สหรัฐฯ เตรียมจำกัดการออกวีซ่า H-1B

Loading

FILE – A photo illustration shows a U.S. visa stamp on a foreign passport in Los Angeles, California, June 6, 2020. รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศแผนปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการอนุมัติวีซ่าสำหรับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะสูง หรือ วีซ่าประเภท H-1B ด้วยการจำกัดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครให้แคบลง พร้อมๆ กับลดระยะเวลาที่วีซ่าประเภทนี้สามารถใช้งานได้สำหรับพนักงานสัญญาจ้างด้วย หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า กระทรวงแรงงานและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ประกาศการปรับเปลี่ยนการอนุมัติวีซ่าประเภท H-1B เมื่อวันอังคาร ซึ่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เคน คุชชิเนลลี คาดว่าจะส่งผลให้ 1 ใน 3 ของผู้ที่ยื่นเรื่องขอวีซ่าประเภทนี้ถูกปฏิเสธหากกฎใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ FILE – Acting director of U.S. Citizenship and Immigration…

คีร์กีซสถานยอมยกเลิกผลเลือกตั้ง หลังปชช.ประท้วงเดือด-บุกรัฐสภา

Loading

กกต.คีร์กีซสถานประกาศยกเลิกผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาแล้ว หลังจากการเกิดประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง เพราะพรรคที่ได้เข้าสภามีแต่ฝ่ายรัฐบาล ไม่มีฝ่ายค้านเลย สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศคีร์กีซสถาน ประกาศในวันอังคารที่ 6 ต.ค. 2563 ให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นโมฆะ หลังจากเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงของประชาชน ถึงขั้นมีการบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา และปะทะกับตำรวจจนมีผู้บาดเจ็บถึง 700 รายและเสียชีวิต 1 ศพเป็นวัยรุ่นอายุเพียง 19 ปี การเลือกตั้งของคีร์กีซสถานกำหนดให้พรรคที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมในรัฐสภา ต้องได้คะแนนเสียงเลือกตั้งเกิน 7% โดยในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ มีเพียง 4 พรรคจากทั้งหมด 16 พรรค ที่ผ่านเงื่อนไขดังกล่าว และ 3 ใน 4 พรรคที่ผ่านก็มีความใกล้ชิดกับประธานาธิบดี ซูโรนบัย จีนเบคอฟ ขณะที่ฝ่ายค้านไม่ผ่านเลย ทำให้ในวันจันทร์ที่ 12 พรรคที่เหลือประกาศประยอมรับผลการเลือกตั้ง กล่าวหาว่ามีการซื้อเสียง ข่มขู่ผู้ใช้สิทธิ์ ในวันเดียวกัน ประชาชนกว่า 5,000 คนออกมารวมตัวกันที่จัตุรัส อาลา-ทู ในกรุงบิชเคก เพื่อประท้วงผลการเลือกตั้ง โดยการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบกระทั้งช่วงค่ำ ผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ แยกตัวออกมาและพยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ตำรวจจึงใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง,…

รายงานด้านความปลอดภัยล่าสุดของวีเอ็มแวร์ เผย ความเสี่ยงไซเบอร์เพิ่มขึ้นทั่วโลกหลังพนักงานทำงานจากที่บ้าน อาชญากรหันใช้การโจมตีแบบ Island-Hopping หวังเจาะกำแพงความปลอดภัยองค์กรใหญ่

