ปะทะเดือด! ตำรวจฮ่องกงฉีดน้ำแรงดันสูง-สเปรย์พริกไทยสลายม็อบต้าน ‘กม.ความมั่นคง’

Loading

รอยเตอร์ – ตำรวจฮ่องกงฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลายการชุมนุมประท้วง ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงบ่ายวันนี้ (1 ก.ค.) หลังจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เริ่มมีผลบังคับ โดยเจ้าหน้าที่เตือนว่านักเคลื่อนไหวที่ถูกจับกุมอาจโดนตั้งข้อหาแบ่งแยกดินแดน และล้มล้างการปกครอง รัฐบาลจีนได้เปิดเผยรายละเอียดของกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่จะใช้กับฮ่องกงเมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.) ซึ่งทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าเกาะศูนย์กลางการเงินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจะถูกผลักเข้าไปอยู่ใต้เงาของระบอบเผด็จการ ตำรวจปราบจลาจลใช้สเปรย์พริกไทยเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคน ซึ่งออกมารวมตัวกันที่ย่านใจกลางเมือง เนื่องในวันครบรอบ 23 ปีที่อังกฤษส่งคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน และรายงานว่านักเคลื่อนไหวหลายคนถูกจับ ขณะที่ห้างร้านและสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งต้องปิดให้บริการ “ผมก็กลัวติดคุกนะ แต่เพื่อความยุติธรรมผมต้องออกมา ผมต้องลุกขึ้นสู้” ชายวัย 35 ปีคนหนึ่งที่ชื่อว่า เซธ (Seth) ให้สัมภาษณ์ ฝูงชนจำนวนมากที่ทยอยหลั่งไหลเข้าสู่ท้องถนนต่างป่าวร้องสโลแกน “ต่อต้านให้ถึงที่สุด” และ “เอกราชของฮ่องกง” ล่าสุด มีรายงานว่า ตำรวจฮ่องกงใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงขับไล่ผู้ประท้วง และจับกุมนักเคลื่อนไหวประมาณ 30 คน ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุม, กระทำการกีดขวาง, ครอบครองอาวุธ และละเมิดกฎหมายความมั่นคง ก่อนหน้านั้น ตำรวจได้ชูป้ายข้อความสีม่วงที่เตือนผู้ประท้วงว่า “พวกคุณกำลังชูธงและป้ายข้อความ, ป่าวร้องสโลแกน หรือกระทำการที่แสดงถึงเจตนาในการแบ่งแยกดินแดนหรือล้มล้างการปกครอง ซึ่งอาจมีความผิดตามกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่” กฎหมายความมั่นคงที่จีนประกาศใช้ได้กำหนดบทลงโทษสำหรับความผิดอาญาฐานแบ่งแยกดินแดน, บ่อนทำลายรัฐ, ก่อการร้าย และสมคบคิดกับรัฐบาลต่างชาติ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต และยังกำหนดให้ตั้งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติขึ้นในฮ่องกงซึ่งจะมีอำนาจอยู่เหนือกฎหมายท้องถิ่น แม้ทางการจีนและฮ่องกงจะออกมายืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า กฎหมายนี้มุ่งลงโทษ…

เหตุยิงถล่มอัฟกานิสถานส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบ

Loading

Afghans carry the body of a man who was killed during an attack, in the southern Helmand province, Monday, June 29, 2020. A car bombing and mortar shells fired at a busy market in southern Afghanistan’s Helmand province on Monday killed over 20… มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 23 รายและบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 15 ราย ในจังหวัดเฮลมานด์ ทางตอนใต้ของประเทศอัฟกานิสถานในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังเกิดเหตุยิงจรวดใส่พื้นที่ตลาดอันคลาคล่ำไปด้วยผู้คน รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนในพื้นที่กล่าวหากองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถาน ว่าเป็นผู้ยิงจรวดเข้ามาในเขตแซงกิน ของจังหวัดเฮลมานด์ระหว่างการปะทะกับกองกำลังตาลิบัน…

ตลาดหลักทรัพย์ปากีฯโดนถล่ม ยอดดับเพิ่ม 10 รวมมือปืน 4 ราย ไรเฟิล AK-47พร้อมระเบิดตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

