แตกตื่นทั้งเมือง หนุ่มเยอรมันขับรถพุ่งชนประตูสำนักนายกรัฐมนตรี

Loading

เกิดเหตุรถยนต์คันหนึ่งขับพุ่งชนประตูของสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าที่ผู้นำเยอรมนีจะร่วมประชุมพิจารณาการขยายล็อกดาวน์ โดยเบื้องต้นมีรายงานความเสียหายเพียงเล็กน้อย ขณะที่ผู้ก่อเหตุถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน รถยนต์คันที่ก่อเหตุ มีการเขียนตัวหนังสือไว้ข้างรถทั้งสองด้านด้วยลายมือระบุว่า หยุดการเมืองแบบโลกาภิวัตน์ และคุณคือฆาตกรสังหารเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งภายหลังจากที่รถได้พุ่งชนประตูของสำนักนายกรัฐมนตรีในกรุงเบอร์ลิน ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งเข้ามาตรวจสอบและควบคุมตัวคนขับรถ ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนไปสอบสวน โดยมีการนำตัวของเขาขึ้นรถวีลแชร์และขึ้นรถตำรวจไป ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่นำสุนัขดมกลิ่นมาตรวจสอบรถคันดังกล่าว และได้นำรถของผู้ก่อเหตุไปไว้ที่สถานีตำรวจ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อผู้ก่อเหตุรวมทั้งแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่วนประตูสำนักงานและตัวรถได้รับความเสียหายมีรอยบุบเพียงเล็กน้อย และไม่มีการยืนยันว่าขณะเกิดเหตุนางแองเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนีอยู่ในสำนักงานหรือไม่ เดิมที นางแมร์เคิล มีกำหนดการที่จะร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าการรัฐ 16 รัฐ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อหารือถึงการขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ และยกระดับการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นก่อน โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนบางส่วนในกรุงเบอร์ลินได้รวมตัวประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ในเยอรมนี ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตในเยอรมนีจะต่ำกว่าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปก็ตาม ——————————————————- ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / 25 พฤศจิกายน 2563 Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/1983500

‘หมู่เกาะโซโลมอน’ เตรียมแบนเฟสบุ๊กเพื่อปกป้อง ‘ความสามัคคีภายในชาติ’

Loading

In this Nov. 24, 2018, photo, ships are docked offshore in Honiara, the capital of the Solomon Islands. รัฐบาลประเทศหมู่เกาะโซโลมอน ประกาศสนับสนุนแผนห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ก (Facebook) เพื่อปกป้อง “ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ” ท่ามกลางเสียงตอบโต้ว่ามาตรการนี้มีขึ้นเพื่อกลบเสียงวิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมากกว่า เฟสบุ๊ก เป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารยอดนิยมของประชาชนชาวหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งมีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายกระจายเป็นระยะทางมากกว่า 1,400 กม. ปัจจุบัน ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้มีประชากรราว 685,000 คน และมีอยู่ราว 20% ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่รัฐบาลของหมู่เกาะโซโลมอนระบุว่า ที่ผ่านมาเฟสบุ๊กถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในทางที่ผิด พร้อมเสนอแผนบล็อกเฟสบุ๊กและสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ จากความกังวลเรื่องการหมิ่นประมาทและการรังแกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ รวมทั้งต้องการจัดระเบียบพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเสียใหม่เพื่อปกป้องชุมชนจากถ้อยคำที่รุนแรงและละเมิดผู้อื่น รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารของหมู่เกาะโซโลมอน ปีเตอร์ ชาเนล อโกวากา กล่าวว่า สิ่งที่ควรมาพร้อมกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อ คือความรับผิดชอบต่อสังคม เช่นเดียวกับสื่อสังคมออนไลน์ที่ควรใช้อย่างมีสติและฉลาดเท่าทัน ไม่ใช่ใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่นเหมือนที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ผู้ต่อต้านบอกว่าคำสั่งห้ามใช้เฟสบุ๊กถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญของประเทศว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น…

