ที่มาภาพ: https://www.wired.co.uk/article/isis-digital-backup
Written by Kim
แม้กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State-IS) สูญเสียพื้นที่ยึดครองทางภูมิศาสตร์ในซีเรียและอิรักจากการปราบปรามของสหรัฐฯและพันธมิตรทีละแห่งระหว่างปี 2017 – 2018 แต่ในโลกเสมือน (online) พวกเขายังคงสามารถให้ “บริการ” ด้านต่าง ๆ ต่อไปในเขตอาณา (ดินแดน) ทางดิจิทัล เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ สนับสนุนช่วยฝึกสอนการก่อการร้ายแก่ผู้คนทั่วโลกที่คิดว่าตัวเองเป็นพลเมืองของ IS การตรวจพบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของ IS ในโลกออนไลน์แสดงให้เห็นความยืดหยุ่น (resilience) และการวางแผนปรับตัววิวัฒนาการไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยทิ้งอดีตที่สูญเสียอย่างยับเยินอยู่เบื้องหลังเพื่อเตรียมฟื้นคืนชีพในโลกเสมือน
สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อ 3 กันยายน 2020 ว่า นักวิจัยของสถาบันการเสวนาทางยุทธศาสตร์ (Institute of Strategic Dialogue-ISD) ตรวจพบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลามในโลกเสมือน ห้องสมุดดิจิตอลดังกล่าวรวบรวมเอกสารมากกว่า 90,000 รายการและมีผู้เข้าเยี่ยมชมเดือนละ 10,000 ราย[1] ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าคลังข้อมูลดังกล่าวช่วยเติมเต็มเนื้อหารุนแรงสุดโต่งบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งยากต่อการรื้อทิ้ง เนื่องจากข้อมูลไม่ได้ถูกจัดเก็บในที่เดียวกัน แม้หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายในอังกฤษและสหรัฐฯได้รับการแจ้งเตือน แต่คลังข้อมูลดังกล่าวยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น
คลังข้อมูลของ IS ถูกค้นพบหลังการเสียชีวิตของ Abu Bakr al-Baghdadi ผู้นำ IS เมื่อตุลาคม 2019 ขณะนั้นสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากที่สนับสนุน IS โพสต์ลิงค์สั้น ๆ ที่นำนักวิจัยไปยังที่เก็บเอกสารและวิดิโอในภาษาต่าง ๆ 9 ภาษา[2] (ไม่มีภาษาไทย) รวมถึงรายละเอียดการโจมตี Manchester Arena เมื่อ 22 พฤษภาคม 2017 กรุงลอนดอน 7 กรกฎาคม 2005 และในสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยายน 2001 คลังข้อมูลนี้มีทุกสิ่งที่ต้องการทราบโดยเฉพาะแผนการโจมตีและการฝึกสอนที่จำเป็นเพื่อให้ก่อการร้ายได้ดีขึ้น
นักวิจัยของ ISD เรียกคลังข้อมูล IS ว่า “ขุมทรัพย์กาหลิบ (Caliphate Cache)” พวกเขาใช้เวลาหลายเดือนในการศึกษาวิวัฒนาการของคลังข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งการบริหารจัดการและผู้เยี่ยมชม การแพร่ขยายข้อมูลของ IS ใช้ระบบกระจาย (decentralized system) มากกว่ารวมศูนย์ที่เซิร์ฟเวอร์เครื่องเดียว ทุกคนสามารถแบ่งปันข้อมูลทั่วเว็บผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งหลายแห่ง ซึ่งไม่สามารถตัดการเชื่อมต่อ (offline) ตราบใดที่ขุมทรัพย์กาหลิบยังดำรงอยู่จะเป็นช่องทางในการกระจายเนื้อหาของ IS
เนื้อหาของคลังข้อมูลถูกเพิ่มในหน้าความเห็นของสื่อสังคมออนไลน์และแพร่กระจายผ่านบัญชีบอต (bot account)[3] สำหรับเทคนิคอื่น ๆ ใช้วิธีเล็งเป้าหมายบัญชีผู้ใช้ Twitter ที่เชื่อมโยงกับผู้มีชื่อเสียงและนักกีฬา ตัวอย่างเช่น IS จี้บังคับ (hijack) บัญชีของแฟนเพลง Justin Bieber นักร้องเพลงป๊อปและใช้ในการส่งเสริมเนื้อหาจากคลังข้อมูลของ IS อีกกรณีหนึ่งกลุ่ม IS หลอกใช้บัญชีทีมรักบี้อังกฤษ โดยลวงว่าเป็นผู้สนันสนุนทีม IS ไม่เพียงให้ความสำคัญกับเกมบนแพลตฟอร์ม แต่ยังเข้าใจพลังของขุมทรัพย์กาหลิบด้วย
