สหรัฐฯ – อิรัก ตึงเครียด! หลังเหตุจรวดโจมตีสถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดด

Loading

Security forces inspect the scene of a rocket attack at the gate of al-Zawra public park in Baghdad, Iraq, Nov. 18, 2020. Rockets struck Iraq’s capital on Tuesday with four landing inside its heavily fortified Green Zone. เกิดเหตุจรวดโจมตีบริเวณเขตอาคารสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ในช่วงข้ามคืนวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศถอนทหารอเมริกันอีก 500 นายออกจากอิรัก สื่อของอิรักรายงานว่า จรวดจำนวน 7 ลูกที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ตกลงในเขตปลอดภัยสูงสุด หรือ กรีนโซน ในกรุงแบกแดด โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายโจมตีอาคารสถานทูตสหรัฐฯ…

เครื่องบินอีซีเจ็ต ผู้โดยสาร 186 ชีวิต หวิดชนโดรนที่อังกฤษ ห่างแค่ 3 ฟุต

Loading

เครื่องบินโดยสารสายการบินอีซีเจ็ต บรรทุกผู้โดยสาร 186 ชีวิต หวิดชนโดรนลำใหญ่ ที่อังกฤษ ห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุต หลังเพิ่งทะยานขึ้นจากสนามบินในแมนเชสเตอร์ เมื่อ 17 พ.ย.63 เว็บไซต์ เดลี่เมล รายงาน เครื่องบินโดยสารของสายการบิน Easy Jet (อีซีเจ็ต) ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารนับ 186 คน หวุดหวิดจะชนกลางอากาศกับอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนลำใหญ่ โดยมีระยะห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุตเท่านั้น หลังจาก เครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส A320 ลำนี้ เพิ่งทะยานออกจากสนามบินในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ และกำลังบินที่ระดับความสูง 8,000 ฟุต ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการว่าด้วยเหตุเข้าใกล้ทางอากาศซึ่งเป็นอันตรายของสหราชอาณาจักร (UK Airprox Board) เผยว่าจากการสอบสวน กัปตันและผู้ช่วยนักบินของสายการบินอีซีเจ็ต ได้เห็นโดรนลำใหญ่ซึ่งถูกส่งขึ้นบินโดยผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ขออนุญาต มุ่งหน้าตรงมาทางเครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส A 320 ที่กำลังบินด้วยความเร็ว 320 ไมล์ต่อชั่วโมง จนเกือบจะชนกัน เพราะมีระยะห่างแค่เพียง…

สหรัฐฯ ประกาศ “ความก้าวหน้าอันเป็นรูปธรรม” ในการต่อต้านภัยคุกคามความมั่นคงจากจีน

Loading

US Attorney General William Barr speaks on Operation Legend, the federal law enforcement operation, during a press conference in Chicago, Illinois, on September 9, 2020. (Photo by KAMIL KRZACZYNSKI / AFP) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยว่า “มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม” ในโครงการ “China Initiative” ที่เป็นความริเริ่มของรัฐบาลในการต่อต้านความพยายามของจีนในการก่อกวนความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ ตามข้อมูลในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปีของการดำเนินโครงการดังกล่าว วิลเลียม บารร์ รัฐมนตรียุติธรรมกล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการต่อต้านภัยคุกคามจากจีน แต่ย้ำด้วยว่า ยังมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่ และกระทรวงยุติธรรมจะเดินหน้าจัดการกับผู้ที่ขโมย หรือเข้าถึง “ทุน” ทางปัญญาของสหรัฐฯ โดยไม่ถูกกฎหมายให้ได้ สหรัฐฯ…

ก่อการร้ายเขย่ากรุงเวียนนาของออสเตรีย : ใครทำ?

Loading

ที่มาภาพ: https://www.bbc.com/news/world-europe-54798508 Written by Kim หลายชั่วโมงก่อนที่ออสเตรียจะปิดเมือง (lockdown) อีกครั้ง เพื่อสะกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2020 ได้เกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงเวียนนา โดยที่เกิดเหตุหลายแห่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ขณะที่ผู้นำยุโรปรวมทั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษบอริส จอห์นสันและประธานาธิบดีฝรั่งเศสเอ็มมานูเอล มาครงร่วมประณามการโจมตีดังกล่าว ซึ่งแสดงเครื่องหมายการก่อการร้ายของ ISIS ที่คล้ายคลึงกับปฏิบัติการโจมตีกรุงปารีส (พฤศจิกายน 2015) และกรุงบรัสเซลส์ (มีนาคม 2016)[1]           การโจมตีแบบประสานงานของผู้ก่อการร้าย (ไม่ทราบจำนวน) ใช้อาวุธปืนไรเฟิลและปืนพกกราดยิง 6 จุดในกรุงเวียนนาเมื่อ 20.00 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2020 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน (ชาย 2 หญิง 2) บาดเจ็บมากกว่า 15 คน (มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงคนร้ายเสียชีวิต 1 คน) ทางการออสเตรียระบุว่า เหตุดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย ขณะที่ข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์รวมถึงการจับตัวประกันที่โรงแรมฮิลตันและร้านซูชิญี่ปุ่นสถานที่เกิดเหตุทั้ง 6 แห่งยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ทางการออสเตรียเตือนให้ประชาชน (พลเรือน) หลีกเลี่ยงการเดินทางใจกลางกรุงเวียนนา โดยเฉพาะสถานีขนส่งสาธารณะ เนื่องจากหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายได้เปิดปฏิบัติการรักษาความมั่นคงขนาดใหญ่ เพื่อพิสูจน์ทราบและกักตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย มีการปิดกั้นพื้นที่สถานบันเทิง ธุรกิจและถนนรอบเมือง รถยนต์กู้ภัยฉุกเฉินมุ่งสู่ถนนใจกลางกรุงเวียนนาซึ่งเป็นทางสัญจรหลักที่มีบาร์และร้านอาหารจำนวนมาก…

