคแมนเชสเตอร์-บอสตัน (Manchester-Boston Regional Airport) ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ กลับสู่วอชิงตัน หลังเดินทางไปร่วมกิจกรรมหาเสียงหนึ่งนิวแฮมป์เชียร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยว่า ตอนที่เครื่องบินแอร์ฟอร์ซ 2 ขึ้นบินจากสนามบินภูมิภาคแมนเชสเตอร์-บอสตัน มันเกิดชนนก อย่างไรก็ตาม รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคณะทำงานไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆ ท้ายที่สุดแล้ว เพนซ์ ต้องบินกลับวอชิงตันด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้า ที่หน่วยสืบราชการลับใช้สำหรับลำเลียงยานพาหนะของเขาเอง ภาพวิดีโอของการเทกออฟที่บันทึกไว้ได้โดย Daniel Cerritos และ MHT Aviation พบเห็นนกชนเครื่องบิน หลังจากเครื่องบินเทกออฟได้ราวๆ 7 วินาที ทำให้เครื่องบินต้องหันหัวกลับไปยังท่าอากาศยานต้นทาง —————————————————- ที่มา : MGR Online / 23 กันยายน 2563 Link : https://mgronline.com/around/detail/9630000097348

อึ้ง นักโทษประหารชาวจีนแหกคุกอินโดฯ ขุดอุโมงค์มุดท่อระบายน้ำ หนีลอยนวล

Loading

พ่อค้ายาเสพติดชาวจีน ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตที่อินโดนีเซีย ก่อเหตุแหกคุก ด้วยการขุดอุโมงค์ผ่านระบบท่อระบายน้ำ แล้วหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายไช่ ฉางพาน หรือ ไช่ จื่อฟาน ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำในเขตตังเกอรัง ของจังหวัดบันเติน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย จากความผิดฐานลักลอบขนยาไอซ์จำนวน 135 กก. ก่อนตำรวจจะพบยาบ้าอีก 70 กก. ซ่อนในเครื่องทำความสะอาดเล้าไก่ และถูกตัดสินประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา นายไช่ก่อเหตุขุดอุโมงค์ภายในห้องขังของตัวเองเข้าสู่ท่อระบายของเสีย ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนนอกเรือนจำ แล้วหลบหนีออกไปได้อย่างลอยนวล นายยูสรี ยูนุส โฆษกสำนักงานตำรวจกรุงจาการ์ตา เผยว่า ผลการสอบสวนเพื่อนร่วมห้องขังของนายไช่ ทำให้รู้ว่าชายชาวจีนคนนี้วางแผนจะหลบหนีมานาน 5-6 เดือนแล้ว โดยขุดอุโมงค์ด้วยอุปกรณ์ ซึ่งกำลังถูกใช้ในการก่อสร้างห้องครัวของเรือนจำ ด้าน นางริกา อาเปรียนติ โฆษกหญิงของคณะกรรมการทัณฑสถานอินโดนีเซีย กล่าวว่า นายไช่เลือกหลบหนีในเวลาที่เจ้าหน้าที่เรือนจำเปลี่ยนกะการทำงาน ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายไช่แหกคุก โดยในปี 2560 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เขาถูกตัดสินประหารชีวิต เขาหลบหนีออกจากทัณฑสถานของตำรวจในกรุงจาการ์ตา ด้วยการเจาะรูบนเกาะแพงห้องอาบน้ำ และการหลบหนีครั้งสุดนี้ ทำให้…

19 ปี หลังวินาศกรรม 9/11: อัล-ไคดายังคงเป็นภัยคุกคาม

Loading

ที่มาภาพ: https://www.history.com/topics/21st-century/9-11-timeline?li_source=LI&li_medium=m2m-rcw-history Written by Kim 19 ปี หลังการก่อวินาศกรรม 9/11 อัล-ไคดาได้วิวัฒนาการไปจากเดิมอย่างมาก แม้การวางแผนโจมตีในประเทศตะวันตกลดลง แต่ยังคงสามารถทำสงคราม (กลางเมือง) ยืดเยื้อและก่อความไม่สงบในรัฐที่อ่อนแอ กลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินงานแบบเดียวกัน (Franchise groups) และพันธมิตรในเยเมน ซีเรีย โซมาเลียและที่อื่น ๆ อาจมีความแตกต่าง แต่อัล-ไคดายังคงยืดหยุ่นและมุ่งมั่นในการญิฮาดระดับโลก ด้วยการรุกคืบเข้าหาประชาชนระดับรากหญ้าในท้องถิ่น โดยปล่อยให้รัฐอิสลาม (IS) ทนทุกข์กับความพยายามต่อต้านการก่อการร้ายของตะวันตก อย่างไรก็ตาม  การดำเนินนโยบายแข่งขันเพื่อครองความเป็นเจ้าโลก (hegemony) ของสหรัฐฯ จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังโดยไม่ละเลยการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในรัฐที่อ่อนแอและพื้นที่ที่ไร้การปกครอง[1]           เกือบสองทศวรรษหลังการโจมตีสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยายน 2001 อัล-ไคดาได้วิวัฒนาการจากกลุ่มก่อการร้ายที่นำโดยโอซามา บินลาดิน มานำโดยอัยมาน อัลซาวาฮิรี ผู้นำอันดับสอง ขณะที่ สหรัฐฯโดย Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเมื่อมีนาคม 2020 ว่า “อัล-ไคดาเป็นเพียงเงาของตัวตนในอดีต” แม้ผู้นำหลายคนถูกสังหารหรือถูกจับกุม แต่ยังคงเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และยืดหยุ่นรวมทั้งเป็นกรณีศึกษาการก่อการร้าย อัล-ไคดาโอ้อวดว่ามีสมาชิก 30,000 – 40,000 คนทั่วโลกและมีส่วนร่วมในความขัดแย้งตั้งแต่เขต Levant[2] ไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้           กลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินการแบบเดียวกันเช่น อัล-ไคดาในคาบสมุทรอาหรับ (AQAP) ในเยเมน Hurras al-Din ในซีเรียและกลุ่มพันธมิตรในแอฟริกาตะวันตก โซมาเลีย ฟิลิปปินส์และอนุทวีปอินเดีย…