Loading

เอเจนซีส์ – สำนักงานตลาดหลักทรัพย์ปากีสถานที่เมืองการจีถูกโจมตีเช้านี้(29 มิ.ย)สถานการณ์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 10 ราย รวมมือปืน 4 รายที่ถูกตำรวจวิสามัญ หลังเกิดเหตุพบปืนไรเฟิล AK-47 ระเบิดมือแบบขว้าง และวัตถุระเบิดอื่นๆตกในที่เกิดเหตุที่ชี้ไปว่าคนร้ายพร้อมสำหรับการเข้าบุกยึดเป็นเวลานาน หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(29 มิ.ย)ว่า ตำรวจปากีสถานแถลงว่า เช้าวันจันทร์(29)มีกลุ่มมือปืนไม่ทราบชื่อบุกโจมตีสำนักงานตลาดหลักทรัพย์ PSX (Pakistan Stock Exchange) ในเมืองการาจี ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในปากีสถาน สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในโซนที่มีความปลอดภัยสูงและอีกทั้งยังมีสำนักงานใหญ่ของธนาคารพาณิชย์เอกชนอีกหลายแห่ง ในการต่อสู้ปะทะกับเจ้าหน้าที่มือปืนเสียชีวิตทั้งหมด 4 คนในที่เกิดเหตุ หัวหน้าตำรวจการาจี กูลัม นาบี เมมอน(Ghulam Nabi Memon)แถลงว่า “มีคนร้ายทั้งหมด 4 รายคนถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ คนเหล่านี้เดินทางมาด้วยรถโตโยต้าโคโรลลาสีเงิน” ดิอินเดียนเอ็กซเพรส สื่ออินเดียรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์มีทั้งหมด 10 คน และนอกจากคนร้าย 4 คนแล้วยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 4 นาย ตำรวจ 1 นาย และพลเรือนอีก 1 คนเสียชีวิต…

รถ ผบ.ตร.เม็กซิโก ถูกกราดยิงกลางเมืองหลวงของประเทศ

Loading

ในช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในประเทศเม็กซิโก เมื่อมือปืนหลายสิบคนได้รุมกระหน่ำยิงรถของ ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 63 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโอมาร์ การ์เซีย ฟาร์ฮุค ผู้บัญชาการตำรวจกรุงเม็กซิโกซิตี้ ถูกมือปืนกระหน่ำยิงขณะกำลังนั่งรถเดินทางภายในเมืองเมื่อช่วงเวลาประมาณ 06.30 นาทีของวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยโฆษกอัยการเปิดเผยว่ามือปืน 28 คน ได้ดักรอรถของผู้บัญชาการตำรวจตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น. ของวันเดียวกัน และเมื่อรถของเป้าหมายมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายก็ใช้รถบรรทุกปิดเส้นทางและเริ่มลงมือกราดยิงใส่รถยนต์ นางคลอเดีย เชียนบาม นายกเทศมนตรีประจำกรุงเม็กซิโก ซิตี้ได้เปิดเผยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นายฟาร์ฮุคได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คน และหญิงที่ใช้ท้องถนนในระหว่างเกิดเหตุอีก 1 คนเสียชีวิต ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้มีอาการทรงตัว โดยผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลที่บริเวณหัวไหล่ หัวเข่า และกระดูกไหปลาร้า ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุอุกอาจครั้งนี้ 12 คน และทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบด้วยการดูกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ รวมไปถึงสอบปากคำผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรวมไปถึงมูลเหตุจูงในการก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ ด้านนายฟาร์ฮุคได้ทวีตข้อความกล่าวหาว่ากลุ่ม CJNG แก๊งอาชญกรรมในเม็กซิโกเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ———————————————————– ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / 27 มิถุนายน…