Loading

อาชญากรไซเบอร์มักมองเห็นช่องโหว่จากกำแพงความปลอดภัยขององค์กรต่างๆ ที่กำลังดิ้นรนเพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันและเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรในระดับสูงสุด เหตุจากการที่ต้องปรับรูปแบบให้สามารถกระจายการทำงาน กระจายซัพพลายเชน และลดงบประมาณด้านไอที เพื่อลดความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจชะงักงัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการลั่นระฆังความปลอดภัยพร้อมกันทั่วโลกเพื่อเปิดโอกาสให้อาชญากรทางไซเบอร์เข้าโจมตี จากรายงานประจำปีที่สามของ VMware Carbon Black Global Threat Report แสดงให้เห็นว่าการที่ธุรกิจทั่วโลกเกิดความชะงักงันเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นการเปิดช่องให้กับอาชญากรไซเบอร์ อันนำไปสู่ภัยคุกคามอย่างคาดไม่ถึง แต่หากมองในแง่บวก สถานการณ์นี้ผลักดันให้องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องงัดกลยุทธ์ออกมาเพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น #1: การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyberattack) กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก อาชญากรกำลังพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง ในขณะที่รูปแบบการรักษาความปลอดภัยแบบเก่า ๆ ถูกทำลายลง จากการสำรวจ 90% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ระบุว่าการโจมตีทางไซเบอร์มีอัตราสูงขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ 94% ขององค์กรทั่วโลกต่างประสบปัญหาการละเมิดความปลอดภัย โดยจำนวนการละเมิดเฉลี่ยที่พบในรายงานในปีที่ผ่านมาคือ 2.17 มากกว่า 9 ใน 10 ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย กล่าวว่าพวกเขาเห็นว่าการโจมตีทางไซเบอร์โดยรวมเพิ่มขึ้นจากการทำงานจากที่บ้าน ดร. แมธธิว ทอดด์ อดีต CISO และอาจารย์ใหญ่คนปัจจุบันที่ Full Scope Consulting LLC กล่าวว่า “จากสถานการณ์ COVID-19 องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับความจริงที่ท้าทายอย่างกะทันหัน…

หลายรัฐในอเมริกาเริ่มใช้แอปโทรศัพท์มือถือให้ข้อมูลการเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ

Loading

Covid19 App เกือบหนึ่งปีตั้งแต่เริ่มการระบาดของโควิด -19 และหลังจากที่มีบางประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ อิสราเอล และตุรกี ใช้แอปเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโรคดังกล่าว ขณะนี้หลายรัฐในสหรัฐฯ เริ่มสนใจใช้ประโยชน์จากแอปในโทรศัพท์มือถือเช่นกัน ในหลายประเทศ กระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานผู้รับผิดชอบในระดับชาติมักเป็นผู้จัดทำแอปเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ในสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลกลางไม่มีแผนงานดังกล่าว เรื่องนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ละรัฐเพื่อจัดทำแอปใช้งานในรัฐของตนโดยเฉพาะ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาหรือลักษณะของแอปนี้อาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเทคโนโลยีที่ใช้ก็มาจากสองแหล่งใหญ่ คือ Apple กับ Google นั่นเอง โดยเป้าหมายหลักคือการใช้เทคโนโลยีช่วยแจ้งให้ประชาชนทราบอย่างรวดเร็วว่าตนเคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อหรือไม่ และเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถติดตามเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว และขณะที่แอปในประเทศจีน เกาหลีใต้ อิสราเอล กับตุรกี อาศัยการระบุตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคล เพื่อช่วยให้ทราบว่าใครเคยเข้าใกล้ผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 หรือไม่นั้น ลักษณะของแอปที่ใช้ในอเมริกาจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น ๆ ที่ผู้ใช้แอปได้เข้าใกล้ รวมทั้งระยะเวลาที่อยู่ใกล้ โดยข้อมูลในลักษณะที่เรียกว่า “digital handshake” หรือการตรวจจับสัญญาณระหว่างโทรศัพท์ซึ่งกันและกันนี้ จะถูกเก็บไว้เฉพาะในโทรศัพท์ของเจ้าของแอปเท่านั้น และวิธีดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่มีผลเลือดเป็นบวก เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะให้โค้ดพิเศษแก่ผู้ที่เคยได้รับเชื้อให้ใส่ลงในแอปเพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่ใกล้ ถึงแม้ Apple กับ Google จะตั้งเงื่อนไขว่าจะยอมให้นำเทคโนโลยีของตนไปใช้ หากแอปติดตามโควิด-19 นี้ไม่ระบุตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น หรือข้อมูลเฉพาะด้านอื่นก็ตาม แต่คำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวก็ยังคงมีอยู่ เพราะมีความกังวลว่าแอปเหล่านี้อาจเก็บข้อมูลมากกว่าที่ผู้ใช้ทราบหรือยอมรับ…