เปิดเเผนรัสเซียขยายอิทธิพลเพื่อ ‘แทรกซึมการเมืองสหรัฐฯ’ ต่อเนื่อง

Loading

Putin’s language สี่ปีหลังจากการเตือนภัยและเตรียมการต่อต้านการเเเทรกแซงของรัสเซียต่อการเลือกตั้งอเมริกัน หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ มั่นใจว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่รัสเซียสามารถเจาะล้วงระบบข้อมูลและขยายอิทธิพลต่อกระบวนการประชาธิปไตยอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่ารัสเซียยังคงพยายามขยายปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารในรูปแบบที่แยบยลกว่าในอดีต จากเดิมที่รัสเซียใช้บัญชีโซเชี่ยลมีเดียปลอมสร้างเนื้อหาและเผยเเพร่ข้อมูล ปัจจุบันกลวิธีใหม่ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อชี้นำความคิดในสังคมอเมริกัน เช่น การแทรกซึมเข้าไปในวงการข่าวและสื่อสังคมออนไลน์ โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มขวาจัดและซ้ายจัดในอเมริกา เอวานา ฮู ซีอีโอ ขององค์กร Omelas ที่ศึกษาเกี่ยวกับความคิดสุดโต่งออนไลน์ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า วิธีการลักษณะนี้ของรัสเซียสามารถสร้างความสนใจและมีปฏิกิริยาตอบโต้บนสื่อออนไลน์โดยผู้ใช้สื่อจำนวนนับล้านคน เธอบอกว่าโพสต์เหล่านี้ถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อกระตุ้นความรู้สึก ทั้งทางบวกและทางลบต่อเป้าหมาย องค์กรของเธอซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน วิเคราะห์เนื้อหาที่รัสเซียปล่อยออกมาบนสื่อสังคมไลน์ 1 ล้าน 2 แสนโพสต์บน 11 แพลตฟอร์มช่วง 90 วัน ก่อนและหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พฤศจิกายน US-politics-vote-RALLY องค์กร Omelas พบว่าสื่อของรัสเซียที่ปล่อยข้อมูลออกมามากในอันดับต้นๆได้เเก่ RT, Sputnik, TASS และ Izvestia TV Omelas…

Data Privacy กับ Digital Trust ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลบนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย

Loading

โดยนายวรเทพ ว่องธนาการ ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนด้านโซลูชั่น บริษัท ยิบอินซอย จำกัด บนโลกดิจิทัล ข้อมูลคือขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ที่สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้กับผู้ผลิตสินค้าและบริการ การได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปในการระบุตัวตน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูง (Sensitive Data) เช่น ข้อมูลที่บ่งบอกพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภค รสนิยม ข้อมูลสุขภาพ ซึ่งทำให้องค์กรสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าได้โดยใช้เวลาน้อยลง และเกิดผลสัมฤทธิ์แบบ  วิน-วิน กล่าวคือ ลูกค้าให้การยอมรับต่อการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ประโยชน์อย่างเจาะจงเพื่อตอบสนองความต้องการที่ตรงจุดและโดนใจได้แม่นยำกว่าในอดีต ขณะที่การดูแลเอาใจใส่ที่ลูกค้าได้รับเป็นพิเศษจะนำมาซึ่งความจงรักภักดี (Loyalty) ที่ยั่งยืนต่อสินค้าและบริการขององค์กรได้ด้วย ครบทุกมิติการจัดการข้อมูลความเป็นส่วนตัว – Data Privacy Management (DPM) หน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยด้านไอทีมีบทบาทสำคัญโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย (Digital Trust) ต่อข้อมูลความเป็นส่วนตัว โดยต้องทำให้ลูกค้าไว้วางใจได้ว่า หนึ่ง การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชันหรือบริการอื่นใดทั้งในองค์กร นอกองค์กร หรือเชื่อมโยงข้ามพรมแดน จะถูกเก็บรวบรวม เข้าถึง ประมวลผล และเคลื่อนย้ายถ่ายโอนอย่างเหมาะสม ปลอดภัย สอง สามารถสร้างประโยชน์แบบเฉพาะเจาะจง (Hyper-Personalization) ตรงตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าของข้อมูล และเป็นไปตามธรรมาภิบาลด้านข้อมูล (Data Governance)…

อย่างโหด! จุดไฟเผารัฐสภากัวเตมาลา ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดี

Loading

ผู้ชุมนุมกัวเตมาลาหลายร้อยคน จุดไฟเผาอาคารรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (21 พ.ย.) ระหว่างการประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี อเลฮันโดร จิอัมมัตเต ลาออกจากตำแหน่ง หลังความเคลื่อนไหวผ่านงบประมาณฉบับหนึ่ง โหมกระพือความไม่พอใจภายในชาติอเมริกากลางที่ยากจนแห่งนี้ เปลวเพลิงที่โหมไหม้อาคารรัฐสภา สามารถมองเห็นได้ไกลจากท้องถนนของกรุงกัวเตมาลาซิตี และโฆษกของสภากาชาดเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ของพวกเขาได้ให้การรักษาผู้ที่ได้รับพิษจากควันไฟไปหลายคน นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้ว ได้มีการประท้วงเรียกร้อง จิอัมมัตเต ลาออกอีกแห่ง โดยจุดนี้พวกผู้ชุมนุมปักหลักกันอย่างสันติ ที่ทำเนียบเก่าของรัฐบาล ในย่านเก่าแก่ของเมืองหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารรัฐสภา พวกผู้ประท้วงไหลบ่าเต็มจัตุรัสใจกลางกรุงกัวเตมาลาซิตี บริเวณด้านหน้าทำเนียบเก่า โบกธงชาติและป้ายข้อความ ที่ระบุว่า “ไม่เอาคอร์รัปชัน” และ “จิอัมมัตเต ออกไป” ผู้คนในกัวเตมาลารู้สึกไม่พอใจต่อคณะรัฐบาลของจิอัมมัตเต และสภาคองเกรสมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อกรณีที่ประเทศแห่งนี้ขาดแคลนทรัพยากรและไม่มีงบประมาณในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาคองเกรสของกัวเตมาลา ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลแนวคิดอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมาก ได้เห็นชอบงบประมาณเกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 390,000 ล้านบาท) ก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ สำหรับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหญ่ๆ กระตุ้นความขุ่นเคืองในประเทศที่เต็มไปด้วยคนยากจน และครึ่งหนึ่งของเด็กๆอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เป็นโรคขาดสารอาหาร สภาคองเกรงยังได้อนุมัติงบประมาณ 3,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 110,000 ล้านบาท)…

