หลายรัฐในอเมริกาเริ่มใช้แอปโทรศัพท์มือถือให้ข้อมูลการเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ

Loading

Covid19 App เกือบหนึ่งปีตั้งแต่เริ่มการระบาดของโควิด -19 และหลังจากที่มีบางประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ อิสราเอล และตุรกี ใช้แอปเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโรคดังกล่าว ขณะนี้หลายรัฐในสหรัฐฯ เริ่มสนใจใช้ประโยชน์จากแอปในโทรศัพท์มือถือเช่นกัน ในหลายประเทศ กระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานผู้รับผิดชอบในระดับชาติมักเป็นผู้จัดทำแอปเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ในสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลกลางไม่มีแผนงานดังกล่าว เรื่องนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ละรัฐเพื่อจัดทำแอปใช้งานในรัฐของตนโดยเฉพาะ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาหรือลักษณะของแอปนี้อาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเทคโนโลยีที่ใช้ก็มาจากสองแหล่งใหญ่ คือ Apple กับ Google นั่นเอง โดยเป้าหมายหลักคือการใช้เทคโนโลยีช่วยแจ้งให้ประชาชนทราบอย่างรวดเร็วว่าตนเคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อหรือไม่ และเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถติดตามเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว และขณะที่แอปในประเทศจีน เกาหลีใต้ อิสราเอล กับตุรกี อาศัยการระบุตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคล เพื่อช่วยให้ทราบว่าใครเคยเข้าใกล้ผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 หรือไม่นั้น ลักษณะของแอปที่ใช้ในอเมริกาจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น ๆ ที่ผู้ใช้แอปได้เข้าใกล้ รวมทั้งระยะเวลาที่อยู่ใกล้ โดยข้อมูลในลักษณะที่เรียกว่า “digital handshake” หรือการตรวจจับสัญญาณระหว่างโทรศัพท์ซึ่งกันและกันนี้ จะถูกเก็บไว้เฉพาะในโทรศัพท์ของเจ้าของแอปเท่านั้น และวิธีดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่มีผลเลือดเป็นบวก เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะให้โค้ดพิเศษแก่ผู้ที่เคยได้รับเชื้อให้ใส่ลงในแอปเพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่ใกล้ ถึงแม้ Apple กับ Google จะตั้งเงื่อนไขว่าจะยอมให้นำเทคโนโลยีของตนไปใช้ หากแอปติดตามโควิด-19 นี้ไม่ระบุตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น หรือข้อมูลเฉพาะด้านอื่นก็ตาม แต่คำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวก็ยังคงมีอยู่ เพราะมีความกังวลว่าแอปเหล่านี้อาจเก็บข้อมูลมากกว่าที่ผู้ใช้ทราบหรือยอมรับ…

การก่อการร้ายแบบผสานสองโลก (O2O): แผนลับคืนชีพรัฐอิสลาม (Islamic state) ในโลกเสมือนจริง (ตอนที่ 5)

Loading

ที่มาภาพ: https://www.wired.co.uk/article/isis-digital-backup Written by Kim แม้กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State-IS) สูญเสียพื้นที่ยึดครองทางภูมิศาสตร์ในซีเรียและอิรักจากการปราบปรามของสหรัฐฯและพันธมิตรทีละแห่งระหว่างปี 2017 – 2018 แต่ในโลกเสมือน (online) พวกเขายังคงสามารถให้ “บริการ” ด้านต่าง ๆ ต่อไปในเขตอาณา (ดินแดน) ทางดิจิทัล เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ สนับสนุนช่วยฝึกสอนการก่อการร้ายแก่ผู้คนทั่วโลกที่คิดว่าตัวเองเป็นพลเมืองของ IS การตรวจพบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของ IS ในโลกออนไลน์แสดงให้เห็นความยืดหยุ่น (resilience) และการวางแผนปรับตัววิวัฒนาการไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยทิ้งอดีตที่สูญเสียอย่างยับเยินอยู่เบื้องหลังเพื่อเตรียมฟื้นคืนชีพในโลกเสมือน สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อ 3 กันยายน 2020 ว่า นักวิจัยของสถาบันการเสวนาทางยุทธศาสตร์ (Institute of Strategic Dialogue-ISD) ตรวจพบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลามในโลกเสมือน ห้องสมุดดิจิตอลดังกล่าวรวบรวมเอกสารมากกว่า 90,000 รายการและมีผู้เข้าเยี่ยมชมเดือนละ 10,000 ราย[1] ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าคลังข้อมูลดังกล่าวช่วยเติมเต็มเนื้อหารุนแรงสุดโต่งบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งยากต่อการรื้อทิ้ง เนื่องจากข้อมูลไม่ได้ถูกจัดเก็บในที่เดียวกัน แม้หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายในอังกฤษและสหรัฐฯได้รับการแจ้งเตือน แต่คลังข้อมูลดังกล่าวยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น           คลังข้อมูลของ IS ถูกค้นพบหลังการเสียชีวิตของ Abu Bakr al-Baghdadi ผู้นำ IS เมื่อตุลาคม 2019 ขณะนั้นสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากที่สนับสนุน IS โพสต์ลิงค์สั้น ๆ ที่นำนักวิจัยไปยังที่เก็บเอกสารและวิดิโอในภาษาต่าง ๆ 9 ภาษา[2] (ไม่มีภาษาไทย) รวมถึงรายละเอียดการโจมตี Manchester Arena เมื่อ 22 พฤษภาคม 2017 กรุงลอนดอน 7…