การก่อการร้ายแบบผสานสองโลก (O2O): แผนลับคืนชีพรัฐอิสลาม (Islamic state) ในโลกเสมือนจริง (ตอนที่ 5)

Loading

ที่มาภาพ: https://www.wired.co.uk/article/isis-digital-backup Written by Kim แม้กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State-IS) สูญเสียพื้นที่ยึดครองทางภูมิศาสตร์ในซีเรียและอิรักจากการปราบปรามของสหรัฐฯและพันธมิตรทีละแห่งระหว่างปี 2017 – 2018 แต่ในโลกเสมือน (online) พวกเขายังคงสามารถให้ “บริการ” ด้านต่าง ๆ ต่อไปในเขตอาณา (ดินแดน) ทางดิจิทัล เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ สนับสนุนช่วยฝึกสอนการก่อการร้ายแก่ผู้คนทั่วโลกที่คิดว่าตัวเองเป็นพลเมืองของ IS การตรวจพบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของ IS ในโลกออนไลน์แสดงให้เห็นความยืดหยุ่น (resilience) และการวางแผนปรับตัววิวัฒนาการไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยทิ้งอดีตที่สูญเสียอย่างยับเยินอยู่เบื้องหลังเพื่อเตรียมฟื้นคืนชีพในโลกเสมือน สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อ 3 กันยายน 2020 ว่า นักวิจัยของสถาบันการเสวนาทางยุทธศาสตร์ (Institute of Strategic Dialogue-ISD) ตรวจพบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลามในโลกเสมือน ห้องสมุดดิจิตอลดังกล่าวรวบรวมเอกสารมากกว่า 90,000 รายการและมีผู้เข้าเยี่ยมชมเดือนละ 10,000 ราย[1] ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าคลังข้อมูลดังกล่าวช่วยเติมเต็มเนื้อหารุนแรงสุดโต่งบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งยากต่อการรื้อทิ้ง เนื่องจากข้อมูลไม่ได้ถูกจัดเก็บในที่เดียวกัน แม้หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายในอังกฤษและสหรัฐฯได้รับการแจ้งเตือน แต่คลังข้อมูลดังกล่าวยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น           คลังข้อมูลของ IS ถูกค้นพบหลังการเสียชีวิตของ Abu Bakr al-Baghdadi ผู้นำ IS เมื่อตุลาคม 2019 ขณะนั้นสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากที่สนับสนุน IS โพสต์ลิงค์สั้น ๆ ที่นำนักวิจัยไปยังที่เก็บเอกสารและวิดิโอในภาษาต่าง ๆ 9 ภาษา[2] (ไม่มีภาษาไทย) รวมถึงรายละเอียดการโจมตี Manchester Arena เมื่อ 22 พฤษภาคม 2017 กรุงลอนดอน 7…

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เตือน อเมริกาเริ่มรับมือภัยคุกคามจีนได้แล้ว

Loading

Members of a Chinese military band pose for photos before a reception at the Great Hall of the People in Beijing on the eve of China’s National Day on Sept. 30, 2020 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรคริพับลิกันเผยแพร่รายงานสองฉบับในวันพุธ ที่มีเนื้อหาเตือนว่า สหรัฐฯ กำลังถูกจีนนำไปแล้วหลายก้าว และอาจถูกจีนขึ้นมาแทนที่ในฐานะมหาอำนาจของโลกในไม่ช้า คณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานโดย ส.ส. พรรคเดโมแครต ซึ่งระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ และบรรดาหน่วยข่าวกรองของประเทศขาดทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ประเทศสามารถแข่งขันกับจีนในเวทีโลกในอีกหลายทศวรรษจากนี้ รายงานฉบับนี้ ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองหลายร้อยชั่วโมงและการทบทวนผลการประเมินหลายพันฉบับ ยังวิจารณ์หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ว่า สนใจภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย เช่น การรับมือกับกลุ่มอัลไกดาห์และกลุ่มไอซิส มากเกินไป จนละเลยภัยคุกคามในโลกยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลง เช่น…