ขุมทรัพย์กาหลิบมิได้มีเนื้อหาเป็นเรื่องความรุนแรงทั้งหมด ผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้พบปรัชญาของ IS คำสอนทางศาสนาและโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับวิถีชีวิตของนักรบ IS รวมถึงสิ่งที่ Shamima Begum[4] เจ้าสาวที่หลบหนี (runaway bribes) ได้เห็นในวิดิโอ ผู้คนที่ถูกดึงความสนใจไปยังขุมทรัพย์กาหลิบส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุ 18 – 24 ปีในโลกอาหรับ โดยร้อยละ 40 ของการเข้าชมส่วนใหญ่มาจาก YouTube
หน่วยงานคลังสมอง ISD ยังพบว่าขุมทรัพย์กาหลิบไม่ได้มีลักษณะไม่เหมือนใคร เพราะกลุ่มหัวรุนแรงอื่น ๆ ก็ใช้วิธีเก็บข้อมูลบนแพลตฟอร์มแบบกระจายเช่นกัน สำหรับนักญิฮาดสิ่งที่น่าดึงดูดของแพลตฟอร์มเหล่านี้คือ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มแบบกระจายเหล่านี้จะไม่ต่อต้านเนื้อหาของผู้ใช้บริการที่จัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ รวมทั้งเนื้อหาที่แบ่งปันและกระจายบนเครือข่าย ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว เสรีภาพและการเข้ารหัส (encryption)
นักวิจัย ISD ได้แจ้งเตือนสำนักงานอัยการสหรัฐฯประจำเขตตะวันออกของนิวยอร์ก ซึ่งดำเนินคดีเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลอังกฤษ ขณะที่ทางการนครนิวยอร์กยังไม่แสดงความคิดเห็นใด แต่ตำรวนนครบาลอังกฤษรับว่าได้รับข่าวสารแจ้งเตือนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ
รัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการกวาดล้าง IS ออกจากแพลตฟอร์มของตน แต่ต้องเผชิญสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ไม่เป็นมิตรมากกว่าที่เคยเป็นมา ในปี 2015 ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้าย เจ้าหน้าที่และยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีบ่นว่า การต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทางออนไลน์เป็นเหมือนเกมตีตัวตุ่น (whackamole) เมื่อตีด้านหนึ่งมันก็ไปโผล่อีกด้านหนึ่ง ก่อนที่จะยกตะลุมพุกเสียด้วยซ้ำ[5]
จุดเด่นของคลังขอมูลสำรองคือการที่กลุ่มหัวรุนแรงแพร่กระจายการโฆษณาชวนเชื่อด้วยวิธีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน Sara Khan ประธานคณะกรรมการต่อต้านความรุนแรงสุดโต่ง (Commission for Countering Extremism) หน่วยงานรัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า “ทันทีที่ลบเนื้อหาสตรีมมิงหนึ่งชิ้นหรือแคชหรือเนื้อหาใด ๆ ที่อัปโหลดไปยังที่เก็บเอกสารบนเว็บจะพบว่ามีอีกหลายร้อยรายการเพิ่มขึ้นมา การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ไม่ยั่งยืน”
กลุ่ม IS ใช้ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Nextcloud[6] ของบริษัทสัญชาติเยอรมัน ซึ่งมีพื้นฐานการพัฒนาแบบแหล่งเปิด (open source) ทุกคนสามารถดาวน์โหลด Nextcloud และใช้งานได้อย่างอิสระ ผู้ใช้งานสามารถซิงโครไนซ์ไฟล์ข้ามกลุ่มโดยหลีกเลี่ยงการอำนวยความสะดวกหรือการควบคุมจากส่วนกลาง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมมีความสำคัญต่อผู้ใช้งานทุกภาคส่วน ตั้งแต่หน่วยงานของรัฐบาล นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยไปจนถึงองค์การก่อการร้ายที่ถูกเพิกถอน