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เตือน อเมริกาเริ่มรับมือภัยคุกคามจีนได้แล้ว

Loading

Members of a Chinese military band pose for photos before a reception at the Great Hall of the People in Beijing on the eve of China’s National Day on Sept. 30, 2020 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรคริพับลิกันเผยแพร่รายงานสองฉบับในวันพุธ ที่มีเนื้อหาเตือนว่า สหรัฐฯ กำลังถูกจีนนำไปแล้วหลายก้าว และอาจถูกจีนขึ้นมาแทนที่ในฐานะมหาอำนาจของโลกในไม่ช้า คณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานโดย ส.ส. พรรคเดโมแครต ซึ่งระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ และบรรดาหน่วยข่าวกรองของประเทศขาดทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ประเทศสามารถแข่งขันกับจีนในเวทีโลกในอีกหลายทศวรรษจากนี้ รายงานฉบับนี้ ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองหลายร้อยชั่วโมงและการทบทวนผลการประเมินหลายพันฉบับ ยังวิจารณ์หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ว่า สนใจภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย เช่น การรับมือกับกลุ่มอัลไกดาห์และกลุ่มไอซิส มากเกินไป จนละเลยภัยคุกคามในโลกยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลง เช่น…

เคล็ดไม่ลับกับการจัดทัพเพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์

Loading

ในระยะนี้เราจะพบเห็นข่าวที่ว่าองค์กรต่างๆ ได้ถูกภัยคุกคามทางไซเบอร์เข้ามาสร้างความเสียหายอยู่เป็นระยะ ซึ่งก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะน้อยลงไปเลย กลับกันภัยคุกคามเหล่านี้ยังมาพร้อมกับรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับองค์กรที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้งในรูปแบบของสูญเสียเงิน หรือระบบสำคัญไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ เนื่องจากข้อมูลถูกเข้ารหัส องค์กรต้องเสียเวลาในการที่จะกู้ข้อมูลกลับมาเพื่อให้ระบบทำงานได้ และองค์กรยังเสียภาพลักษณ์หรือลดความเชื่อมั่นจากลูกค้า โดยคุณสรุจ ทิพเสนา ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชั่นองค์กร จากไมโครซอฟท์ประเทศไทยจะให้คำแนะนำเบื้องต้น จนไปถึงวิธีปฏิบัติในการที่จะป้องกันภัยคุกคาม โดยเฉพาะ Ransomware ซึ่งเทคนิคการป้องกัน Ransomware นั้นสามารถนำไปปรับใช้เพื่อป้องกันภัยคุกคามรูปแบบอื่นๆ ได้เช่นกันครับ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าภัยคุกคามต่างๆ จะมีวิธีที่แฮกเกอร์ใช้หรือที่เรียกว่า Threat vector อยู่สามรูปแบบหลักดังนี้ Drive-by Download – คือการที่ผู้โจมตีพยายามที่จะเข้าควบคุมเครื่องปลายทาง โดยให้ผู้ใช้หลงดาวน์โหลดโค้ด ชุดคำสั่ง ไวรัส หรือ Ransomware โดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นพึงระลึกไว้เสมอครับว่าเวลาเข้าเว็บไซต์แปลกๆ โหลดโปรแกรมจากเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้คุณโหลดไวรัส หรือนำอันตรายมาสู่องค์กรได้แบบไม่ตั้งใจ Email, Spam และ Phishing – เราได้รับอีเมลที่ข้างในอาจจะมีไฟล์แนบ ซึ่งแถมไวรัสมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเปิดไฟล์ก็ทำให้เครื่องติดไวรัส ไปจนถึงการสร้างเมลหลอกลวงที่จะแนบ Link มากับเมล เพื่อให้เราคลิกไปเปิดเว็บไซต์อื่น หรือเปิดไฟล์ที่อยู่ปลายทางก็ถือเป็นอีกเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย Unpatched Internet…

อิสราเอลชี้’ฮิซบอลเลาะห์’ มี’คลังแสง’ใกล้สนามบินเบรุต

Loading

ผู้นำอิสราเอลแถลงต่อสมัชชายูเอ็น ยกย่องข้อตกลง “สันติภาพ” กับยูเออีและบาห์เรน ประณามอิหร่าน และกล่าวว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์มี “คลังแสง” ในเขตชุมชน ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติ ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) เมื่อวันอังคาร ว่าแม้ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่ “ไม่ค่อยมีข่าวดีให้ชาวโลกได้รับทราบ” แต่เมื่อกลางเดือนนี้รัฐบาลเทลอาวีฟลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลง “อับราฮัม” ว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ “ระดับปกติอย่างเป็นทางการ” กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และบาห์เรน พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า ประเทศที่เหลือในโลกอาหรับจะทยอยเข้าร่วม “วัฏจักรแห่งสันติภาพ” เนทันยาฮูใช้เวลาส่วนใหญ่กล่าวถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ “ไม่เหนือความคาดหมายมากนัก” จากการที่ผู้นำอิสราเอลยังคงประณามอิหร่าน ว่าก้าวร้าวและคุกคามประเทศร่วมภูมิภาคทั้งทางตรง และทางอ้อมผ่านการทำสงครามตัวแทน ทั้งในซีเรีย เยเมน ฉนวนกาซา และเลบานอน ที่เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่บริเวณท่าเรือ ในกรุงเบรุต เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต “อย่างน้อย 200 คน”…