แคสเปอร์สกี้หวั่นเหตุข้อมูลลูกค้าอีคอมเมิร์ซรั่วไหล ล่าสุดแนะองค์กร-นักชอปป้องกันรอบคอบ

Loading

แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) ออกแถลงการณ์กรณีข้อมูลแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรั่วไหลล่าสุด กระตุ้นทุกฝ่ายตื่นตัวรับมือเหตุข้อมูลลูกค้าอีคอมเมิร์ซรั่วไหล พร้อมแนะการป้องกันสำหรับองค์กรและลูกค้าทำได้ทันที นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของแคสเปอร์สกี้ กล่าวถึงเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยรั่วไหลล่าสุด ว่าในขณะที่เราพึ่งพาการชอปปิ้งออนไลน์มากขึ้น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและการจองเซอร์วิสต่างๆ จึงเป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮกเกอร์ เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มักมีข้อมูลของลูกค้าจำนวนมาก “แม้ว่าจะโชคร้ายที่เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นใกล้กัน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยงคือ ต้องตระหนักว่าอาชญากรไซเบอร์ไม่ได้มีกำหนดเวลาที่เป็นมงคลก่อนที่จะลงมือ แต่เมื่อสบโอกาสพบช่องโหว่ในระบบ ก็จะดำเนินการหาใช้ประโยชน์ทันที” Kaspersky ย้ำว่า การละเมิดข้อมูลสำหรับธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงครั้งเดียวมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์โดยเฉลี่ย ทำให้ธุรกิจต่างๆ สูญเสียโอกาสทางธุรกิจเพิ่มอีก 186 ล้านดอลลาร์หลังจากการละเมิดข้อมูล ในขณะที่รายงานสำรวจความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านไอทีขององค์กรทั่วโลกโดยแคสเปอร์สกี้ พบว่า 84% ของธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้วางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยไอที แต่ก็ยังมีช่องว่างที่สำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่โฮสต์โดยเธิร์ดปาร์ตี้ และความท้าทายในการโยกย้ายสภาพแวดล้อมเทคโนโลยีขั้นสูงที่ซับซ้อนมากขึ้น Kaspersky มองว่า ในเหตุการณ์การละเมิดข้อมูลของแพลตฟอร์มทั้งสองนี้ โซลูชันการรักษาความปลอดภัยเอ็นด์พอยต์และการใช้โปรโตคอลการโยกย้ายไอทีที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจทั้งสองลดการละเมิดข้อมูลได้ ตัวอย่างเช่น โซลูชันการรักษาความปลอดภัยเอ็นพอยต์เป็นชั้นแรกของการป้องกัน และสามารถช่วยป้องกันการเข้าถึงระบบไอทีโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกประการหนึ่ง ธุรกิจไม่ควรดำเนินการตามกระบวนการดิจิทัลมากเกินไป การอัปเกรดอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่อาจเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจและลูกค้า แต่ระบบใหม่จำเป็นต้องได้รับการบูรณาการให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่อย่างเหมาะสม หรือต้องมีนโยบายชัดเจนว่าข้อมูลจะไม่ถูกเก็บไว้ในโครงสร้างพื้นฐานเดิมอีกต่อไป ในภาพรวม Kaspersky เชื่อว่ากิจกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นทำให้อาชญากรไซเบอร์เคลื่อนไหวอย่างซ่อนเร้นมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่บริษัทต่างๆ รวมถึงผู้ใช้งานทั่วไปควรตื่นตัวสูงสุดในช่วงเวลานี้ เราควรตั้งเป้าหมายที่จะปลูกฝังความรับผิดชอบเรื่องการจัดข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลขององค์กรภายในเครือข่ายภายในบ้าน ในทำนองเดียวกัน…