TikTok คงจะต้องลาก่อน: เกี่ยวอะไรกับความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

TikTok to launch court action over Donald Trump’s crackdown ที่มาภาพ: https://www.theguardian.com/technology/2020/aug/23/tiktok-to-launch-court-action-over-donald-trumps-crackdown “สังคมที่เปิดกว้างจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุดในอนาคต ประเทศที่เศรษฐกิจเปิดกว้างให้ความสำคัญกับผู้หญิงและสร้างพื้นที่ให้ผู้ประกอบการคือ ประเทศที่จะเติบโตรวดเร็วที่สุด….ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าเป็นพวกบ้าอำนาจในศตวรรษที่ 21 เพราะความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตขึ้นอยู่กับการมอบพลังให้ผู้คน Alec J. Ross” Written by Kim ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯกับจีนขยายตัวไปสู่สังคมออนไลน์ (social media) เมื่อประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารโดยมุ่งเป้าที่แอปยอดนิยม TikTok[1] จังหวะเวลาของคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมืองและการปกป้องทางการค้า แต่ TikTok ก็เหมือนบริษัทสื่อสังคมอื่น ๆ ที่เก็บเกี่ยวข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แม้ข้ออ้างของรัฐบาลทรัมป์ไม่ตรงประเด็น แต่ TikTok ก็ไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การแพร่ขยายข้อมูลบิดเบือน (disinformation) และความเป็นไปได้ที่จีนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจกลั่นกรองเนื้อหาในแอป TikTok เป็นประเด็นที่น่ากังวลมากที่สุด[2]           เมื่อต้นสิงหาคม 2020 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อควบคุม TikTok สื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังเติบโตเจ้าของคือ ByteDance ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน ซึ่งให้บริการแอปพลิเคชันทำคลิปวิดีโอสั้น ขณะที่คำสั่งของทรัมป์อ้างความชอบธรรมด้านความมั่นคงในการจัดการกับ TikTok แต่ก็มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวมีอันตรายที่ชัดเจนต่อผลประโยชน์แห่งชาติด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 45 วันนับจาก 6 สิงหาคม 2020 นอกจากห้ามแบ่งปันแอปพลิเคชันวิดิโอบนมือถือ ยังห้ามการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในสหรัฐฯและ TikTok ด้วย การห้าม TikTok เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Microsoft กำลังเจรจาเพื่อซื้อ TikTok และด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะได้ประโยชน์ที่สำคัญในการเจรจาต่อรอง การห้ามใช้ TikTok ในสหรัฐฯซึ่งมีการดาวน์โหลดมากกว่า 175 ล้านครั้งจะส่งผลกระทบอย่างเป็นสำคัญต่อรายได้ของ ByteDance เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของ TikTok มาจากการโฆษณา สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ – จีนเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับที่ Facebook ปั่นกระแส Instagram Reels แอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอ “ความบันเทิงสั้น” เมื่อ 5…

สหรัฐสกัดจดหมายใส่สารพิษ’ไรซิน’ส่งถึง’ทรัมป์’

Loading

สื่ออเมริกันรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐสกัดจดหมายฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าซองถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามที่อยู่ของทำเนียบขาว หลังผลการตรวจสอบยืนยันว่าจดหมายดังกล่าวมีสารพิษไรซินที่ได้จากเมล็ดละหุ่ง รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองพบจดหมายฉบับนี้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่คลังพัสดุชานกรุงวอชิงตัน และไม่ได้ส่งจดหมายนี้ไปทำเนียบขาว นิวยอร์กไทม์รายงานว่าจดหมายฉบับนี้ส่งมาจากแคนาดา ส่วนซีเอ็นเอ็นเผยว่า มีการทดสอบสารที่อยู่ในจดหมายฉบับนี้หลายครั้งและยืนยันว่าเป็นสารพิษจากเมล็ดละหุ่ง คำแถลงของสำนักสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ในกรุงวอชิงตัน บอกว่า เอฟบีไอ, หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐ และสำนักตรวจสอบไปรษณีย์ของสหรัฐ กำลังสอบสวนจดหมายต้องสงสัยที่ส่งมาที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ และยืนยันว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ได้คุกคามต่อความปลอดภัยสาธารณะ ทั้งนี้ สารพิษจากเมล็ดละหุ่งเป็นสารพิษอันตรายร้ายแรง ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่นาที ถ้ากลืน, สูดดมหรือฉีดเข้าไปในร่างกาย สารพิษนี้จะทำให้อวัยวะล้มเหลว และยังไม่มียาแก้พิษ ————————————————— ที่มา : ไทยโพสต์ / 20 กันยายน 2563 Link : https://www.thaipost.net/main/detail/78067