แม้การเคลื่อนไหวของ IS ถูกปิดลง แต่การเติมเต็มและเปลี่ยนโฉมคลังเอกสารสำรองถือเป็นแหล่งข้อมูลกลางที่มั่นคง โดยนักโฆษณาชวนเชื่อจัดเก็บ รักษาเมล็ดพันธุ์และแบ่งปันเนื้อหา ซึ่งเป็นแกนหลักที่สามารถส่งต่อไปยัง Facebook, Twitter หรือสถานที่อื่น ๆ ในโลกเสมือนที่พวกเขาอาจเข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ และนี่ไม่ใช่การส่งเสริมแบบวันต่อวัน แต่ขุมทรัพย์ของ IS ดูจะเป็นตัวแทนของบางสิ่งที่ล้ำยุค
ภาษิตของกลุ่ม IS ในภาษาอาหรับกล่าวว่า “baqiya wa tatamadad” แปลตามตัวอักษรหมายถึง “ที่เหลืออยู่และขยายตัว (remaining and expanding)”[7] ซึ่งอธิบายประวัติศาสตร์ของการก่อการร้ายได้เป็นอย่างดี และในกรณีนี้เราจะเห็นการล่าถอย ฟื้นตัวและปรับตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเผชิญแรงกดดันและการสูญเสีย
[1] Islamic State: Giant library of group’s online propaganda discovered By Shiroma Silva BBC Click Available at: https://www.bbc.com/news/technology-54011034
[2] Arabic, English, German, French, Spanish, Russian, Bangla, Turkish, และ Pashto
[3] บอต คือ โปรแกรมอัตโนมัติสำหรับทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต ย่อมาจากโรบอต (robot) แปลว่า หุ่นยนต์ บอตที่ถูกใช้ในการเก็บข้อมูลจากเว็บเพจ เรียกว่า “เว็บครอว์เลอร์” (web crawler) หรือ “สไปเดอร์” (spider) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของเว็บนั้นมาวิเคราะห์เพื่อจัดทำดัชนีประกอบการทำงานเสิร์ชเอ็นจิ้นอีกทอดหนึ่ง https://www.marketingoops.com/news/biz-news/bot-is/
[4] หนึ่งใน 3 นักเรียนหญิงชาวอังกฤษเชื้อสายบังกลาเทศอายุ 15 ปี/2015 จากฝั่งตะวันออกของกรุงลอนดอนที่ไปเข้าร่วมกับกุล่ม IS ในเมือง Raqqa ซีเรีย เมื่อกุมภาพันธ์ 2015 และได้แต่งงานกับสมาชิก IS สืบค้นที่ https://www.bbc.com/news/explainers-53428191
[5] Inside the secret plan to reboot Isis from a huge digital backup WIRED (Online) By CARL MILLER 04 Sep 2020 Available at https://www.wired.co.uk/article/isis-digital-backup
[6] Nextcloud คือ ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่ทั้งบริการหรือแพลตฟอร์มแบบ Facebook หรือ Google จึงไม่ต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่พวกเขาไม่ได้อำนวยความสะดวก (host) นี่คือความกล้าเผชิญโลกแห่งการกระจายอำนาจการจัดการ: ไม่มียักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่จะรับโทรศัพท์และตะโกนใส่ (Nextcloud ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้)
[7] Enigma of ‘Baqiya wa Tatamadad’: The Islamic State Organization’s Military Survival ALJAZEERA CENTRE FOR STUDIES Posted on: Tue, 04/19/2016 Available at: https://studies.aljazeera.net/en/reports/2016/04/enigma-baqiya-wa-tatamadad-islamic-state-organizations-military-survival-160419081219493.html
——————————————————-
Link : https://www.ianalysed.com/2020/10/o2o-islamic-state-5.html