คลื่นใต้น้ำของการประท้วงในสหรัฐฯ: ความน่ากลัวของพวกแหกคอก

Loading

ที่มาภาพ:https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/16/Virginia_2nd_Amendment_Rally_%282020_Jan%29_-_49416109936_%28cropped%29.jpg Written by Kim ขบวนการ Boogaloo[1] ของสหรัฐฯประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่ได้รับอิทธิพลหลากหลายมารวมกันด้วยความรังเกียจการบังคับใช้กฎหมายของรัฐ ขบวนการนี้เห็นด้วยกับสิทธิในการครอบครองอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว โดยตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่สอง (2nd Amendment)[2] อย่างแคบและอำพรางตัวภายใต้การประท้วงเพื่อให้มลรัฐต่าง ๆ ยุติการปิดเมือง (reopen) ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งเข้าร่วมการประท้วงกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd พลพรรคของขบวนการมีแผนก่อความรุนแรงเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ การโจมตีครั้งล่าสุดใน Las Vegas โดยบุคคลสามคน (ถูกตรวจพบก่อน) และการกราดยิงที่ Santa Cruz และ Oakland โดยบุคคลซึ่งเรียกตัวเองว่า Boogaloo Bois นั้น ผู้ก่อเหตุทั้งหมดมีประสบการณ์ทำงานในกองทัพสหรัฐฯ[3] การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงความสับสนของปี 2019 จนถึงช่วงน่าอับอายกลางปี 2020 โดยกลุ่มบุคคลผู้มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาล อยู่ในช่วงเริ่มต้นของคลื่นใต้น้ำของเครือข่ายปฏิบัติการ Boogaloo (คำรหัส) หมายถึง “สงครามกลางเมือง” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Breakin’2: Electric Boogaloo ที่ออกฉายช่วงกลางทศวรรษ 1980 บุคคลในขบวนการซึ่งเรียกตัวเองว่า “Boogaloo Bois” มักอ้างภึงภาพยนตร์ดังกล่าวประหนึ่งสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 (Civil War 2: Electric Boogaloo) ความแปลกแหวกแนวของขบวนการ Boogaloo ได้แก่ การสวมเสื้อเชิตฮาวาย แต่งกายด้วยเครื่องประดับ igloos[4] และใช้การ์ตูน memes[5] ขบวนการได้แต่งตั้ง Duncan Lemp หรือ Boogaloo Boi ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารระหว่างการจู่โจมบ้านของเขาในมลรัฐ Maryland ให้มีสถานะเป็นไอคอนและผู้พลีชีพ เช่นเดียวกับพวก incels[6] ยกย่องบูชา Elliot Rodger[7] หรือพวกคนขาวผู้สูงส่ง…

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโกถูก Ransomware เรียกค่าไถ่ 1.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Loading

เมื่อต้นเดือนมิถุนายน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก หรือ UCSF สถาบันวิจัยและการศึกษาด้านสุขภาพชั้นนำของโลกได้ถูกกำหนดเป้าหมายในการโจมตีโดยกลุ่ม NetWalker (aka MailTo) Ransomware ซึ่งได้มีการโพสต์โชว์หลักฐานแสดงการรั่วไหลของข้อมูลลงในเว็บไซต์เพื่อหวังข่มขู่ในการเรียกค่าไถ่ UCSF กล่าวในแถลงการณ์ว่าเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนเจ้าหน้าที่ไอที UCSF ตรวจพบและหยุดการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตในสภาพแวดล้อมไอทีส่วนที่จำกัดของโรงเรียนแพทย์ในขณะที่เกิดการบุกรุกขึ้น ด้วยความระมัดระวังอย่างมากได้แยกเซิร์ฟเวอร์ของโรงเรียนออกจากกัน และว่าจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งเครือข่ายของ UCSF โดยรวมไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการส่งมอบการดูแลผู้ป่วย สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าการโจมตีของแฮ็กเกอร์ไม่ได้ขัดขวางการทดสอบแอนตีบอดีที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาโดยนักวิจัยของ UCSF วันศุกร์ 26 มิถุนายน UCSF แถลงการณ์ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีได้ตรวจพบการบุกรุกเข้ามาในส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายไอทีโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเมื่อ 1 มิถุนายน จากนั้นได้แยกระบบไอทีหลายแห่งภายในคณะแพทยศาสตร์ออกจากเครือข่ายหลักของ UCSF ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการส่งมอบการดูแลผู้ป่วยเครือข่ายมหาวิทยาลัยโดยรวมหรืองาน COVID-19 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้หยุดการโจมที่กำลังเกิดขึ้น ผู้บุกรุกได้เปิดมัลแวร์ (Netwalker) เข้ารหัสในเซิร์ฟเวอร์ของโรงเรียนแพทย์จำนวนหนึ่ง และได้ขโมยข้อมูลบางส่วนเป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการเรียกค่าไถ่ ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสมีความสำคัญต่องานวิชาการบางส่วน จึงตัดสินใจยากที่จะจ่ายค่าไถ่บางส่วนประมาณ 1.14 ล้านเหรียสหรัฐฯ เพื่อแลกกับเครื่องมือหรือคีย์สำหรับปลดล็อกข้อมูลที่เข้ารหัสและการรับข้อมูลที่ถูกขโมยไป มหาวิทยาลัยฯ ไม่ได้เปิดเผยอย่างแน่ชัดว่าไฟล์ข้อมูลอะไรกันแน่ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่มันคงมีความสำคัญมาก ๆ ซึ่งอาจจะเป็นงานวิชาการที่ได้ศึกษาวิจัยมาเป็นเวลานานที่ยังไม่มีใครค้นพบหรืออาจจะเป็นประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยที่กลัวว่าจะถูกนำออกไปเปิดเผย ล่าสุดเดือนนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในบ้านเราก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าโดนมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตีเช่นกัน…