ปากีสถานปิดถนนเข้าเมืองหลวง-ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ป้องกันประท้วงต่อต้านฝรั่งเศสลุกลาม

Loading

Security vehicles park near shipping containers placed by authorities on a highway to stop supporters of the ‘Tehreek-e-Labaik Pakistan, a religious political party, entering into the capital during an anti-France rally in Islamabad, Nov. 16, 2020. กองกำลังรักษาความมั่งคงปากีสถานเข้าปิดล้อมถนนสายหลักที่เข้าสู่กรุงอิสลามาบัดในวันจันทร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนชาวมุสลิมหลายพันคนที่ชุมนุมประท้วงอยู่นอกเมืองเดินทางเข้าไปในเขตใจกลางกรุงอิสลามาบัด รายงานระบุว่า ชาวมุสลิมราว 5,000 คนซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มขวาจัด Tehreek-e-Labbaik Pakistan หรือ TLP เริ่มเดินขบวนเมื่อวันอาทิตย์ในเมืองราวัลพินดี นอกกรุงอิสลามาบัด โดยมีเป้าหมายมุ่งหน้าไปยังสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงอิสลามาบัด เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด ในหนังสือพิมพ์ชาร์ลีเอ็บโด ในฝรั่งเศส บรรดาผู้ประท้วงพากันตะโกนคำขวัญต้านฝรั่งเศส และเรียกร้องให้ขับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสออกจากประเทศ รัฐบาลปากีสถานได้ส่งกำลังตำรวจและทหารกองหนุนหลายพันคนเข้าควบคุมสถานการณ์…

พบประตูลับในสภาแดนผู้ดี เปิดไปเจอทางเดินอายุกว่า 300 ปี ตะลึงหลอดไฟยังเปิดติด

Loading

ภาพทางเข้าที่ถูกค้นพบในสภาสามัญของสหราชอาณาจักร (ภาพจาก AFP) นักประวัติศาสตร์ค้นพบประตูลับที่นำไปสู่ทางเดินในอาคารสภาสามัญ เชื่อว่าเคยมีนายกรัฐมนตรีและกลุ่มทางการเมืองเป็นผู้ใช้งาน โดยทีมค้นพบขณะกำลังบูรณะตัวอาคาร คาดว่าเป็นทางเดินที่มีอายุราว 360 ปีเลยทีเดียว รายงานจากสำนักข่าวบีบีซีอ้างอิงข้อมูลในการแถลงจากเว็บไซต์สภาแห่งสหราชอาณาจักรเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทางเดินนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลสที่ 2 ในค.ศ. 1660 เพื่อให้แขกเดินทางเข้างานเลี้ยงในเวสต์มินสเตอร์ ฮอลล์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างโถงสภาสามัญที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เดิมทีแล้วทางเดินนี้ถูกใช้โดยสมาชิกสภาและนักการเมืองในฐานะทางเข้าหลักมาสู่สภาแต่ภายหลังถูกปิดและถูกผนังหนาปิดทับอีกชั้น ผู้ใช้งานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเวลานั้น อาทิ Samuel Pepys สมาชิกสภาที่โด่งดังจากบันทึกที่เขาเก็บไว้ ทางเดินนี้เคยถูกค้นพบเมื่อปี 1950 ขณะบูรณะอาคารซึ่งได้รับความเสียหายจากระเบิด หลังจากนั้นทางเดินก็ถูกปิดอีกครั้งจนมาถึงปัจจุบัน มาร์ก คอลลินส์ นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาด้านทรัพย์สินของรัฐสภากล่าวว่า พวกเขาเคยคิดว่าทางเดินถูกผนังปิดทับไปแล้วหลังจากยุคสงคราม ขณะที่ลิซ ฮาลลัม สมิธ ที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและมรดกรัฐสภา ชี้ว่า การค้นพบล่าสุดทำให้เห็นว่า รัฐสภายังมีปริศนารอคอยการค้นพบอีกมาก ภายในทางเดินยังพบกราฟฟิตีเป็นอักษรที่น่าจะเขียนขึ้นด้วยดินสอโดยบุคคลที่เป็นผู้ปิดทางเดินทั้งสองฝั่ง อักษรช่วงหนึ่งจารึกไว้ว่า “ห้องนี้ถูกปิดโดยทอม พอร์เตอร์ ผู้ซึ่งนิยมชมชอบในเอล(เครื่องดื่ม)เก่าๆ เป็นอย่างมาก”  ทีมยังพบสิ่งน่าประหลาดใจอีกอย่างคือ หลอดไฟที่น่าจะติดตั้งไว้ตั้งแต่ยุค 50s ยังใช้งานได้อยู่ หลอดไฟขนาดใหญ่มีจารึกสีทองข้อความว่า “ทรัพย์สินของรัฐบาล” (HM Government Property) ดร. คอลลินส์ ยังเผยว่า ทีมศึกษาสนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหลอดไฟอันแสนทนทานนี้ด้วย…